ที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ เหล็กใน
มันฯ มือเสือ
ไม่ต้องวิเคราะห์ให้ลึกซึ้ง แค่สังเกตจากอาการพรรคประชาธิปัตย์ที่มาแนว "มวยวัด" ออกหมัดสะเปะสะปะในช่วงปลาย ยกสุดท้ายของการเป็นรัฐบาล
ก็พอจะมองออกว่าสิ่งที่นักวิเคราะห์การเมือง รวมทั้งโพลหลายสำนักฟันธงไว้ ใกล้เคียงความจริงขนาดไหนที่ว่า พรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้ง
พรรคแกนนำรัฐบาลขณะนี้ดูเหมือนจะอับจนอยู่มากกับการหาทางกอบกู้คะแนนนิยม ที่ตกต่ำลงต่อ เนื่องมาตั้งแต่วิกฤตสวาปาล์มและสินค้าราคาแพง
ต่อด้วยเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ทางภาคใต้ ที่ทำเอารัฐมนตรีบางคนถึงกับสติแตก กล่าวหาสื่อ มวลชนแย่งซีนรัฐบาล ทำงานเอาหน้าเพื่อโปรโมต บริษัทตัวเอง
ขณะที่มหกรรมการเลือกตั้งขยับใกล้เข้ามาทุกที
การจะให้นายกฯ อภิสิทธิ์ ยอมกลืนน้ำลายตัวเองเลื่อนวันยุบสภาออกไป เพื่อถ่วงเวลารอรัฐบาลฟื้นฟูกระแสของตัวเองให้ได้ก่อน ก็คงโดนคนด่าทั้งบ้านทั้งเมือง
รัฐบาลจึงเหลืออยู่วิธีเดียวคือการ "ตัดไฟแต่ต้นลม" หาทางทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามด้วยข้อหาฉกาจฉกรรจ์ เช่น ข้อหาจาบจ้วงหมิ่นเบื้องสูง หรือข้อกล่าวหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน
อย่างกรณีนายทหารพระธรรมนูญ กองทัพบกเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ให้ดำเนินคดี 3 แกนนำเสื้อแดงข้อหาหมิ่น พระบรมเดชานุภาพ อันมีเหตุสืบเนื่องจากการปราศรัยบนเวทีชุมนุมคนเสื้อแดงวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา
ขณะที่แกนนำเสื้อแดงออกมาแถลงเตรียมแจ้งความกลับ เอาผิดนายทหารพระธรรมนูญข้อหาแจ้งความเท็จ เป็นการตอบโต้ทันทีทันใด
สุดท้ายแล้วใครถูกใครผิดต้องไปต่อสู้พิสูจน์ตัวเองกันตามกระบวนการกฎหมาย ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงแม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึง "มาตรฐาน" ของกระบวนการดังกล่าวอยู่มากก็ตาม
แต่ข้อสังเกตกรณีนี้คือมีความพยายามโยงพฤติ กรรมเฉพาะตัวของแกนนำเสื้อแดง 2-3 คนที่ถูกกล่าวหา ไปยังพรรคการเมืองซีกตรงข้ามรัฐบาล ที่มีแนวโน้มเป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้ง
เมื่อเป็นเช่นนี้ข้อคาดการณ์ก่อนหน้าของกรรม การการเลือกตั้ง หรือกกต.บางคนที่ว่า จะมีการ "ยุบพรรค" เกิดขึ้นอีกครั้งหลังการเลือกตั้ง
จึงไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้ออีกต่อไป