WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, April 11, 2011

ชมคลิป "ณัฐวุฒิ" กู่ตะโกน "ประชาชนถูกฆ่าตาย ประชาชนถูกยิงในเขตอภัยทาน" ร่วม 10 นาที ก้องราชดำเนิน

ที่มา มติชน



รับชมข่าว VDO

เมื่อเวลา 23.00 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีการชุมนุมหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยเริ่มต้นกล่าวว่า ไม่เคยมีรัฐใดในโลก นอกจากรัฐไทย ที่ต้องการขอถนนหรือพื้นที่คืน ด้วยการฆ่าประชาชนเกือบ 30 ชีวิต ทั้งที่ประชาชนเหล่านั้นต้องการมาขออำนาจอธิปไตยของพวกเขากลับคืน


ย้อนกลับไปเมื่อคืนวันที่ 10 เมษายน 2553 ตนนั่งคิดระหว่างนั่งรถยนต์จากสี่แยกราชประสงค์มายังสะพานผ่านฟ้า ถึงทางเลือก 2 ทาง นั่นคือ หนึ่ง ถ้าตนปลุกให้พี่น้องเสื้อแดงเผชิญหน้าเจ้าหน้าที่รัฐต่อไป รัฐบาลอภิสิทธิ์ก็อาจต้องโค่นล้มลงภายในเช้ามืดวันที่ 11 เมษายน แต่คำถามที่ตามมาก็ได้แก่ ถ้าเดินต่อไปจะต้องตายกันอีกกี่คน? เป็นใครบ้างที่ต้องตาย? ถ้าประชาชนต้องตาย จะตัดสินได้ไหมว่าจะให้ใครตาย? แล้วถ้าเป็นเช่นนั้น เราจะยืดอกรับชัยชนะได้อย่างไร หรือ สอง ตนต้องพยายามหยุดการเข่นฆ่าและหยุดการสูญเสียทั้งหมด ซึ่งสุดท้ายแล้ว ตนก็เลือกทางเดินที่ 2 ด้วยการตัดสินใจยุติการปะทะกับฝ่ายรัฐบาล


แต่ที่ตนเสียใจก็คือ ภายหลังจากตนถูกควบคุมตัวเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์กลับปรบมือให้แก่นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในที่ประชุมของพรรคการเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย เพราะเห็นว่าการสลายการชุมนุมของรัฐบาล จนส่งผลให้ประชาชนต้องล้มตายไปเกือบ 100 ศพนั้น ถือเป็นชัยชนะ


นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า ในเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายนปีก่อน มีนายทหารและทหารชั้นประทวนต้องเสียชีวิต ซึ่งคนเสื้อแดงก็เสียใจกับการสูญเสียดังกล่าว เพราะทหารผู้เสียชีวิตถือเป็นประชาชนพวกเดียวกันกับเรา แต่ภายหลังเหตุการณ์ คนเสื้อแดงกลับถูกหาว่าเป็นพวกป่าเถื่อน กระหายเลือด ต้องการชัยชนะโดยไม่เลือกวิธีการ แม้กระทั่งการฆ่าเจ้าหน้าที่รัฐหรือฆ่าพวกเดียวกันเอง


"เหตุการณ์ผ่านมาแล้ว 1 ปี แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมรัฐบาลยังอยู่ได้ โดยไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ ในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เหตุการณ์พฤษภาคม 2535 ผู้เข่นฆ่าประชาชนล้วนต้องพ้นจากตำแหน่งไป แต่ในเหตุการณ์พฤษภาคม 2553 ผู้เข่นฆ่าประชาชนกลับไม่หลุดพ้นจากตำแหน่ง และยังลอยหน้าลอยตาเหยียบหัวใจคนไทยมาได้ 1 ปีเต็ม" แกนนำนปช.ผู้นี้ปราศรัย


นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 นั้น ตนรู้สึกเจ็บปวด เพราะเห็นประชาชนถูกฆ่า แต่ในวันที่ 10 เมษายน 2554 ตนกลับรู้สึกเจ็บปวดมากกว่า เพราะคนถูกฆ่ายังไม่ได้รับความยุติธรรมแต่อย่างใด นอกจากนี้แผลที่เกิดขึ้นในวันที่ 10 เมษายน และเหตุการณ์สลายการชุมนุมเดือนพฤษภาคม 2553 ยังถือเป็นแผลเดิมที่ถูกซ้ำเติมจากเหตุการณ์ 14 ตุลา เหตุการณ์ 6 ตุลา เรื่อยมาจนถึงเหตุการณ์ 17 พฤษภา และสงกรานต์เลือด 2552


"ผู้มีอำนาจจะกำหัวใจประชาชนได้อย่างไร ในเมื่อหัวใจของประชาชนมีแต่รอยแผลจากมือของท่าน เป็นแผลเก่าที่ถูกกดทับซ้ำแล้วซ้ำอีก" นายณัฐวุฒิกล่าวและว่า ผู้มีอำนาจต้องคิดให้ได้ว่าจะดำรงตนข้ามผ่านความเปลี่ยนแปลงในสังคมไทยไปได้อย่างไร โดยไม่เหยียบหัวใจประชาชน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในตอนท้ายการปราศรัย แกนนำนปช.รายนี้ ยังตะโกนว่า "ประชาชนถูกฆ่าตาย ประชาชนถูกยิงในเขตอภัยทาน"
ซ้ำไปซ้ำมาหลายสิบรอบกินเวลาร่วม 10 นาที เพื่อย้ำเตือนถึงความสูญเสียของคนเสื้อแดงเมื่อเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553