WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, February 14, 2009

"ยุวรัตน์"ฟันธง! "มติข้างมาก"ทำกกต.ติดลบ

ที่มา มติชน

สัมภาณ์พิเศษ

โดย พนัสชัย คงศิริขันธ์




การทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในช่วงที่ผ่านมา ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันมาก ทั้งการพิจารณาคำร้องเรียนเลือกตั้งและเขียนคำวินิจฉัยล่าช้า เกิดปัญหาถูกตั้งข้อหาเรื่อง "ความไม่เป็นกลาง" เอนเอียงเข้าข้างพรรคนั้นพรรคนี้

"ยุวรัตน์ กมลเวชช" อดีต กกต.ชุดแรก ที่ได้เครดิตจากการเป็น "มือปราบนักเลือกตั้ง" สั่งใบแดง-แจกใบเหลืองกับนักการเมืองเป็นว่าเล่น จนบางจังหวัดกว่าจะได้ ส.ส.หรือ ส.ว.ครบจำนวน ก็ต้องหย่อนบัตรไป 5-6 ครั้ง ได้ให้ทรรศนะเกี่ยวกับการทำงานของ "กกต.รุ่นน้อง" ผ่าน "มติชน" ไว้ว่า...

"ผมมองว่ารัฐธรรมนูญจะทำให้ กกต.เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ และคิดว่าเคยติติงเอาไว้แล้ว ผมมอง 3 ข้อที่อยากเปลี่ยนแปลง 1.การลงมติของ กกต.ไม่ควรเป็นมติเสียงข้างมาก 4 ใน 5 ควรเป็นมติเอกฉันท์เหมือนรัฐธรรมนูญ 2540 ผมคิดว่าหากยังทำความเข้าใจกับ กกต.ทุกคนไม่ได้ มันก็ไม่ควรลงโทษเขา 2.เปิดโอกาสให้ทำความเข้าใจกันให้ได้ก่อน จะไม่ใช่ใช้วิธีลงมติแบบรวบรัดเพื่อตัดปัญหา เมื่อก่อนตีหนึ่งตีสองยังประชุมไม่เลิกเลยหากยังไม่เข้าใจตรงกัน และ 3.กกต.ต้องช่วยกันปิดปากเมื่อลงมติเสร็จแล้ว หากจะพูดก็ต้องให้สอดคล้องกัน คำตัดสินขององค์กรก็จะยังคงความศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีความแตกแยก ไม่เป็นจุดอ่อนทำให้เสียรูปคดี

"หลักของผมมีอยู่ว่า 1.คุณต้องคิดว่าความเห็นของคุณผิด ความเห็นคนอื่นถูก คุณถึงมีใจฟัง และผมก็จะเถียงกับใครไม่มาก และการทำงาน กกต.ชุดแรกมีเอกภาพมีการลดการโต้เถียงกัน และ 2.มีความอดทนมากทั้ง กกต.ชุดแรกถึงรักกัน หากจะโกรธก็เดี๋ยวเดียว เมื่อมติเอกฉันท์ การฟ้องร้อง กกต.ทั้ง 5 ต่างเป็นจำเลยหมด แต่เมื่อเป็นมติ 4 ใน 5 คนที่ไม่เห็นด้วยอาจไม่ถูกฟ้อง ทำให้ขาดความรับผิดชอบต่อองค์กร เรื่องคุณสมบัติของ กกต.ก็ควรมีการแยกตามสาขางานที่ กกต.ต้องทำ ต้องหาคนที่เชี่ยวชาญมาทำ ที่สำคัญตอนนี้นักการเมืองเขาไม่กลับใบเหลืองแล้ว แต่กลัวใบแดง ทำให้การทุจริตเลือกตั้งยังมีอยู่"

- คิดว่าโครงสร้างการทำงานของ กกต.ชุดแรกกับชุดปัจจุบันเป็นอย่างไร

ต่างกันนิดเดียว คือการลงมติโดยใช้เสียง 4 ใน 5 กับการลงมติเอกฉันท์ คิดว่าเสียงเอกฉันท์มีความยุติธรรมมากกว่า 4 ใน 5 เพราะการลงมติเอกฉันท์ คุณจะไม่ลงคะแนนต้องบอกเหตุผล

- ในการสรรหา กกต.นั้น คิดว่ารัฐธรรมนูญให้น้ำหนักไปศาลยุติธรรมมากเกินไปหรือไม่

มาจากศาลมากก็ไม่เป็นไร เพราะของชุดผม มีศาลมา 3 คน (นายจิระ บุญพจนสุนทร นายสวัสดิ์ โชติพานิช และนายธีรศักดิ์ กรรณสูต) ซึ่งทั้ง 3 คนก็ถนัดไม่เหมือนกัน ท่านธีรศักดิ์มาจากศาลแพ่ง เป็นประธาน กกต. ได้ควบคุมเรื่องเงินทอง อาจารย์สวัสดิ์เก่งด้านวินิจฉัย ก็จัดให้ลงจุดที่เหมาะ และหากงานไม่ตรงกับตัวคนก็จะติดขัดได้ สำหรับเรื่องคุณสมบัตินั้น ผมอยากให้เลือกความซื่อสัตย์สุจริตเป็นสำคัญที่สุด มากกว่าผู้เชี่ยวชาญของสาขา แต่ถ้าคำนึงความแตกต่างซึ่งกันและกันเพื่อมาดูงานก็ควรพิจารณาด้วย ซึ่งงานของ กกต.มันเป็นงานที่มีคนมาร่วมด้วยเป็นจำนวนมาก

- กกต.ชุดท่านแจกใบเหลืองใบแดงชนิดไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหม แต่ชุดนี้ถูกมองกันว่าไม่กล้าฟันนักการเมือง

(หัวเราะ) ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ คงเป็นในลักษณะเหมือนการจราจร ที่ในระยะที่มีกล้องจับจ้องคนอาจจะไม่กล้าฝ่าไฟแดงคนเลยอาจจะกลัว

- จะต้องมีการปรับระบบการสืบสวนสอบสวนของ กกต.ใหม่อย่างไร เพื่อไม่ให้ถูกวิจารณ์มาก

พูดกันจริงๆ ก็คงต้องบอกว่า กกต.ชุดปัจจุบัน ท่านเสียเปรียบเพราะคนทำงานให้ท่าน (พนักงาน) ท่านไม่ได้เลือกมารองรับงานที่ท่านจะทำ เนื่องจากมีการบรรจุข้าราชการไว้อยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว แต่ชุดพวกผมไปเลือกไปเฟ้นกันมา ผมได้แต่เพียงว่าเอาพนักงานออกมันเหนื่อยกว่าเอาเข้า

- เรื่องนี้ก็เลยเป็นที่มาว่า กกต.ถูกลองของหรือหมกเม็ดจากพนักงานอยู่เรื่อยๆ

(พยักหน้า) ครับ มันเหนื่อยตรงนั้น เพราะท่านไม่ใช่เป็นคนเลือก สมัยผมเลือกคนมาช่วยได้หมด ผมคิดว่าความไว้วางใจที่ กกต.จะมอบให้พนักงานระดับล่าง 1- % คงไม่มี เพราะยังไม่ค่อยเชื่อใจเท่าไร ยังหวาดผวาอยู่

- ในฐานะขององค์กรอิสระ ทำอย่างไรจะได้ชื่อว่าเป็น "องค์กรอิสระ" มีความใสสะอาดโปร่งใสเสียที

อย่าไปพูดว่าใสสะอาด เพราะเขาใสสะอาดอยู่แล้ว เพียงแต่เกิดความรู้สึกจากคนข้างนอก แต่ผมไม่อยากเปรียบเทียบกับชุดเก่า เพราะพวกผมจะลงมติในทิศทางเดียวกันได้ต้องใช้เวลา 3-4 ชั่วโมง

- ชุดปัจจุบันในการลงมติเกิดกรณีเสียงแตกออกเป็น 2 กลุ่ม

ก็ 5 คนนี่นะ พูดมากทั้ง 5 คน และเถียงกันโดยไม่ต้องไปคอยเจอใคร (หัวเราะ) และ กกต.ทุกคนเถียงกันหมด

- แล้วท่านมองคดีนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา เขต 6 ที่ถูก กกต.มีมติให้ดำเนินคดีอาญาเมื่อครั้งไม่ได้รับเลือกตั้งอย่างไร

พูดตามความจริงของมติเสียงข้างมากนั้น มีภาพให้เห็นชัดเจนแล้วในสภา มันทำให้คนรวมกลุ่มกัน แต่ถ้าคุณเอามติเอกฉันท์ คุณจะไม่มีการแบ่งแยกฝ่ายเลย เรื่องนี้เป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมไม่ชอบเสียงข้างมาก เพราะจะทำให้มีการรวมกลุ่มเพื่อควบคุมองค์กรเหมือนสภา

- แต่ก็มองจุดดีของการลงมติของ กกต.ปัจจุบันว่าเป็นอิสระจากกัน เพราะไม่มีการปรึกษาหารือกันก่อนลงมติ

เรื่องนี้ไม่ใช่ทำแบบตัวใครตัวมัน จะทำกันเป็นกลุ่ม ไม่ใช่ว่าถ้าเป็นคนนี้ไม่ต้องไปพูด เหมือนฝ่ายค้านเราไม่ต้องไปพูดกับมัน เอาฝ่ายรัฐบาลอย่างเดียวเดี๋ยวมันก็ผ่าน

- มีการพูดกันว่า กกต.ปัจจุบันอยู่ข้างพรรคประชาธิปัตย์ และอยู่กับฝ่ายทหาร

ผมว่า 5 ท่านชุดปัจจุบันโดนด่าน้อยกว่าชุดผมเสียอีก ยุคแรกโดนด่ามากและผมโดนหนักสุด เรื่องนี้เกี่ยวกับการลงมติ หากเป็นมติเอกฉันท์มันก็ไม่ทำให้คนภายนอกมององค์กรว่ามีความแตกแยกไม่เป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน เสียงเอกฉันท์มันจะบังคับให้คุณต้องเห็นด้วยไปในตัว

- แล้วจะทำอย่างไรกับความล่าช้าในการพิจารณาสำนวนร้องเรียนของ กกต.

จะว่าไปแล้วพวกผมเป็น กกต.ที่เลขาธิการ กกต.ไม่อยากได้มากที่สุด เพราะลงไปทำงานเอง (หัวเราะ) แต่ที่ผมต้องทำงานเองเพราะเป็นคนวางรากฐานตั้งแต่ต้น แต่ กกต.ตอนนี้อาจจะมองว่าหากลงไปยุ่งก็หาว่าล้วงลึก ดังนั้นต้องเห็นใจท่านด้วย ก็อยู่ที่ท่านจะตัดสินใจอย่างไร เราบอกไม่ได้หรอก ผมพูดทั้งหมดแค่เป็นตัวเลือกว่าจะเลือกตรงไหน อย่างประกาศผลหรือลงมติประชุมเสร็จแถลงเลย ไม่ต้องรอ เรื่องใบเหลืองใบแดง สมัยก่อนต้องส่งไปให้คณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษดูด้วย ส่วนใหญ่ก็ยืนตามมติของ กกต. แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิม ต้องรับงานเลือกตั้งท้องถิ่นด้วย

- ถ้าตั้งศาลเลือกตั้งท้องถิ่นขึ้นมาดูแลเรื่องร้องเรียนเลือกตั้งท้องถิ่นจะช่วยแก้ปัญหาได้หรือไม่

ก็อาจเป็นรูปหนึ่งที่จะต้องมี ผมอยากให้เป็นเหมือนเป็นศาลแขวง เป็นการฟ้องปากเปล่า ใช้วิธีพิจารณาแบบไต่สวน อาจมีการแต่งตั้งผู้พิพากษาสมทบมาช่วยดูด้วย คดีจะได้ไว

- นักการเมืองไทยไม่รู้จักแพ้-ชนะ พอเลือกตั้งเสร็จถ้าแพ้ก็ร้องคัดค้าน

การร้องคัดค้านไม่เป็นปัญหา อยู่ที่ตัวเรา (กกต.) เหมือนการเลือกตั้ง ส.ว. 2- คน ที่พวกผมสอยไป 60 คน ขณะที่เลือกตั้ง ส.ส.กลับโดนตั้งเยอะ แต่พอมีกฎ 30 วันต้องรับรองผลก็เลยโดนกันไม่รู้กี่คน