มาร์คเช็กชื่อ ยื่นฎีกา ปลอมต้องรับผิดชอบ
เมื่อเวลา 10.15 น. ที่สนามบินกรมการขนส่งทหารบก ดอนเมือง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นถวายฎีกาของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ตนยังไม่ทราบว่าจะมีการยื่นหรือไม่ ถ้ายื่นก็ต้องส่งไปที่สำนักราชเลขาธิการก่อน จากนั้นก็เป็นดุลยพินิจของราชเลขาธิการ สมมติว่าราชเลขาธิการรับไว้ จะส่งมาถามความเห็นของรัฐบาล รัฐบาลก็จะดูความถูกต้องในทุกๆเรื่อง และต้องมีการตรวจสอบรายชื่อว่าเป็นราย ชื่อจริงและมีเจตนาตามที่ทำมาจริงหรือไม่ คนที่ยื่นก็ต้องรับผิดชอบ ผู้สื่อข่าวถามว่า กระบวนตรงนี้จะถูกนำไปเป็นประเด็นปลุกเร้าต่อให้คนเข้าใจผิดต่อรัฐบาลหรือ ไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่หรอกก็ต้องตรวจสอบตามความถูกต้องตามปกติอยู่แล้ว เมื่อถามว่า แต่เรื่องนี้รู้กันอยู่แล้วว่าส่งเรื่องมาแล้วไม่มีทางเดินต่อไปได้แต่พยายามจะดำเนินการเป็นความพยายามให้เกิดปัญหาอะไรหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่อธิการบดีมหาวิทยาลัยเสนอความเห็นไปยังสำนักราช เลขาธิการ
"กลุ่มไทยนี้รักสงบ" จวกอธิการบดี ขวางถวายฎีกาอภัยโทษ
ที่พรรคเพื่อไทย กลุ่มไทยนี้รักสงบ นำโดย น.พ.วัลลภ ยังตรง อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ประธานกลุ่มฯ ได้แถลงเรียกร้องให้นายก ฯ และอธิการบดีทั่วประเทศ หยุดสร้างความสับสนและแตกแยกในการต่อต้านการถวายฎีกาของกลุ่มคนเสื้อแดง เพราะการยื่นถวายฎีกาเป็นสิทธิของประชาชน และการพิจารณาเป็นพระราชอำนาจ ตามรัฐธรรมนูญ ที่มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2475 โดยมาตรา 191 บัญญัติชัดเจนว่า การพระราชทานอภัยโทษถือเป็นอำนาจของพระมหากษัตริย์ ดังนั้นกลุ่มที่พยายามคัดค้านถือเป็นการละเมิดพระราชอำนาจหรือไม่
อย่างไรก็ดีวันที่ 5 ส.ค.นี้ กลุ่มไทยนี้รักสงบ จะนำประชาชนจำนวนหนึ่งไปยื่นหนังสือต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา เพราะเห็นว่าการคัดค้านของกลุ่มดังกล่าวผิดกฎหมาย และจะมีการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป เช่น การฟ้องศาลปกครอง หรือดำเนินคดีอาญา ฐานล่วงละเมิดพระราชอำนาจ
น.พ.วัลลภ ประธานกลุ่มไทยนี้รักสงบ กล่าวว่า การยื่นถวายฎีกาครั้งนี้ เป็นการร้องทุกข์ของประชาชนที่เห็นว่าในสภาวะเศรษฐกิจไม่ดี คนที่สามารถแก้ไขได้ คือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ดังนั้นหนทางที่จะทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาบริหารประเทศได้ คือการขอพระราชทานอภัยโทษ ประชาชนจึงพ่วงคำขอในการยื่นถวายฎีกาครั้งนี้ว่า ขอพระราชทานอภัยโทษใ ห้ พ.ต.ท.ทักษิณ
โฆษกเพื่อไทย โต้ มท.สั่งตั้งโต๊ะถอนฎีกาทำสังคมแตกแยก
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรค แถลงข่าวกรณีที่พรรคเพื่อไทย เตรียมยื่นเรื่องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) สอบสวน นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และนายวิชัย ศรีขวัญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ในการตั้งโต๊ะให้ประชาชนถอนชื่อจากการถวายฎีกา ว่า ไม่ว่าที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กองทัพ กระทรวงมหาดไทย และที่ประชุมอธิการบดี ต่างออกมาคัดค้านการยื่นรายชื่อประชาชนถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น จะทำให้เกิดความแตกแยกในสังคม
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ เคยบอกว่าเราเป็นประเทศปกครองโดยประชาธิปไตย ถือเสียงข้างมาก ดังนั้นเมื่อประชาชนรวบรวมรายชื่อ กว่า 5 ล้านชื่อ เพื่อถวายฎีกา พรรคเพื่อไทยมองว่าเป็นสิทธิของประชาชน และเป็นพระราชอำนาจโดยเด็ดขาดของพระมหากษัตริย์ ราชประเพณี รวมทั้งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตร 191 ซึ่งการที่รัฐบาล ชนชั้นนำ และกลุ่มอมาตยาธิปไตย ที่ออกมาคัดค้านจึงไม่ควรปิดกั้นการที่ประชาชนจะใช้สิทธิยื่นถวายฎีกา เพราะจะทำให้เกิดความแตกแยกในสังคมต่อไปอีก ซึ่งในระบอบประชาธิปไตย ประชาชนทุกคนมี 1 เสียงเท่ากันหมด
นายพร้อมพงส์ กล่าวว่า การที่ รมว.มหาดไทย และปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ตั้งโต๊ะแจกแบบฟอร์มให้ประชาชนลงรายชื่อถอนการถวายฎีกานั้น ตนได้รับแฟกซ์เอกสารดังกล่าวจาก ส.ส.แพร่ ที่พบว่ามีประชาชน อ.วังชิ้น จ.แพร่ ได้ลงรายชื่อแล้วประมาณ 10 คน ซึ่งการกระทำของ รมว.มหาดไทย และปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นเรื่องที่ไม่สมควร เพราะกระทรวงมหาดไทยมีหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แต่กำลังจะทำให้สังคมแตกแยก
และในวันพุธที่ 5 ส.ค. เวลา 10.00 น. นายพร้อมพงศ์ และนายพิชา วิจิตรศิลป์ ประธานชมรมนักกฎหมายภิวัฒน์แห่งประเทศไทย จะเดินทางไปยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. ให้สอบสวน รมว.มหาดไทย และ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ปฏิบัติหน้าที่มิชอบหรือละเว้นการปฏิบัติ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 259 จากการมีคำสั่งให้ตั้งโต๊ะเพื่อคัดค้านการถวายฎีกา
พธม.ชี้ถวายฎีกาวิธีชี้ตัวศัตรู-ปชป.หยันทักษิณรีบกลับ
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ (กมม.) กล่าวว่า รัฐบาลและหน่วยงานความมั่นคงจะต้องมีความจริงจังและจริงใจในการชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีการเข้าชื่อถวายฎีกาของกลุ่มนปช. เพราะแกนนำและเครือข่ายระบอบทักษิณ พยายามปล่อยข่าวลวงประชาชนถ้าเข้าชื่อได้จำนวนมากๆ หลายล้านคน ในหลวงจะมีพระราชวินิจฉัยอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงมีคนหลงเชื่อ
ทั้งๆ ที่ แกนนำ นปช.ต่างรู้ดีเป็นไปไม่ได้ การให้ข่าวลวงเช่นนั้น ก็เพื่อหวังให้ประชาชนเข้าใจผิดและสร้างทัศนคติที่ไม่ถูกต้องต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะหากไม่มีการพระราชทานอภัยโทษ ก็จะทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่า ในหลวงไม่โปรด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งก็เข้าทางแกนนำ นปช.และ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ต้องการเบี่ยงเบนความผิดของตัวเอง ให้เป็นเรื่องระหว่างตัวเองกับสถาบันเบื้องสูง
"นี่เป็นยุทธวิธีขีดเส้นใต้ หรือหมายหัวว่า ศัตรูของนายใหญ่ที่แท้คือใคร ทักษิณ ไม่ได้หวังผลอะไรไปมากกว่านี้ ฉะนั้น รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงจะต้องเร่งสร้างความเข้าใจที่เข้มข้น และเอาจริงเอาจังมากกว่านี้ และอย่าใช้เรื่องนี้เป็นเพียงการเช็คกระแสความนิยมทางการเมืองเท่านั้น หากปล่อยให้ขบวนการเข้าชื่อถวายฎีกาทำกันได้อย่างเปิดเผยแบบนี้ จะกลายเป็นปัญหาความมั่นคงของประเทศในที่สุด ไม่ใช่ความขัดแย้งทางการเมืองปกติธรรมดาอีกต่อไป"
ส่วนที่ นปช.ระบุว่าได้รายชื่อกว่า 5 ล้านคนนั้น เป็นภาพสะท้อนว่าความนิยมในตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้มากมายอย่างที่คุยไว้ เพราะในอดีตพรรคไทยรักไทยได้คะแนนเสียงกว่า 19 ล้านเสียง แต่วันนี้ได้รายชื่อเพียง 5 ล้านคน และการล่ารายชื่อถวายฎีกาเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีที่ยังไม่มีสิทธิเลือกตั้งก็เข้าชื่อได้ แต่กลับได้จำนวนน้อยกว่าที่คิด สำหรับการส่งสัญญาณตุลาเลือดของ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร นั้น ก็เป็นเพียงเกมข่มขู่คุกคามสังคมไทย ชี้ให้เห็นว่าคนพวกนี้ ไม่สนใจว่า ประเทศชาติจะแตกแยกแค่ไหน สนใจแต่เพียงความอยู่รอดของตระกูลตัวเองเท่านั้น
พธม.บุรีรัมย์ค้านเสื้อแดงล่าชื่อยื่นถวายฎีกา
ด้านเครือข่ายพันธมิตรจ.บุรีรัมย์ กว่า 50 คนร่วมกันออกมาคัดค้านการล่ารายชื่อยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลังทำบุญและถวายเครื่องสังฆทานแด่พระสงฆ์วัดมะค่าใต้ ต.บ้านยาง อ.เมือง พร้อมชี้ว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้องตามขั้นตอน ผิดพระราชประเพณี ทั้งๆ ที่ผู้ดำเนินการรู้ดีอยู่แล้วว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง แต่ก็ยังฝืนดำเนินการ เพียงเพื่อต้องการลบล้างความผิดให้กับบุคคลเพียงคนเดียวเท่านั้น โดยการระดมมวลชนออกมาสร้างกระแสให้เกิดความขัดแย้งในบ้านเมือง ทั้งนี้ทางกลุ่มพันธมิตรในพื้นที่จังหวัด ยังเตรียมหารือพร้อมที่จะลงชื่อคัดค้านต่อต้านการล่ารายชื่อของกลุ่มคนเสื้อแดงด้วย