'พสิษฐ์'ขึ้นเวทีเสื้อแดงเปรียบการเมืองเป็นฟุตบอล

ที่มา thaifreenews

โดย bozo



'จตุพร' แกนนำ นปช. ขึ้นเวทีปราศรัย กลางอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ย้ำ มีการแทรกแซงการเลือกตั้ง
ขณะ 'พสิษฐ์' เปรียบการเมืองเหมือนสนามฟุตบอลที่กรรมการตัดสินไม่มีความยุติธรรม...

เมื่อเวลา18.45 น. วันที่ 10 เม.ย. นายจตุพร พรหมพันธ์ุ แกนนำกลุ่ม
แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวบนเวทีปราศรัย
ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในการชุมนุมใหญ่ของกลุ่ม นปช.
เนื่องในวันครบ 1 ปี เหตุสลายการชุมนุม 10 เม.ย. 2553 โดยยืนยันว่า
ที่ผ่านมามีการแทรกแซงการเลือกตั้ง ที่กำลังจะมาถึงโดยตลอด
ขณะที่ยังคงย้ำว่า มีความพยายาม ไม่ให้รัฐบาลชุดใหม่เกิดก่อนวันที่ 5 ส.ค. นี้

ขณะที่ ก่อนหน้านี้ นายพสิษฐ์​ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ
ได้ขึ้นเวทีกล่าวเปรียบเทียบการเมืองเป็นสนามฟุตบอลที่มีนักฟุตบอลทั้ง 2 ฝ่ายเล่นกันอยู่
แล้วกรรมการช่วยเหลืออีกฝ่ายอย่างเต็มที่ ขณะที่อีกทีมไม่ให้ช่วยเหลือ
แถมยังกลั่นแกล้ง ทำให้เกิดความไม่ยุติธรรม
ดังนั้นจึงอยากให้นักฟุตบอลทั้ง2 ฝ่ายต้องไปพูดคุยกัน
และ ต้องไม่เล่นนอกกติกาอย่างเด็ดขาด





ต่อมา นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธาน นปช. ได้ประกาศปฏิญญา8 ข้อ
แดงทั้งแผ่นดินท่ามกลางกลุมผู้ชุมนุมนปช. ที่มีเป็นจำนวนมาก
ขณะที่เนื้อหาในปฏิญญามีเนื้อหาโดยรวม คือ
ช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุรุนแรงปีที่ผ่านมา
ต้านเผด็จการทุกรูปแบบ สนับสนุนประชาธิปไตยและพรรคการเมืองที่ได้คะแนนเสียงอันดับ 1
รวมถึงขยายมวลชนคนเสื้อแดง
ขณะที่การชุมนุมอยู่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยมีประชาชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก


เวลา20.30น. กลุ่มญาติพี่น้องผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุชุมนุมนปช.
วันที่10เม.ย.-19พ.ค. 2553 จำนวน 91 ราย ได้ขึ้นเวทีปราศรัยกลุ่ม นปช.
ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พร้อมกับกล่าวไว้อาลัยแก่ผู้ที่เสียชีวิต
พร้อมบริจาคเงินจำนวนหนึ่งให้กับการชุมนุมด้วย

http://www.thairath.co.th/content/pol/162881

"จตุพร"ปราศรัยท้าฝน แกนนำเปียกปอน "ธิดา"เปรียบเป็นน้ำตาคนไทย

http://www.matichon.co.th/mtc-flv-window.php?newsid=1302439063&grpid=02&catid=&subcatid=

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
เมื่อเวลา 19.00 น. ระหว่างที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มนปช.
กำลังปราศรัยวิพากษ์การเมืองอย่างเผ็ดร้อน ได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก
จนกลุ่มผู้ชุมนุมและแกนนำบนเวทีเปียกโชก ทั้งนี้
ผู้ชุมนุมหลายคนได้นำร่มขึ้นมากาง
บางคนที่นั่งอยู่บนผ้าใบก็ต้องเอาผ้าใบขึ้นมาใช้บังฝนแทน
ส่วนผู้ชุนนุมที่ไม่มีผ้าใบก็ต้องยืนเปียกฝนไปอย่างเลี่ยงไม่ได้

โดยนางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ได้ขึ้นปราศรัยต่อจากนายจตุพร ว่า
วันนี้เป็นการชุมนุมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดกลางสายฝน
เปรียบฝนเป็นน้ำตาของประชาชนไทย



"พสิษฐ์" ขึ้นเวทีแดง เล่านิทาน "ผจก.สนามบอล-กก.ตัดสิน"
รอยเตอร์ผิดหวังคดี "มูราโมโตะ" ไม่คืบ

"ปอย-พสิษฐ์" เปิดสงครามสัญลักษณ์ เล่านิทาน
"สนามบอล-ผู้จัดการสนาม-คณะกรรมการตัดสิน"


เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 10 เมษายน ที่เวทีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง
บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย
และแกนนำนปช. ได้นำนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ
มาเปิดตัว พร้อมให้ปราศรัยต่อหน้าผู้ชุมนุมเสื้อแดงเป็นเวลาประมาณ 20 นาที


นายพสิษฐ์กล่าวปราศรัยโดยเล่านิทาน
เปรียบเทียบเกี่ยวกับการแข่งขันฟุตบอลให้คนเสื้อแดงฟัง 1 เรื่อง โดยตั้งคำถามว่า
ใครชอบดูการแข่งขันฟุตบอลบ้าง?
อยากให้การแข่งขันมีความบริสุทธิ์ยุติธรรมหรือไม่?
ถ้ามีการล็อกผลการแข่งขันหรือทีมชนะไว้ล่วงหน้าแล้วยังอยากจะดูฟุตบอลคู่นั้นอยู่ไหม?
และเมื่อมีทีมแข่งขัน 2 ทีม ทีมหนึ่งถูกกลั่นแกล้งโดยตลอด
แต่อีกทีมกลับถูกช่วยเหลือโดยตลอด แล้วกรรมการก็เข้าข้างฝ่ายหนึ่ง
อยากถามว่าในสนามแข่งขันจะเหลืออะไรไหม?


นายพสิษฐ์กล่าวเปรียบเทียบต่อว่า ในการแข่งขันฟุตบอลดังกล่าว
นอกจากทีมฟุตบอล 2 ทีมแล้ว
ยังมีคณะกรรมการ ประกอบ "หัวหน้ากรรมการ" และ "ไลน์แมน"
นอกจากนี้ "หัวหน้ากรรมการ" ยังมีความสัมพันธ์อันดีกับ "ผู้จัดการสนาม"
ซึ่งจริงๆ แล้วไม่มีหน้าที่เข้ามายุ่งกับเกมการแข่งขัน
แต่ "ผู้จัดการสนาม" ก็ยังพยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้คณะกรรมการตัดสินช่วยเหลือ
ให้ทีมที่ตนเองชอบได้ถ้วยรางวัลไปครอบครอง


โดย "ผู้จัดการสนาม" สามารถเข้ามากำหนดการทำงานของคณะกรรมการได้
ก็เพราะ "ผู้จัดการสนาม" เคยมีบุญคุณต่อเนื่องกับ "หัวหน้ากรรมการตัดสิน" มาก่อน
นอกจากนี้ ตัว "หัวหน้ากรรมการ" เอง ก็ยังอยากเลื่อนวิทยฐานะตนเอง
ให้กลายเป็นเป็นบอร์ดบริหารของกรรมการสนามอีกด้วย


นายพสิษฐ์เล่านิทานเปรียบเทียบต่อว่า "ผู้จัดการสนาม"
ได้พยายามทำทุกวิถีทาง โดยใช้ "มือวิเศษ" ช่วยเหลือทีมฟุตบอลที่ตนเองต้องการช่วย
และใช้ "เท้าวิเศษ" กระทืบทีมฟุตบอลที่ตนเองไม่ชอบ
ขณะที่ทีมอื่นๆ ที่เคยทำงานเชื่อมกับทีมฟุตบอลที่ "ผู้จัดการสนาม" ไม่ชอบ
ก็จะถูกจัดการให้เข็ดหลาบไปด้วย จนต้องหันกลับไปทำงานเชื่อมกับทีมฟุตบอล
ที่ "ผู้จัดการสนาม" ชอบในท้ายที่สุด


อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญกล่าวต่อว่า
ไม่ใช่เพียง "หัวหน้ากรรมการตัดสิน" เท่านั้น
แต่ยังมี "ไลน์แมน" คนหนึ่ง ที่พูดจามีหลักเกณฑ์
และอยากเป็นใหญ่ พยายามประจบคณะกรรมการด้วยกัน รวมทั้ง "ผู้จัดการสนาม"


ดังนั้น "ผู้จัดการสนาม" จึงมีคนวิ่งทำงานให้ถึง 2 คนในสนามฟุตบอล นั่นคือ
"หัวหน้ากรรมการ" และ "ไลน์แมน"


แต่ปัญหาในคณะกรรมการก็เกิดขึ้น เพราะ "หัวหน้ากรรมการตัดสิน" อยากเด่นคนเดียว
"คณะกรรมการ" หรือ "ไลน์แมน" คนอื่น จึงต้องใช้ให้คนใกล้ชิด
"หัวหน้ากรรมการ" ทำหน้าที่เป็นกาวใจหลายครั้ง
กระทั่งเหตุการณ์วิกฤตที่เกิดขึ้นในหมู่คณะกรรมการเอง คนใกล้ชิด
"หัวหน้ากรรมการ" ผู้นั้น ก็ยังถูก "คณะกรรมการ" อื่นๆ ร้องขอ
ให้รับ "บทร้าย" เพื่อ "คณะกรรมการ" จะได้รับบทเป็นพระเอกเสียเอง


สำหรับการทำหน้าที่ของคณะกรรมการนั้น
นายพสิษฐ์ระบุว่า "ผู้จัดการสนาม" ได้สั่งให้คณะกรรมการผู้ตัดสิน
ปลดกัปตันทีมคนแรกของทีมที่ถูกกลั่นแกล้งอยู่ตลอดเวลาออกจากตำแหน่ง
ด้วยการไปหาความหมายของคำตามความต้องการของกรรมการเอง
เมื่อกัปตันทีมคนแรกกระเด็นไป "ผู้จัดการสนาม"
ก็วางแผนให้กัปตันทีมคนที่ 2 พ้นทาง รวมทั้งจัดการผู้เล่นทั้งหมดของทีมดังกล่าวด้วย
จนต้องไปตั้งสโมสรกันใหม่


นอกจากนี้ "หัวหน้าคณะกรรมการ" และ "คนใกล้ชิด"
ยังได้ไปนั่งคุยกับ "นักฟุตบอลอาวุโส" ให้มาช่วยเหลือทีม
ที่ "ผู้จัดการสนาม" ต้องการจะช่วยเหลือ
จากนั้น "หัวหน้าคณะกรรมการ"
จึงส่ง "คนใกล้ชิด" ไปพบกับกัปตันทีมของทีมที่ถูกช่วยเหลือ


นายพสิษฐ์กล่าวต่อว่า เมื่อทีมฟุตบอลที่ถูกช่วยได้ถ้วยไปครอบครองแล้ว
ทีมฟุตบอลทีมนี้จะเล่นผิดกติกาอย่างไรก็ได้
มิหนำซ้ำ "หัวหน้ากรรมการ" ยังคอยหาจังหวะช่วยเหลือทีมฟุตบอลดังกล่าวอีก


"ในอนาคต ถ้าเล่นกันอย่างนี้จะเกิดอะไรขึ้น
ทีมที่ถูกแกล้งก็ต้องถูกกลั่นแกล้งตลอดไปชั่วกัปชั่วกัลป์หรือ?
ทีมที่ได้รับการสนับสนุนก็จะถูกช่วยเหลือไปชั่วกัปชั่วกัลป์หรือ?
ถ้าเป็นอย่างนั้น สนามกีฬาแห่งนี้จะพังแน่" อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญกล่าว


ในตอนท้ายของการปราศรัย นายพสิษฐ์กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ คือ
กรรมการอยากช่วยใครก็ช่วย ตามคำสั่งของ "ผู้จัดการสนาม"
จึงอยากถามว่าเมื่อไหร่ "ผู้จัดการสนาม" จะหยุด
และตอนนี้บ้านพักของกรรมการก็ไม่มีขื่อมีแปกันแล้ว เหลือเพียงแต่เสาค้ำ 4-5 ต้น


"วันนี้หูตาสว่างกันได้แล้ว ผมไม่กลัวตาย เขายิ่งไม่ให้มา ผมก็ยิ่งจะมา" นายพสิษฐ์กล่าว


รอยเตอร์ผิดหวังครบ 1 ปี คดี "มูราโมโตะ" ไม่คืบหน้า


นายสตีเว่น แอดเลอร์ หัวหน้ากองบรรณาธิการของสำนักข่าวรอยเตอร์
แถลงรำลึกเนื่องในวาระครบรอบ 1 ปี แห่งการเสียชีวิตของนายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ
ช่างภาพรอยเตอร์ชาวญี่ปุ่น ที่สี่แยกคอกวัว
ระหว่างการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง
เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 ว่า


"ในวันนี้ เราร่วมกันไว้อาลัยต่อการจากไปของคุณฮิโร มูราโมโตะ
แต่เรารู้สึกผิดหวังที่ยังคงไม่มีความกระจ่างชัดต่อสาเหตุการเสียชีวิตของเขา
ขณะที่เวลาได้ล่วงเลยมา 1 ปี โดยครอบครัวและเพื่อนร่วมงาน
ในรอยเตอร์ของคุณมูราโมโตะสมควรที่จะมีโอกาสได้รับทราบว่า
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร และมีผู้ใดอยู่เบื้องหลัง"


ขณะเดียวกัน รอยเตอร์ยังทำรายงานข่าวการชุมนุมรำลึกเหตุการณ์ 10 เมษา
โดยระบุกรณีการเสียชีวิตของนายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ นั้น
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ของทางการไทยได้สรุปเมื่อวันที่ 24 มีนาคมว่า
ไม่มีหลักฐานใดที่จะชี้ชัดว่าทหารสังหารนายมูราโมโตะ
ซึ่งขัดแย้งกับการสอบสวนชั้นต้นของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
ที่ระบุว่า ทหารอาจจะเป็นฝ่ายยิงกระสุนปืนจนส่งผลให้ช่างภาพชาวญี่ปุ่นผู้นี้เสียชีวิต


รอยเตอร์ยังระบุด้วยว่า
รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กำลังต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดัน
ทางการทูตอย่างเข้มข้นจากรัฐบาลญี่ปุ่น
ที่ต้องการจะให้มีการระบุอย่างชัดเจนว่า
ใครคือคนลั่นไกกระสุนสังหารนายมูราโมโตะ


"เสื้อแดง" ปิดราชดำเนิน ทำบุญให้ผู้เสียชีวิตเหตุ "10 เมษา"


จากนั้นเวลา 14.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง
ได้ปิดถนนบริเวณรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ตั้งแต่แยกผ่านฟ้าถึงหน้าสี่แยกคอกวัว และถนนดินสอ
ตั้งแต่สะพานวันชาติ ถึงบริเวณศาลากทม.


ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น. แกนนำนปช.นำโดย
นางธิดา ถาวรเศรษฐ,
นพ. เหวง โตจิราการ,
นายจตุพร พรหมพันธุ์ และ
นายก่อแก้ว พิกุลทอง
พร้อมกับครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม
ที่ถนนราชดำเนินเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 ได้ร่วมกัน
ทำพิธีอุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์
โดยมีกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
ณ บริเวณทางเข้าถนนดินสอ ตรงข้ามโรงเรียนสตรีวิทยา


"ณัฐวุฒิ "อ่านปฏิญญาแดง 8 ข้อ ต้านรปห.-เผด็จการทุกรูปแบบ


เมื่อเวลา 11.30 น. ที่อิมพีเรียล ลาดพร้าว นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ แกนนำ
แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)
ได้อ่านปฏิญญา 10 เมษาฯ ว่า ปฏิญญาดังกล่าวเป็นปฏิญญา 8 ข้อของ นปช.
แดงทั้งแผ่นดิน ประกอบด้วย

1.เคลื่อนไหวทำกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือคนเสื้อแดงให้ได้รับอิสรภาพ
และเยียวยาครอบครัวคนตายและบาดเจ็บ

2.ดำเนินการนำตัวผู้กระทำความผิดในการสั่งฆ่าประชาชน มารับโทษตามกฎหมาย

3.เรียกร้องให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาค

4.รณรงค์สนับสนุนพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยที่ต่อต้านระบอบอำมาตย์
และเคลื่อนไหวตรวจสอบการเลือกตั้ง ให้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม

5.สนับสนุนพรคการเมืองที่ได้รับคะแนนอันดับ1 อย่างถูกต้อง ให้จัดตั้งรัฐบาล
และต่อต้านอำนาจนอกระบบ ที่แทรกแซงผลการเลือกตั้งทุกกรณี

6.สู้ให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประชาชนที่เป็นประชาธิปไตย

7.ต่อต้านรัฐประหารและเผด็จการทุกรูปแบบ และ

8.ขยายมวลชนคนเสื้อแดง และแนวร่วมทั้งปริมาณและคุณภาพ


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1302443799&grpid=00&catid=&subcatid=