ที่มา มติชน
กกต.ดิ้นสุดชีวิตแก้ร่างคำวินิจฉัย"บุญจง วงศ์ไตรรัตน์"หลายรอบ หาเหตุผลไม่แจกใบแดง อ้างสั่งให้เลือกตั้งใหม่ "ความไม่สุจริตและเที่ยงธรรม"ถูกแก้ไขเยียวยาแล้ว แฉมีความเห็นผิด 2 ข้อหาชัดปราศรัยใส่ร้าย"สุวิทย์ คุณกิตติ-ไพโรจน์ สุวรรณฉวี"เนรคุณ"แม้ว"-แจกทรัพย์สิน
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผย "มติชนออนไลน์" เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ถึงความคืบหน้ากรณี กกต.มีมติเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2551 ให้ดำเนินคดีอาญากับนายบุญจง วงศ์ไตรรันต์ ส.ส.นคร ราชสีมา เขต 6 และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยไม่เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ใบแดง) ทั้งๆ ที่ กกต.มีมติว่านายบุญจงกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พ.ศ.2550 มาตรา 53 ว่า กกต.ได้ส่งคำวินิจฉัยสั่งการ กกต.ที่ 357/2551 ลงวันที่ 3 เมษายน 2551 ที่เพิ่งจัดทำเสร็จเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาให้ กกต.จังหวัดแจ้งความดำเนินคดีอาญาต่อพนักงานสอบสวน สภ. จักรราช จังหวัดนครราชสีมาแล้ว
อย่างไรก็ตาม การจัดทำคำวินิจฉัยดังกล่าวเสร็จสิ้นหลังจากที่สื่อมวลชนรายงานว่า การจัดทำคำวินิจฉัยดังกล่าวล่าช้ากว่า 10 เดือน และการไม่ให้ใบแดงนายบุญจงทั้งๆ ที่กระทำผิด มาตรา 53 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งทำให้ กกต. บางคนแก้ร่างคำวินิจฉัยที่เจ้าหน้าที่ส่งไปให้หลายครั้งเพื่อต้องการอ้างเหตุผลที่ไม่ให้ใบแดงนายบุญจง ทั้งๆ ที่ผู้สมัคร ส.ส.หรือ ส.ว.รายอื่นทั้งที่ชนะเลือกตั้งหรือแพ้เลือกตั้ง ถ้า กกต.เห็นว่ากระทำความผิดตามมาตรา 53 กกต.ต้องมีมติให้ใบแดงทุกราย
แหล่งข่าวกล่าวว่า นอกจากนั้นถ้าดูจากคำวินิจฉัยสั่งการของ กกต.ที่ส่งให้ กกต. จังหวัดแจ้งความดำเนินคดีกับนายบุญจงแล้ว กกต.มีความเห็นว่านายบุญจงกระทำผิดใน 2 ข้อหาเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2550 คือ 1.ใส่ร้ายด้วยความเท็จแก่นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน และว่าที่ ร.ต. ไพโรจน์ สุวรรณฉวี บิดาของนายพลพีร์ สุวรรณฉวี ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดินผู้ร้อง ว่าเป็นคนเนรคุณต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และยังหลอกเอาเงินและตำแหน่งจาก พ.ต.ท.ทักษิณเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่นายพลพีร์ เหตุเกิดในการปราศรัยหาเสียงที่บ้านโนนงิ้ว หมู่ที่ 14 ต.หนองพลวง อ.จักราช
2.ให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้แก่นายบุญจง โดยนายบุญจงพร้อมด้วยคณะผู้ติดตามได้ไปหาเสียงเลือกตั้งที่บ้านโนนงิ้วซึ่งมีพยานหลักฐานยืนยันว่าในระหว่างเวลาที่นายบุญจงเดินหาเสียง คณะผู้ติดตามได้นำแผ่นวีซีดีสีแดง ที่ด้านหน้ามีรูป พ.ต.ท.ทักษิณแจกจ่ายแก่ราษฎรที่มาฟังการหาเสียงซึ่งแผ่นวีซีดีที่แจกจ่ายดังกล่าวมีเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นบทเพลงของนักร้อง เช่น สายัณห์ สัญญา และมีการบันทึกภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พูดจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และเป็นเนื้อหาที่พูดถึงการใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศและแสดงความห่วงใยที่มีต่อประชาชน ในขณะที่ผู้ติดตามกำลังแจกจ่ายแผ่นวีซีดีดังกล่าว ผู้ถูกคัดค้านอยู่ในเหตุการณ์โดยตลอด แต่มิได้ห้ามปรามทักท้วงหรือสั่งให้ระงับการกระทำดังกล่าว กรณีจึงถือได้ว่าแผ่นวีซีดีที่คณะผู้ติดตามของผู้ถูกคัดค้านนำออกแจกจ่ายแก่ราษฎรที่มาฟังการพูดหาเสียงของผู้ถูกคัดค้านดังกล่าวเป็นการให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
แหล่งข่าวกล่าวว่า จากเนื้อหาคำวินิจฉัยดังกล่าวเห็นชัดว่าขัดแย้งกับคำให้สัมภาษณ์ของนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. ที่อ้างว่านายบุญจงมีความผิดในเรื่องการปราศรัยโจมตีใส่ร้ายผู้อื่นเท่านั้น จึงไม่อาจให้ใบแดงได้ ด้วยเหตุนี้ทำให้ กกต.บางคนต้องแก้ร่างคำวินิจฉัยเพื่อเป็นข้ออ้างไม่ให้ใบแดงนายบุญจงโดยคำวินิจฉัยที่แก้ไขเพิ่มเติมคือ
"เนื่องจากคณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติงดการประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครราชสีมาเขตเลือกตั้งที่ 6 ซึ่งมีการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 และสั่งให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครราชสีมา ในเขตเลือกตั้งดังกล่าวใหม่ ในวันที่ 20 มกราคม 2551 แล้ว โดยมีมูลเหตุจากการกระทำของผู้อื่นในสำนวนอื่นมีผลให้กระบวนการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ซึ่งมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมได้ถูกแก้ไขเยียวยา โดยการสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ดังกล่าว จึงไม่มีเหตุให้ต้องพิจารณาว่า การเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ไม่สุจริตและเที่ยงธรรมไม่ว่ากรณีใดๆ อีก แต่การสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่นั้นมิได้ลบล้างการกระทำความผิดทางอาญา ซึ่งอยู่ในอำนาจของศาลยุติธรรมที่จะพิจารณา"
แหล่งข่าวกล่าวว่า การให้เหตุผลดังกล่าวเป็นเรื่องตลกอย่างมากและไม่เคยมีมาก่อนเพราะในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 นายพลพีร์เป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง ขณะที่นายบุญจงแพ้ แต่นายพลพีร์ก็ถูกร้องคัดค้านเช่นเดียวกับนายบุญจง ซึ่ง กกต.จึงหยิบกรณีนายพลพีร์ถูกร้องคัดค้านมาพิจารณาก่อนแล้วให้ใบเหลือง จึงมีการลงคะแนนใหม่วันที่ 20 มกราคม 2551 ปรากฏว่านายบุญจง เป็นผู้ชนะ และประกาศรับรองผลไปเมื่อวันที่ 21 มกราคม แต่ กกต. เพิ่งมาพบความผิดนายบุญจงในภายหลังเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2551 อยู่ดีๆ มาอ้างว่าการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2550 ซึ่งไม่สุจริตและเที่ยงธรรมถูกลบล้างไปแล้วจากการสั่งลงคะแนนใหม่ ถ้าใช้ตรรกะนี้ผู้สมัครที่แพ้การเลือกตั้งทำไมถึงถูกแจกใบแดงได้ ทั้งๆ ที่การกระทำที่ไม่สุจริตและเที่ยงธรรมไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการเลือกตั้ง ซึ่งเท่ากับว่าความไม่สุจริตเละเที่ยงธรรมได้รับการแก้ไขเยียวยาด้วยเช่นกัน
ขณะที่นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงกรณีที่ กกต.มีมติเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ใบแดง) และให้ดำเนินคดีอาญานายบุญเลิศ บุรณปกรณ์ ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) (ได้รับเลือกตั้ง) และนายสุพล ณ วิชัย ผู้สมัคร สมาชิก อบจ.เชียงใหม่ (ได้รับเลือกตั้ง) โดยไม่เปิดโอกาสให้ชี้แจงข้อกล่าวหาว่า ความจริงในชั้น กกต.จังหวัดได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาได้รับทราบแล้ว ซึ่งนายบุญเลิศและนาย สุพลนำพยานและหลักฐานต่างๆ มาชี้แจงกับ กกต.จังหวัดแล้ว เมื่อ กกต.จังหวัดลงมติให้แจ้งข้อกล่าวหาบุคคลทั้งสองแล้วจึงส่งเรื่องมายัง กกต.กลาง เมื่อได้ตั้งสอบสวนตามขั้นตอนอีกรอบ กกต.กลางจึงเห็นว่ามีหลักฐานเพียงพอต่อการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งจึงมีมติยืน ตามความเห็นของ กกต. จังหวัดด้วยการให้ใบแดงกับนายบุญเลิศและนายสุพล ซึ่งกระบวนการดังกล่าวเป็นการให้ใบแดงภายหลังการประกาศรับรองผลเลือกตั้ง ดังนั้น ก่อนยกร่างคำร้องเพื่อส่งไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 5 กกต.กลาง จึงแจ้งข้อกล่าวหาไปยังผู้ถูกกล่าวหาอีกครั้งเพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาและจะได้ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่
"ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา โดยเราได้เปิดให้ผู้ถูกกล่าวคัดค้านข้อกล่าวหาถึงสองครั้ง ไม่มีการข้ามขั้นตอนและไม่ได้ทำกรณีนี้แตกต่างจากกรณีอื่นๆ แต่ทุกกระบวนการเราไม่ได้นำมาชี้แจงบนเว็บไซต์ทั้งหมด เนื่องจากข้อมูลมีมากและเป็นข้อมูลอยู่ในชั้น กกต. จังหวัด ดังนั้นผมจึงอยากเรียนไปยังสื่อมวล ชนว่าหากสงสัยอะไรควรสอบถามกันก่อน เพราะกรณีนี้มีความซับซ้อนอยู่พอสมควรและ กกต.มีความระมัดระวังในการทำงานพอสมควร เนื่องจากกระแสการเมืองที่ผ่านมามันแรงกว่าที่ กกต.จะตามแก้ไขข่าว ที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด แต่ยอมรับว่าการทำงานบางครั้ง ก็อาจจะล่าช้า เพราะปริมาณงานมีอยู่มาก ดังนั้น ไม่ควรหยิบยกเฉพาะความคลาดเคลื่อนเล็กน้อยมาโจมตีกัน ส่วนข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นนั้น กกต.ก็พยายามปรับปรุงและนำไปแก้ไขเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอยู่เช่นกัน" นายสุทธิพลกล่าว