โดย KILLLLER
ที่มา เว็บบอร์ดประชาไท
10 กุมภาพันธ์ 2552
วินทร์ เลียววาริณ + ปราบดา หยุ่น มุมมองสติปัญญานักเขียนชื่อดังของไทย ต่อการเมือง
ต้นตอทั้งหมดอยู่ที่นี่
ขอคัดมาบางส่วนเพื่อตรวจสอบระดับไอคิว ทางการเมืองของนักเขียนไทย นามกระเดื่อง ที่โต้ตอบกันโดยพยายามโชว์ภูมิปัญญา อันสุดแสนจะน้ำเน่าเหลาเหย่ เต็มไปด้วยอคติโสมม ไร้เดียงสาทางการเมือง
เดือนก่อนนั้นนายกฯยังเป็นคนแก่พุงกลมจมูกโตขี้โม้ ทำไมสัปดาห์ที่แล้วจึงกลายเป็นคนผอมบอบบางร่างเล็กที่ชอบตีหน้าเอ๋อเหลอแล้ว พูดตะกุกตะกักว่า “ยังไม่รู้เรื่อง ยังไม่เห็น ยังไม่ได้คิด” แล้วไหงอยู่ๆวันนี้กลายเป็นคนหนุ่มหน้าหล่อขึ้นมาเสียได้... บักคุ่นลูกบักหยุ่น
นี่แสดงให้เห็นถึงอคติเดรัจฉานทิฐิในจิตใจอย่างรุนแรง ตรงคนหนุ่มหน้าหล่อ นั้นต้องเสริมด้วยว่า คนหนุ่มหน้าหล่อชอบลอกการบ้าน เทวดาลายพรางอุ้มสม มันถึงจะแฟร์
เพราะถ้ากลุ่มคนทั้งหลายที่ขัดแย้งแก่งแย่งอำนาจกันอยู่นั่นเขามีสำนึกหรือ มีความต้องการที่จะปฏิบัติตามความเห็นเหล่านั้น ก็คงทำไปนานแล้ว ผมคิดว่าเราต้องยอมรับว่าปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในขณะนี้ไม่สามารถมีคำ ว่าสมานฉันท์ เพราะมันได้กลายเป็นการแบ่งฝ่ายธรรมะกับอธรรมไปจนเกินเยียวยา....
....“ปัญหาของสมาชิกในสังคมประชาธิปไตยก็คือพวกเขาเห็นประชาธิปไตยเป็นสูตร สำเร็จที่มีอยู่แล้ว ไม่ใช่เป็นภารกิจที่จะต้องทำให้มันเกิดขึ้น” หมายความว่าความจริงแม้แต่ประชาธิปไตยก็ไม่ใช่ระบอบการปกครองที่มีความ สมบูรณ์ถึงขั้นที่ไม่ต้องพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อเราถูกกล่อมสมองโดยปากเหม็นๆของนักการเมืองที่ต้องการรักษาอำนาจตัว เองว่า อย่างนั้นเป็นประชาธิปไตย อย่างนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตย
บักคุ่น ถ้ารู้กำพืดการเมืองไทยเหมือนกับที่พล่ามมาเสียยืดยาว มันจะไม่มีวันโทษนักการเมืองในระบบเลย แต่มันจะต้องมองข้ามหัวสิ่งเหล่านี้ไปถึงต้นตอแห่งปัญหา น่าเสียดายที่ สมองมันไม่ถึงระดับ ตราบใดที่มันยังให้คำจำกัดความ "นักการเมือง" อยู่เพียงแค่ นักเลือกตั้ง พวกมันก็ยังคงหลงในวังวนแห่ง การโฆษณาชวนเชื่อ ทั้งที่ ยุคนี้มันมี "นักการเมืองนอกระบบ" เข้ามาร่วมแจมด้วย บ้านเมืองมันถึงได้ยุ่งเหยิงอย่างนี้
วินทร์ ตอบ ปราบดา
เอาละครับ ในที่สุดเราก็ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่ดูจะเป็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แม้จะไม่เปล่งแสงเจิดจ้า แต่ก็เป็นความหวังใหม่ หลังจากเรามุดคลำหาทางอยู่ในอุโมงค์มืดมาหลายปี เรายังมีงานหนักรออยู่ เราเจอทั้งปัญหาในระยะสั้นและระยะยาว
มันสำรากออกมาได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า บักมาร์ค เป็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ แสดงให้เห็นถึงระดับสติปัญญา มุมมองทางการบ้านการเมืองในระดับอนุบาล
เมื่อคืนนี้ผมมีโอกาสฟังสุนทรพจน์ของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เป็นวาทะที่ดีครับ โดยเฉพาะเมื่อคุณอภิสิทธิ์พูดถึงยายเนียม พันธ์มณี (ช่างบังเอิญอย่างประหลาดที่เมื่อ บารัค โอบามา ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ยกตัวอย่างยายแก่คนหนึ่งเหมือนกัน!) ยายเนียมวัย 84 แห่งบ้านม่วง อุบลราชธานี มอบแหวนวงหนึ่งให้คุณอภิสิทธิ์เพื่อ “หมั้นหมายกับคนอีสาน”
เป็น จุดเล็กๆ ที่กินใจดีครับ ผมเชื่อว่าถ้าคนไทยที่กำลังจะตีกันได้ดูท่อนนี้ ก็น่าจะลดความเดือดพล่านลงบ้าง และเชื่อว่าหากนายกฯคนใหม่ใช้ ‘หัวใจ’ นำทางนโยบาย ก็น่าจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องความแตกแยกได้ดีในระดับหนึ่ง
ไม่นึกว่า ระดับสมองมันจะกระจอกได้ขนาดนี้ แค่นี้มันก็เคลิบเคลิ้มไปกับโฆษณาชวนเชื่อชั้นต่ำ ระดับพื้นๆของพรรคแมงสาปไปเสียแล้ว
โดยรวมแล้ว นักเขียนชื่อดังแห่งยุค ในประเทศด้อยพัฒนาอย่างเรา ในประเทศที่คนอ่านหนังสือวันละไม่กี่นาที ระดับคุณภาพนักเขียนก็เป็นอย่างที่เห็น มันไม่ได้ส่องกระจกดูตัวเองเลย งานเขียนของพวกมันเคยไปโด่งดังถึงระดับโลกบ้างหรือเปล่า ? นักการเมืองไทยอย่างทักษิณ เขามีผลงานโด่งดังในระดับโลกมาแล้ว อย่ามัวแต่เก็บขี้ปากชาวบ้านเขา มานั่งด่านักการเมืองไทย เพื่อยกหางตัวเองให้ดูดีอยู่เลย มันเชยไปเสียแล้วว่ะ
ตัวอย่าง การเยาะเย้ยถากถางนักการเมืองไทย ของวินทร์ ที่ทำให้ตัวเขาดูเป็นคนดี มีเสน่ห์ มีกึ๋น ขึ้นมามากน้อยเพียงใดไม่ทราบ แต่สำหรับคนที่ติดตามข่าวสารการเมืองแล้ว หมอนี่คงจัดอยู่ในระดับไร้เดียงสา เกรียนการเมือง อย่างแท้จริง
อดอยากปากแห้ง = เหตุผลที่ไม่มีใครไม่อยากเป็นรัฐบาล
ตายทั้งกลม = วิธีใหม่ในการคุมกำเนิดพรรคการเมือง
ยืมจมูกคนอื่นหายใจ = ระบบนอมินีการเมือง
อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ = “เราพร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้านครับ”
หมูเขาจะหามเอาคานเข้ามาสอด = เทคนิคการใช้แรงดูดในการแข่งขันจัดตั้งรัฐบาล
รักพี่เสียดายน้อง = “ไปพรรคนั้นได้เป็นรัฐมนตรี อยู่ที่เดิมได้เงิน”
หว่านพืชหวังผล = เหตุผลในการไม่ยุบสภา
จระเข้ขวางคลอง = เหตุผลในการยุบสภา
สาดน้ำรดกัน = ระบบตรวจสอบฝ่ายตรงข้าม
สาวไส้ให้กากิน = วิธีการลับฝีปากของนักการเมือง
สิบเบี้ยใกล้มือ = เป็นรัฐบาลครึ่งปีก็ดีกว่าเลือกตั้งใหม่
วันพระไม่มีหนเดียว = กระบวนการย้ายข้าราชการที่ใครไม่รู้แต่งตั้งไปสำรองราชการ
เมื่อพีเนื้อหอม เมื่อผอมเนื้อเหม็น = ความสามารถพิเศษของข้าราชการประจำที่หมุน 360 องศาเมื่อเปลี่ยนรัฐบาล
น้ำขึ้นให้รีบตัก = ระบบกำไรสูงสุด
น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า = บทโรแมนติกทางการเมืองแสดงออกโดยการจูบปาก
ชักแม่น้ำทั้งห้า = “เราไม่ได้ทรยศใคร เราทำเพื่อชาติ”
จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน = เทคโนโลยีการทำสารหล่อลื่น
เกลียดตัวกินไข่ = สัจธรรมว่าการเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร
วินทร์ มันจำกัดเพดานการกระแนะกระแหน เอาไว้ในระดับหนึ่งเท่านั้น เพราะมันก็เป็นเพียงแค่ เด็กในกรอบ ธรรมดาๆเท่านั้น ถ้ามันได้ไปฟังรายการจิ้งจกคาบข่าว นายแน่มาก อะไรเทือกๆนั้น มันคงช็อคตาตั้ง
หมายเหตุ: หนังสือตัวหนาเป็นของ วินทร์&หยุ่น ตัวธรรมดาของ Killer
เพื่อไทย
Wednesday, February 11, 2009
Killer นักวิจารณ์การเมืองสุดแสบ วิพากษ์ความกลวงของ "วินทร์ & ปราบดา" เละเทะ
ที่มา Thai E-News