ที่มา Thai E-News
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
15 เมษายน 2554
คลิปนายอำเภอสมเด็จ กาฬสินธุ์สาวหมัดใส่ม็อบไล่มาร์ค-เทือก
ฉาวไม่เว้นแต่ละวัน สำหรับพฤติกรรมของข้าราชการปกครอง วันก่อนมีการแฉคลิปวิดิโอนายอำเภอสมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ สาวหมัดใส่ชาวบ้านที่มาม็อบไล่เทือก-มาร์คที่ไม่ยอมแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน ส่วนก่อนหน้านี้มีการแฉคลิปข้าราชการปกครองแจกเงินโครงการอาสาสมัครปกป้องสถาบัน (อสป.)
โดยเฉพาะโครงการอสป.กำลังอื้อฉาวไปทั่วประเทศ ภายหลังจากนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย สังกัดพรรคภูมิใจไทย ได้ตั้งเป้าจะอบรมอสป.ทั่วประเทศ 10 ล้านคน ตอนนี้อบรมไปแล้วราว 6 ล้านคน ก็ปรากฎข่าวอื้อฉาวว่า นอกจากนำเงินไปแจกชาวบ้านที่เข้าอบรมเพื่อให้รักสถาบันแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็มีการเบียดบังทุจริต ทั้งที่อ้างว่าเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพตะเข้าอยู่หัวฯก็ตาม
คลิปแจกเงินอบรมอาสาสมัครปกป้องสถาบัน ชาวบ้านบอก"โคตรซาบซึ้งเลย"
คลิปแจกเงินชาวบ้านอบรมอาสาสมัครปกป้องสถาบันหัวละ 100 บาท หลังจากได้รับแจกแล้ว ในคลิปตอนท้ายชาวบ้านคนหนึ่งทำท่าล้อเล่นกับกล้องแล้วพูดว่า"ปลาบปลื้มมาก โคตรซึ้งเลย" แต่พอพิธีกรถามว่า แล้วจะปกป้องสถาบันยังไง กลับตอบว่า"ช่างมัน.." ซึ่งทำให้เกิดคำถามว่า รัฐบาลนี้ถึงขั้นนำเงินมาแจกเพื่อให้คนไทยรักสถาบันกษัตริย์กันแล้วหรือ และได้ผลจริงๆหรือ?
เละ!โครงการอสป.อ้างเป็นราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสียเปล่า
ผู้สื่อข่าวไทยอีนิวส์รายงานว่า ที่อำเภอแห่งหนึ่งในจังหวัดกาฬสินธุ์ มีเรื่องร้องเรียนกันว่า เจอปัญหาทุจริตเหมือนกับทุกพื้นที่ทั่วประเทศในเวลานี้
โดยจังหวัดกาฬสินธุ์ได้งบประมาณจัดทำโครงการอสป.เหมือนกับทุกจังหวัด และมีการจัดโครงการ ค่ายเยาวชนพลังแผ่นดิน ปกป้องสถาบัน จำนวน 135 ตำบล มีงบประมาณให้ตำบลละ 100,000 บาท โดยกำหนดให้มีระยะเวลาในการดำเนินงาน 3 วัน 2 คืน มีกลุ่มเป้าหมายเป็นเยาวชนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง จำนวน 100 คน ต่อตำบลให้รักและปกป้องสถาบัน
ซึ่งการทุจริตเกิดขึ้นนับตั้งแต ก่อนเงินจะออกจากจังหวัดมาสู่อำเภอต่างๆนั้น โดนหั่นทันทีตำบลละ 10,000 บาท โดยทางจังหวัดแจ้งว่าเป็นค่าเสื้อ อสป. ก็เลยตกมาถึงตำบลละ 90,000 บาท สำหรับกิจกรรม 3 วัน 2 คืน
สำหรับที่อำเภอแห่งนี้มีงงบประมาณมาให้ 450,000 บาท เพื่อจัดค่ายเยาวชนพลังแผ่นดิน อสป. จำนวน 5 ค่าย ค่ายละ 3 วัน 2 คืน กับกลุ่มเป้าหมายค่ายละ 100 คน รวม 5 ค่าย 500 คน
แต่พอมาถึงระดับอำเภอ เมื่อมีการตั้งคณะทำงานจากส่วนราชการและวิสาหกิจต่างๆมาเป็นคณะทำงานเพื่อดำเนินการ ได้ตัดวันอบรมเหลือเพียง 3 ค่ายๆละ 2 วัน 1 คืน แต่จำนวนกลุ่มเป้าหมายให้เหมือนเดิม คือ 500 คน แต่แตกต่างตรงที่ กลุ่มเป้าหมาย 2 ค่ายหลัง เป็นเด็กมัธยมในค่ายที่สอง และเด็กประถมในค่ายที่สาม ซึ่ง 2 ค่ายนี้มีจำนวน 350 คน
ทำให้คณะทำงานเห็นว่า จำนวนวันที่ถูกตัดทอนลง และกลุ่มเป้าหมายที่ผิดเพี้ยนมาเป็นระดับเด็กประถม ไม่ใช่เยาวชนเหมือนที่จังหวัดสั่งมา จึงมีการปิดปากด้วยการให้งบประมาณดังกล่าวมอบให้คณะทำงานเป็นผู้บริหารงบประมาณ ส่วนเบื้องบนต้องการเพียงรายงานผลการดำเนินงาน
แต่พอเริ่มงาน กลับไม่มีการปล่อยเงินงบประมาณออกมา เบื้องบนเข้ามาคุมทุกอย่าง แล้วจ่ายเบี้ยเลี้ยงคณะทำงานอำเภอละ 10 คนราวกับเป็นนายจ้าง นายอำเภอจะมาที่ค่ายอบรมช่วงสายๆ ส่วนตอนเย็นก็แวะมากินข้าวเย็น และดื่มสุรา แล้วกลับไปนอนบ้าน แต่บางค่ายนายอำเภอจะมากินเหล้ารอแต่บ่าย หลังจากเป็นประธานเปิดในตอนเช้า โดยนั่งกินเหล้าที่สวนอาหารในสถานอบรม จนเย็นย่ำถึงยามกิจกรรมตอนเย็น ก็มาขอขึ้นเวทีร้องเพลง ซึ่งก็ปรากฎว่า"ออกอาการเมาอย่างแรง พูดแทบไม่เป็นภาษา ร้องเพลงก้ออ้อแอ้ จนเด็กๆ เรียกว่า "พี่รั่ว" แทนที่จะเรียนว่า ท่านนายอำเภอ"
"พ่อจัดทำค่ายผ่านพ้นไปทั้งสามค่าย เงินที่เหลือในมือมัน ประมาณ 80,000 บาท หรืออาจมากกว่าด้วยซ้ำ คณะทำงานก็หวังว่า มันจะแบ่งมาให้เป็นขวัญและกำลังใจให้คณะทำงานบ้าง แต่หลังจากวันที่ปิดค่ายเมื่อ 15 มีนาคมที่ผ่านมา จวบจนปัจจุบันเลยครึ่งเดือนแล้ว มันหายไปไหนไม่รู้ ไม่เข้าอำเภอหลายวันแล้ว คณะทำงานขยันโทรหา มันก็ขยันหาข้ออ้างเบี่ยงไปเรื่อย ทั้งที่คณะทำงานมีเป็นสิบคน ก็ควรได้ค่าตอบแทนในส่วนที่พึงได้ ตามที่มันรับปากไว้ มันต้องอธิบายต่อคณะทำงาน และต่อชุมชน ว่า มันเอาเงินที่เหลือไปทำอะไร เป็นกองทุนให้เด็ก หรือเอาคืนรัฐ หรือมันอมไว้ซะเอง"คณะทำงานรายหนึ่งเปิดเผย
*******
เรื่องเกี่ยวเนื่อง:ผ่าขบวนการซาบซึ้งแล้วรวย Man behind the sceneควายบาวคือวินิจ คนอยู่ฉากหลังวินิจตะคุ่มๆคือเนวิน