ที่มา ข่าวสด
วันที่ 2 ต.ค. ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ กล่าวถึงโครงการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดหรือซีซีทีวีของ กทม.ว่า ตนจะไปยื่นหนังสือกับนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอในวันที่ 3 ต.ค. เวลา 13.00 น.เพื่อให้ดีเอสไอดำเนินการตรวจสอบว่าโครงการดังกล่าวมีการฮั้วประมูลหรือ ไม่ รวมทั้งมีการล็อกสเป็คหรือไม่เพราะทราบว่ามี 4 บริษัทที่ร่วมประมูลแต่กลับใช้กล้องชนิดเดียวกัน รวมถึงอุปกรณ์แพงกว่าท้องตลาด เช่น การติดตั้งกล้องของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย หรือพื้นที่จังหวัดภาคใต้ ของกระทรวงมหาดไทย เป็นต้น ทั้งนี้ ในช่วงวันที่ 5 – 6 ต.ค.ซึ่งจะมีการประชุมกรรมาธิการสามัญภายหลังการคัดเลือกบุคคลเข้าสู่ กรรมาธิการชุดต่างๆ โดยตนจะนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของกรรมาธิการ ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องแรก เพื่อให้คู่ขนานไปกับการตรวจสอบของดีเอสไอ
นอกจากนี้ ตนจะนำเรื่องโครงการไทยเข้มแข็งเข้าพิจารณาด้วย เพราะจากการตรวจสอบพบว่ามีการทุจริตในโครงการดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท รวมทั้งโครงการถนนปลอดฝุ่นด้วย ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการ ป.ป.ช.จะมีความเป็นกลาง เพราะมี ส.ส.ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านร่วมกันตรวจสอบ ดังนั้นไม่อยากให้มองว่าพรรคเพื่อไทยตั้งธงเอาไว้ โดยตนจะลงพื้นที่กลางเดือน ต.ค.นี้เพื่อตรวจสอบถนน โครงการไทยเข้มแข็งและเรื่องกล้องซีซีทีวีของ กทม.ด้วย ทั้งนี้ การทุจริตเป็นสิ่งที่รัฐบาลรับไม่ได้ ซึ่งเราก็ไม่ได้ต้องการดิสเครดิตรัฐบาลชุดที่ผ่านมา แต่เพื่อป้องปรามการเอาเงินภาษีของประชาชนไปใช้เพื่อเป็นประโยชน์ของตัวเอง
ตนรู้สึกผิดหวังที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ไม่ตรวจสอบพวกเดียวกันเอง ตั้งแต่ยุคของนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ฐานะอดีตผู้ว่าฯ กทม.มาจนถึง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.คนปัจจุบัน ไม่รู้ว่าที่ไม่ตรวจสอบเพราะกลัวจะเจอความจริงหรือไม่ จึงพยายามใช้กระแสข่าวแต่งตั้งโยกย้าย รวมถึงการยื่นเรื่องไปที่อัยการสูงสุดเรื่องบ้านหลังแรกว่าเอื้อ บ.เอสซีฯ เพื่อเบี่ยงกระแส