พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน แถลงข่าวถึงกรณีความเป็นกลางของ พล.ต.ท.ชัยยะ ศิริอัมพันธ์กุล รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ที่ได้รับการแต่งตั้งให้มาเป็นคณะอนุกรรมการสอบสวนชุดพิเศษ ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า จากบันทึกถ้อยคำของ พ.ต.ท.รังษี เยาวรัตน์ ซึ่งเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 34 เมื่อปี 2524 รุ่นเดียวกับพล.ต.ท.ชัยยะ
ซึ่งมาให้ถ้อยคำกับฝ่ายกฎหมายของพรรคพลังประชาชน และพรรคได้ยื่นเป็นหลักฐานให้กับ กกต.แล้ว โดยบันทึกถ้อยคำระบุว่าเมื่อ พ.ต.ท.รังษีได้ย้ายเข้ามารับราชการที่ สน.บางรักในปี 2537 ในตำแหน่ง สวส.วน.บางรัก และได้มีโอกาสติดตามผู้ใหญ่คนหนึ่งไปพบกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ที่บ้านพักถนนสุโขทัยและสำนักงานถนนพระอาทิตย์บ้างเป็นครั้งคราว และทุกครั้งที่ไปพบนายสนธิ ก็จะได้พบกับพ.ต.ท.ชัยยะ (ยศในขณะนั้น)
และได้ทราบว่า พล.ต.ท.ชัยยะ พักอยู่บ้านหลังเดียวกับนายสนธิ โดยเป็นตำรวจติดตามรับใช้ใกล้ชิด และในบางครั้ง พล.ต.ท.ชัยยะ ก็ได้พาเพื่อนักเรีนยนายร้อยตำรวจรุ่นเดียวกันไปแนะนำตัวกับนายสนธิ เพื่อให้ได้รับการสนับสนุนให้มีตำแหน่งสูงขึ้น เช่น พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับการ ตำรวจภูธรบุรีรัมย์ ทั้งนี้พล.ต.ท.ชัยยะได้รับการสนับสนุนจากนายสนธิ ให้ดำรงตำแหน่งเป็นรองผู้บัญชาการ ตำรวจสันติบาลเมื่อปี 2550 หลังการรัฐประหาร
พ.ต.ท.กานต์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีหลักฐานที่เป็นเลขหนังสือเดินทาง นายสนธิและพล.ต.ท.ชัยยะ ซึ่งมีผู้หวังดีส่งมาให้คณะทำงานของพรรคพลังประชาชน ระบุชัดเจนว่า เลขหนังสือเดินทางของทั้งสองคน เป็นเลขในลำดับต่อกัน อันแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่แนบแน่น ซึ่งเมื่อเห็นถึงความไม่เป็นกลาง กกต.จึงควรยกคำร้องอย่างเดียวโดยไม่ต้องพิจารณาต่อไปอีก
เพราะ กกต.ต้องรับผิดชอบในการแต่งตั้งคนที่เป็นกลางขึ้นมา โดยเบื้องต้นพรรคกำลังพิจารณา เพื่อดำเนินการส่งหลักฐานการแต่งตั้ง และการทำงานไม่เป็นกลางให้ศาลปกครองพิจารณาเนื่องจากการแต่งตั้ง พล.ต.ท.ชัยยะ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 229 ซึ่งจะส่งผลให้ผลการสอบสวนที่ดำเนินการ โดยสันติบาลและถูกพิจารณาให้ใบเหลือง และใบแดงกับพรรคพลังประชาชนมีผลโมฆะไปด้วย