ที่มา ไทยรัฐ
จากกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางไปเป็นประธานการประชุม ก.ตร. พิจารณาแต่งตั้ง โยกย้ายข้าราชการตำรวจ ระดับรอง ผบ.ตร.ที่ว่างลง 1 ตำแหน่ง แต่ยังไม่สามารถแต่งตั้งรอง ผบ.ตร.ได้ เนื่องจากศาลปกครองมีคำสั่งให้จัดลำดับอาวุโสของ พล.ต.ท.ชลอ ชูวงษ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ใหม่ ทำให้ต้องเลื่อนการพิจารณาออกไปเป็นวันที่ 13 ก.พ.นี้ ส่วนตำแหน่งอื่นที่น่าสนใจ คือการเด้ง พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.ไปเป็น ผบช.ภ.4 แล้วให้ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.ก. ไปเป็น ผบช.น.แทน พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู จตร.(สบ8) นรต.27 สามีนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู หรือแม่เลี้ยงติ๊ก” อดีต ส.ส.แพร่ พรรคประชาธิปัตย์ เลขานุการ รมว.สาธารณสุข ไปดำรงตำแหน่ง ผบช.ก. นอกจากนี้ ยัง แต่งตั้ง พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. น้องชาย พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการ คมช. เป็น ผบช.ภ.5 จนถูกมองว่าการเมืองเข้าไปแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้นั้น
เมื่อบ่ายวันที่ 7 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.มนัส ครุฑไชยันต์ อดีต รอง อ.ตร. กล่าวว่า เป็นการแต่งตั้งโยกย้ายที่แย่ที่สุด ไม่น่าจะ เกิดขึ้นในกรมตำรวจ มีการโยกย้ายไปมา พวกใครพวกมัน ไม่คำนึงคนที่ทำงาน ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในอดีตมีบ้าง แต่ตอนนี้มีมากมายเหลือเกิน ต่อไปการทำงานของตำรวจจะแย่ลงทุกวัน ไม่มีการแข่งขันสร้างผลงานเพื่อให้ได้รับการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง สมัยก่อนมีการแข่งขันกันสูงมาก แต่สมัยนี้ ตำรวจไม่ได้แข่งขันกันทำงาน แต่แข่งขันกันวิ่งเต้นนักการเมือง เพื่อส่งไปอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญ ซึ่งไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน สำหรับตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.ที่ว่างลง ส่วนตัวคิดว่าต้องแต่งตั้ง พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้ช่วย ผบ.ตร. ขึ้นเป็น รอง ผบ.ตร. เพราะได้เห็น พล.ต.ท.อดุลย์ทุ่มเทการทำงานในภาคใต้ 3-4 ปี ต้องเสี่ยงภัย เสี่ยงชีวิตตลอดเวลา ถ้าไม่เป็น รอง ผบ.ตร.ในครั้งนี้ กรมตำรวจไม่มีคนที่ตั้งใจทำงาน เพราะมีตัวอย่างให้เห็นว่าคนที่ทำงานไม่ได้รับการตอบแทน ถูกย้ายไปที่ไม่ดี และเอาพรรคพวกของตัวเองมาอยู่แทน สมัยนี้ต้องแข่งขันกันวิ่งเต้นเข้าหานักการเมืองใหญ่สนับสนุน ไม่ได้นำเอาผลงานมาพิจารณา ประชาชนจึงต้องเป็นผู้รับบาป
ด้าน พล.ต.อ.วิสุทธิ์ กิตติวัฒน์ นายกสมาคมตำรวจ กล่าวว่า สมัยที่เป็น รอง ผบ.ตร.มีปัญหาการแต่งตั้ง รอง ผบ.ตร. แต่ ก.ตร.ไม่ได้โหวต แต่มีมติให้เปิดตำแหน่งใหม่เป็นตำแหน่งเฉพาะตัวเพื่อแก้ไขปัญหาเมื่อเกษียณราชการเลขตำแหน่งก็ถูกยกเลิกไปด้วย ตนสนับสนุนการเปิดตำแหน่งไว้รองรับคนที่ทำงาน หากจำเป็นต้องมีการแต่งตั้งคนที่ทำงาน มีผลงานเป็นเรื่องที่ทำได้ แต่ไม่ใช่เปิดตำแหน่งให้ทุกคน ซึ่งหากจะมีการเสนออนุมัติเปิดตำแหน่งเพื่อตอบแทน เป็นเรื่องที่ทำได้ จะได้ไม่เกิดปัญหาในการทำงาน
วันเดียวกัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การแต่งตั้งโยกย้าย พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว จาก ผบช.น.ไปเป็น ผบช.ภ.4 รวมทั้งการแต่งตั้ง พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู สามีนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู หรือ “แม่เลี้ยงติ๊ก” อดีต ส.ส.แพร่ พรรคประชาธิปัตย์ เป็น ผบช.ก.ว่า ไม่มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง และพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีส่วนได้เสียจากการโยกย้ายในครั้งนี้ ขอให้ติดตามการชี้แจงเหตุผลการโยกย้ายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตโยงเป็นประเด็นการเมือง เพราะมีการแต่งตั้ง พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. ไปเป็น ผบช.ภ.5 และ พล.ต.ต. ทรงธรรม อัลภาชน์ ผบก. ประจำ สง.ผบ.ตร. กลับไปเป็น ผบก.ภ.จ.เชียงราย โดยทั้งคู่เป็นนายตำรวจที่อยู่เบื้องหลังหาหลักฐานในคดีใบแดงของนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ในขณะที่รัฐบาลสั่งรื้อฟื้นคดีชิปปิ้งหมูขึ้นมาใหม่ นายสุเทพตอบว่า นายตำรวจทั้งสองคนเป็นผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นอย่างดี เราจึงแต่งตั้งเข้ามาทำงาน การที่จะเอาตำรวจไปรื้อฟื้นคดีชิปปิ้งหมูที่ถูกฆ่าตายกลางวันแสกๆ แต่ที่ผ่านมาตำรวจจับใครไม่ได้ ก็ต้องเอาคนที่ทำงานเข้ามาทำ ดังนั้นคนที่จะเดือดร้อนก็เพราะไปสั่งฆ่าใครใช่หรือไม่ ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคเพื่อไทยอาจมองว่ารัฐบาลพยายามจะเชื่อมโยงไปถึงนายยงยุทธ ติยะไพรัช ในฐานะอดีต ส.ส.เชียงราย นายุสุเทพตอบว่า เอาไว้ถ้าถึงตัวก่อนแล้วค่อยออกมาโวยวาย แต่ให้ไปโวยวายในชั้นศาล วันนี้ทั้งพรรคเพื่อไทย กลุ่มเสื้อแดงและดีทีวี เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ที่ต้องการเคลื่อนไหวโยงทุกเรื่องทางการเมือง เพื่อหวังให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) พิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราช-การตำรวจว่า ทางพรรคทราบว่า การพิจารณาอยู่บนพื้นฐานความเหมาะสม ความสามารถ และระบบคุณธรรมโดยเคร่งครัด ไม่มีการเล่นพรรคเล่นพวก หรือสร้างความขัดแย้งให้สถาบันตำรวจเกิดความแตกแยก เนื่องจากมีความจำเป็นที่คดีความสำคัญๆหลายเรื่อง ต้องได้รับการสะสางให้ได้ข้อยุติ สำหรับ พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู จเรตำรวจ (สบ 8) สามีนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู หรือแม่เลี้ยงติ๊ก รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็น ผบช.ก.นั้น ได้รับราชการตำรวจมาก่อนที่ภรรยาจะเริ่มทำงานการเมือง และการก้าวขึ้นมาในพรรคก็ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านด้วยซ้ำ ถือว่าเป็นระบบคุณธรรมที่ทำด้วยความรู้ความสามารถของ พล.ต.ท.ไถงเอง
ทางด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงภายหลังการประชุมคณะทำงานทีมโฆษก พรรคว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ดูแลด้านความมั่นคงและกำกับดูแล สตช.ที่เป็นประธาน ก.ตร.เข้าร่วมประชุมด้วย อาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย เนื่องจากไม่มีอำนาจเข้าไปโยกย้าย ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายหมายของพรรค กำลังศึกษาระเบียบ การแต่งตั้งโยกย้ายว่ามีอำนาจแค่ไหน ถ้าไม่มีอำนาจ นายสุเทพอาจจะต้องถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง และการแต่งตั้งอาจเป็นโมฆะ นอกจากนี้ ยังเห็นว่ากรณีโยกย้าย พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู สามีนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู อดีต ส.ส.แพร่ และเลขานุการ รมว.สาธารณสุข ไปเป็น ผบช.ก. และ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ไปเป็น ปรท.ผบช.ภาค 5 ชี้ให้เห็นว่าเป็น ยุคคนใกล้ชิดพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มพันธมิตรฯ และกองทัพครองเมือง เพราะอย่าลืมว่า พล.ต.ท.สมคิด เป็นคนรับผิดชอบคดีใบแดงของนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน จนทำให้พรรคถูกยุบ แต่ยังกลับตั้ง พล.ต.ท.สมคิดไปรับผิดชอบในพื้นที่ภาคเหนือเพื่อจัดการคนเสื้อแดง ยุทธศาสตร์ทำลายล้างระบอบทักษิณแบบนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่างนายสุเทพที่เป็นคนสั่งการ กับนาย “น” ที่เป็นคนชี้เป้า การตั้งข้าราชการที่เป็นปฏิปักษ์กับฝ่ายตรงข้ามไปอยู่ในพื้นที่แบบนี้จะทำให้สังคมเกิดความปรองดองได้อย่างไร
ด้าน พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. เปิดเผยว่า ไม่รู้สึกน้อยใจที่ถูกโยกย้ายไปดำรงตำแหน่ง ผบช.ภ.4 เพราะเป็นข้าราชการประจำ ไม่ว่าจะได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ใดก็สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ พร้อมกับย้ำว่า จะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกระทั่งมีคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ใหม่ และไม่รู้สึกหนักใจในการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แม้จะมีกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงบ้างก็ตาม สำหรับที่ผ่านมามีปัญหาด้านกำลังพลและอุปกรณ์ เกี่ยวกับการควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งจะต้องประสานความร่วมมือกับทุกหน่วย ทั้งด้านการข่าวและการปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิด ส่วน พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งจะมาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาลคนใหม่นั้น ผบช.น.กล่าวว่า มีความเหมาะสมทุกด้าน เชื่อว่าจะสามารถทำงานได้อย่างดี
ส่วน พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.ก. ที่โยกไปเป็น ผบช.น. กล่าวว่า ไม่รู้ตัวมาก่อนว่าจะได้โยกย้ายไปเป็น ผบช.น. แต่มารู้เหตุผลว่าเป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาไว้วางใจ จะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ มีความมั่นใจที่จะนำระบบการทำงานที่ผ่านมาในช่วงที่เคยทำงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งควบคุมกำลังพลจำนวนมากมาใช้ในพื้นที่นครบาล ส่วนสถานการณ์การชุมนุมประท้วง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ประชาชนต้องการเห็นความสมานฉันท์ จะเอาแนวคิดนี้มาปรับใช้ในการทำงาน ความพร้อม ความเข้าใจบทบาทและหน้าที่เป็นเรื่องสำคัญ ทุกคนต้องใช้ความอดทนอดกลั้น เชื่อว่าการทำงานภายใต้กรอบอำนาจหน้าที่ ไม่ให้ลุแก่อำนาจ และบันดาลโทสะ ไม่ใช้ความรุนแรงและเข้าใจสิทธิของประชาชน ทุกอย่างทำได้ภายใต้กรอบของกฎหมาย ไม่มีการล่วงละเมิดสิทธิคนอื่น