WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, February 4, 2008

ลุ่มลึกแบบ สมัคร

ในห้วงก่อนการเลือกตั้ง บรรดาคนไม่หวังดีต่างก็พากันออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงบุคลิกของนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน

พยายามชี้ให้เห็นว่าท่าทีโผงผางนั้น ไม่เหมาะแก่การเป็นผู้นำประเทศ

และพยายามชี้เป้าว่าไม่ควรเทคะแนนเลือกตั้งให้กับพรรคพลังประชาชน

รวมไปถึงมีความพยายามที่จะยั่วยุให้นายสมัคร เกิดโทสะ และแสดงกิริยาไม่พอใจออกมา เพื่อการนำไปเสนอข่าวในด้านลบ

หากแต่มองในมุมกลับกัน ในห้วงเวลาดังกล่าวนั้น ทำไมนายสมัคร จึงต้องออกลูกเอะอะ โวยวายอย่างที่ปรากฎในข่าว

นั่นเป็นเพราะในสถานการณ์สู้รบ ในฐานะผู้นำพรรคย่อมต้องแสดงให้เห็นว่า “กูไม่กลัวมึง” ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองคู่แข่ง

ไม่ว่าจะเป็นมือที่มองไม่เห็น หรือสื่อที่เป็นเครื่องมือรับใช้คนบางพวก

ซึ่งนั่นย่อมแสดงให้เห็นถึงความเป็นคนลุ่มลึก และอ่านสถานการณ์ขาด

เพราะพลันที่การเลือกตั้งเสร็จสิ้นลง ในช่วงเวลาของการจัดตั้งรัฐบาล ที่ธรรมเนียมปกติของการเลือกตั้งทุกครั้งจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเลชาธิการพรรค

ก็จะเห็นได้ว่านายสมัคร ก็เก็บเนื้อเก็บตัวเงียบ ไม่ได้ออกมาต่อปากต่อคำกับใคร

แม้ว่าจะมีสื่อบ่างค่ายจะพยายามหาเหตุ ว่านายสมัคร ไม่ได้มีบทบาทเป็นตัวจริงในการฟอร์มทีม ครม.

แต่ก็น่าจะเป็นเพียงความพยายามของสื่อบางราย ที่พยายามบิดเบือน

เพราะไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนๆ งาน “ผู้จัดการรัฐบาล” ก็เป็นหน้าที่ของเลขาธิการพรรคทุกครั้งไป

ดังนั้นท่าทีที่เงียบลง สงบมากขึ้นของนายสมัคร ในช่วงที่ว่า จึงไม่ใช่การล่าถอย ไม่ใช่การเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม

แต่เป็นเรื่องของความเป็นผู้ใหญ่ ที่รู้จักกาละเทศะ

รู้ว่าจะต้องแสดงบทบาทอย่างไร ในโอกาสไหนบ้าง

รวมทั้งรู้วส่าจะต้องแสดงบทบาทอย่างไรกับใคร เพราะสำหรับคนบางคน บางพวกแล้ว ต่อให้ทำดีด้วยแทบตาย ก็ยังหันมาแว้งกัดได้เสมอ

จนถึงวันนี้ที่นายสมัคร ได้รับพระบรมราชโองการฯ โปรกเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรีเต็มตัว

เราก็ยิ่งมีโอกาสได้เห็นนายสมัคร ที่มีท่าทีสุขุมนุ่มลึก

นับตั้งแต่ย่างก้าวแรกของการเป็นนายกรัฐมนตรี ที่บอกเล่าความตั้งใจและทิศทางการทำงานของรัฐบาล อย่างเป็นเหตุเป็นผล

และยืนยันที่จะไม่คิดอาฆาตแค้นหรือจองเวรกับใคร

เพียงแต่พูดในฐานะคนที่ยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ว่าไม่เห็นด้วยกับคนที่ดึงเอาสถาบันเบื้องสูงมาเป็นเครื่องมือในการทำร้ายคนอื่น

จนกระทั่งล่าสุดในตอนสายวันอาทิตยผ่านมา นายสมัคร ได้เปิดบ้านในซอยนวมินทร์ 81 เพื่อสังสรรค์กับสื่อมวลชนกว่า 50 คน จากทุกสำนัก

เป็นการพูดจาอย่างเป็นกันเอง ด้วยบรรยากาศที่ชื่นมื่น

นายสมัคร ลงมือทำกับข้าวด้วยตัวเอง และลงมือตักอาหารเสริร์ฟ และนั่งร่วมวงสนทนากับนักข่าวอย่างไม่ถือเนื้อถือตัว

เมื่อนักข่าวเองก็มีท่าทีเป็นมิตร นายสมัคร เองก็มีท่าทีสมานฉันท์ บรรยากาศจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

ที่สำคัญไม่ใช่เพราะนายสมัคร เลี้ยงข้าว หรือเพียงเพราะนายสมัคร ลงทุนตักข้าวดัวยตัวเองเท่านั้นที่เป็นความประทับใจของนักข่าวและช่างภาพ

แต่น่าจะเป็นคำ “ขอโทษ” ที่ออกมาจากปากนายสมัครมากกว่า

เป็นคำขอโทษจากคนที่เป็นผู้นำประเทศ ที่ยอมรับว่าตัวเองได้ทำในสิ่งที่ผิดพลาดไปแล้ว จากกรณีที่ไปให้สัมภาษณ์สื่อญี่ปุ่นก่อนล่วงหน้าในเรื่อง ครม.

เป็นคำขอโทษที่นับได้ว่าเป็นเกียรติแก่คนฟัง และเป็นคุณต่อประเทศชาติบ้านเมือง

เพราะนั่นหมายถึงบรรยากาศแห่งความเข้าใจอันดีที่จะเกิดขึ้นต่อไประหว่างรัฐบาลกับสื่อมวลชน

ซึ่งไม่ได้หมายถึงการร่วมมือกันปิดหู ปิดตาประชาชนดังที่ผ่านมา

เพียงแต่ว่าจะได้เกิดโอกาสในการสื่อสารถึงกัน และนำเรื่องราวดีๆ ที่จะเกิดประโยชน์ นำเสนอออกไปสู่สังคมให้รับรู้ได้โดยกว้างขวางมากยิ่งขึ้น

และบรรยากาศแห่งการพบปะที่ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านความแช่มชื่นของทุกฝ่ายนั้น ยังบอกถึงการเริ่มต้นที่ดีของการสร้างความสมานฉันท์

ที่คนบางคนพยายามพูดแทบตายแต่ก็กลับไม่เคยเห็นผลเป็นรูปธรรม

ทั้งยังเป็นการย้ำอีกครั้งว่า นายสมัคร มิได้เป็นคนโวยวายไร้สาเหตุอย่างที่ใครพยายามจะให้เข้าใจกัน

แต่แท้จริงแล้วเป็นการโวยใส่ คนที่สมควรจะถูกโวย หรืออาจจะด่าอย่างชัดถ้อยชัดคำกับเรื่องราวหรือผู้คนที่เลวร้ายพอที่จะถูกด่าได้

บอกให้เห็นว่านายสมัคร เป็นคนที่สู้ยิบตาหากมั่นใจในความถูกต้องที่ตนเองทำ และขณะเดียวกันก็กล้าหาญที่จะเอ่ยปากขอโทษ เมื่อรู้ว่าตัวเองทำผิด

ไม่ว่าคนที่รับคำขอโทษจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่อย่างไรก็ตาม

คนที่รู้จักแยกแยะ ผิด ชอบ ชั่ว ดี และรู้จักที่จะจัดการกับแต่ละปัญหาด้วยวิธีการอันเหมาะสม แยบยลเช่นนี้

ย่อมยืนยันถึงวุฒิภาวะและวิสัยทัศน์ผู้นำ ที่จะนำพาประเทศชาติไปสู่ความสำเร็จได้เป็นอย่างดี ...!!