ที่มา ไทยรัฐ
คงถึงเวลาต้องมาระดมสมองกันอีกครั้ง เพื่อหาทางปรับเปลี่ยนรูปแบบการปกครองให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากที่สุด โดยเฉพาะตอนนี้ ประชาชนได้แบ่งออกเป็น 3 ฝ่าย คือ เสื้อแดง เสื้อเหลือง และเสื้อขาวฝ่ายเป็นกลาง
ในส่วนของเสื้อแดงนั้นค่อนข้างชัดเจนว่าต้องการให้มีการปกครองแบบเลือกตั้ง หนึ่งคนมีหนึ่งเสียงเท่าเทียมกัน เพื่อให้เสียงข้างมากบริหารประเทศ ส่วนเสียงข้างน้อยนั้น ให้คอยทักท้วงภายใต้ ขอบเขตของกฎหมาย เพื่อรักษาขื่อแปของบ้านเมืองเอาไว้
ขณะที่เสื้อเหลืองไม่ค่อยศรัทธาระบบเลือกตั้งเท่าไหร่ เพราะเชื่อว่า มีการซื้อเสียงลากตั้งกันเข้ามา ก็เลยเสนอระบบสรรหา แต่หลังจากมีการเปลี่ยนรัฐบาลจากรัฐบาลทักษิณมาเป็นรัฐบาลอภิสิทธิ์ ซึ่งโดนใจชาวเสื้อเหลืองเป็นอย่างมาก ก็เลยเลิกประท้วงเรียกร้องระบบสรรหากันไปเฉยๆ
หลายคนก็เลยงง ไม่รู้ว่าเสื้อเหลืองต้องการอะไรกันแน่
เพราะแค่เปลี่ยนชื่อรัฐบาลจากทักษิณมาเป็นอภิสิทธิ์ก็พอใจกันถ้วนหน้า คล้ายๆกับจะบอกว่า อั๊วไม่ชอบขี้หน้าลื้อ ฉะนั้น ลื้อรีบไสหัวไปซะแล้วทุกอย่างจะจบ เรื่องแบบนี้ ใครพอจะมีความคิดอ่านมีเหตุผลอยู่บ้าง ก็ไปไตร่ตรองกันเอาเอง จริงๆแล้วที่ประท้วงกันจะเป็นจะตาย ปิดทำเนียบฯ ปิดสนามบิน บ้านเมืองเสียหายไปเป็นแสนล้าน
สุดท้ายก็เพราะไม่ยอมรับมติมหาชนที่เลือกพรรคอันดับ 1 ให้มาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ แต่ใช้ความเห็นของกลุ่มตัวหรือพวกตัวเป็นใหญ่ สถาปนาพรรคการเมืองอันดับ 2 ให้เป็นรัฐบาลบริหารประเทศแทน สะท้อนให้เห็นเด่นชัดว่า แผ่นดินนี้ กฎหมู่ต้องอยู่เหนือกฎหมายวันยังค่ำใช่หรือไม่
ก็เอาเถอะว่ากันไปตามสบาย เพราะในที่สุด ความเห็นขัดแย้งแบบคนละขั้วระหว่างคนสองฝ่ายในประเทศไทย จะต้องหาจุดลงตัวจุดใดจุดหนึ่งได้สักวัน ในเมื่อทั้งสองกลุ่มต่างก็ยอมรับแนวทางของกันและกันไม่ได้อีกต่อไป
สิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่า ถึงเวลาต้องปรับเปลี่ยนระบบการปกครองให้สอดคล้องกับความเป็นจริงแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะไปบังคับให้กลุ่มคนนับล้านสองฝ่าย ซึ่งมีแนวความคิดทางการเมืองต่างกัน ต้องมานั่งทนการแสดงความคิดเห็นและท่าทางพฤติกรรมที่แตกต่างของแต่ละฝ่าย แล้วก็โมโห โกรธาเป็นเดือดเป็นแค้น ทำร้ายซึ่งกันและกันอีกต่อไป
ผมว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการกระจายอำนาจออกไปให้กับส่วนภูมิภาคต่างๆได้บริหารจัดการวิธีการปกครองตามความต้องการของประชาชนแต่ละจังหวัดได้อย่างยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อตอบสนองความ ต้องการทางการเมืองที่ค่อนข้างหลากหลายในปัจจุบัน
การเลือกตั้งหรือแต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศก็เป็นแนวทางหนึ่ง ที่จะผ่อนคลายความอึดอัดของประชาชนลงได้ โดยให้ทำการสำรวจประชามติอย่างเป็นทางการในแต่ละจังหวัดว่าจังหวัดใดต้องการแต่งตั้งผู้ว่าฯเหมือนเดิม หรือจังหวัด ใดต้องการลองของใหม่ด้วยการเลือกตั้งผู้ว่าฯ หรือสรรหาผู้ว่าฯ
จากนั้นก็ให้ระบบการปกครองที่แตกต่างกันในแต่ละจังหวัดทำการแข่งขันพิสูจน์ตัวเองต่อสังคมว่า ระบบแต่งตั้ง ระบบสรรหา หรือระบบเลือกตั้งแบบไหนห่วยแตกกว่ากัน
ข้อสำคัญ การกระจายอำนาจไปยังภูมิภาค ยังจะเป็นการช่วยลดแรงกดดันต่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกด้วย เพราะถ้าผู้ว่าฯในจังหวัดต่างๆมีอำนาจสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนในแต่ละจังหวัดได้ดี
ทุกฝ่ายก็จะได้เลิกมารุมสกรัมนายกฯเสียที ไม่ใช่แค่ไม่ชอบขี้หน้านายกฯ ก็ปลุกระดมเผาบ้านเผาเมืองจนแทบล่มจมไปตามๆกัน สุดท้ายแค่เปลี่ยนหน้านายกฯจากเหลี่ยมเป็นหล่อ ปัญหาก็ยุติ
สาธุ ประเทศไทย การเมืองใหม่ที่เรียกร้องกันนักหนา ก็คือ นายกฯต้องหน้าหล่อนี่เอง.
“เห่าดง”