กลาโหม 4 ก.พ.-“พล.อ.บุญรอด สมทัศน์” อำลาตำแหน่ง รมว.กลาโหม มั่นใจความเป็นคนจริงของ “สมัคร” จะทำตามพูด เรื่องไม่ล้วงลูกกองทัพ เชื่อทหารกับรัฐมนตรีใหม่จะทำงานร่วมกันได้แน่นอน ย้ำกองทัพต้องเป็นเอกภาพน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ด้าน “พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร” เตรียมฟ้องเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านกับคนในทีโอทีที่กล่าวหาทำรายได้ตก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 10.00 น.วันนี้ (4 ก.พ.) พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกอบพิธีสักการะองค์พระหลักเมือง และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงกลาโหม คือ เจ้าพ่อหอกลอง พระบวรสาทิศลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระรูปจอมพลสมเด็จพระปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ และรูปหล่อจอมพลและมหาอำมาตย์เอก เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง-ชูโต) และรับการเคารพจากกองทหารเกียรติยศผสม ในโอกาสเทิดเกียรติและอำลาจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการ 3 เหล่าทัพ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง
พล.อ.บุญรอด ให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกสบายใจ ทุกอย่างโล่ง เพราะไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นอยู่แล้ว และไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ก็ทำหน้าที่ในความรับผิดชอบให้ดีที่สุด ถือว่า 1 ปี 4 เดือนที่ผ่านมา ได้ทำหน้าที่และความรับผิดชอบดีที่สุดแล้ว ไม่ได้รู้สึกว่าเหน็ดเหนื่อย มีแต่ความปลื้มใจ ประทับใจที่จะมีอยู่ตลอดไป ส่วนผลเป็นอย่างไรต้องให้คนอื่นเป็นผู้ประเมิน ส่วนตัวก็ถือว่าภารกิจในส่วนของกระทรวงกลาโหมประสบความสำเร็จในทุก ๆ ด้าน แต่ถ้าเป็นภาพรวมของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอะไร มันต้องใช้เวลา เช่น ปัญหาภาคใต้ ไม่ใช่รัฐบาลนี้เข้ามาใช้นโยบายใหม่แล้ว จะแก้ได้ทันที ยังไม่ได้ เพียงแต่เป็นการวางรากฐาน ซึ่งประชาชนในพื้นที่ก็ยอมรับโดยขอให้รัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาใช้นโยบายแบบเดิม ถือว่า 1 ระดับ
“เมื่อวานได้ปรับความเข้าใจกับนายสมัคร สุนทรเวช เรื่อง พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม ซึ่งท่านก็เข้าใจดี และไม่ใช่ปรับความเข้าใจอย่างเดียว แต่หมายถึงว่าเข้าใจซึ่งกันและกัน ผมก็รับทราบด้วยความรู้สึกว่าท่านเข้าใจกองทัพเป็นอย่างดี สิ่งที่ผมฝากไป เมื่อวานนี้ (3 ก.พ.) เป็นเรื่องของกระทรวงกลาโหมว่า ที่ผ่านมาได้ทำอะไรไปบ้าง กับเรื่ององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เพราะท่านต้องเป็นนายกสภาองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกอีกตำแหน่งหนึ่ง เรื่องการดูแลสิทธิกำลังพลของทหารผ่านศึก การรักษาพยาบาล” พล.อ.บุญรอด กล่าว
พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า ขณะนี้ทหารถอยเข้ากรม กอง เป็นทหารอาชีพและปล่อยวาง พร้อมจะทำตามหน้าที่ในความรับผิดชอบ ซึ่งต้องขอฝากความเป็นเอกภาพปึกแผ่น มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันไว้ให้ได้ เพราะถ้ารักษาสิ่งนี้ได้ จะมีผลให้เป็นพลังในการต่อสู้กับภัยความมั่นคงต่าง ๆ รวมทั้ง สิ่งต่าง ๆ ที่จะเข้ามากระทบกองทัพ ซึ่งจะทำให้มีพลังในการทำงานเพื่อชาติ
“ผมเชื่อท่านนายกฯ สมัคร ว่าท่านเป็นคนจริงคนหนึ่ง และผมชอบคนจริง คือพูดจริงทำจริง และท่านบอกแล้วว่าจะไม่เข้ามาแทรกแซง ไม่เข้ามาล้วงลูก หน้าที่ของทหารก็จะปล่อยให้ทหารทำไป ผมเชื่อท่านว่าท่านเข้ามา เพราะมีภารกิจที่สำคัญของชาติที่จะแก้ไขอยู่แล้ว ส่วนทหาร ถ้าทำอย่างที่ท่านว่ามา ปล่อยให้ทหารทำหน้าที่ของทหารไป ผมเชื่อว่าในส่วนของความมั่นคง ทางทหารไปได้ดีอย่างแน่นอน” พล.อ.บุญรอด กล่าว
พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า ผู้นำเหล่าทัพก็พร้อมที่จะทำงานตามหน้าที่ ร่วมกับรัฐมนตรีกลาโหม คนใหม่ ไม่น่าจะมีอะไรสะดุด สมมติประชุมสภากลาโหมนัดแรก ก็จะได้รับการต้อนรับแบบนี้ โดยบุคลิกของนายสมัคร เวลาพูดกับทหาร เป็นบุคลิกที่ทหารยอมรับ เชื่อมั่นในตัวนายสมัคร ในฐานะที่จะเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมได้แน่นอน จุดนี้ทำให้รู้สึกสบายใจ ทั้งคนอยู่ และตนที่จะไป
ต่อข้อถามว่า เชื่อหรือไม่ว่าจะไม่มีการปฏิวัติ ในยุคที่นายสมัคร เป็นรัฐมนตรีกลาโหม ตามที่นายสมัคร ประกาศ พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า เชื่อเพราะการปฏิวัติจะเกิดขึ้นต้องมีเหตุ เมื่อนายสมัคร ให้นโยบายนี้ออกมาแล้ว ทหารทุกคนสบายใจที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่เข้าใจบทบาททหาร ทหารไม่ต้องการให้การเมืองเข้ามาแทรกแซง ไม่ต้องการให้ถอยหลังกลับไปแบบในอดีต ที่มีการย้ายข้ามขั้นจนทำให้กองทัพเกิดความแตกแยก เพราะถ้าเป็นไปตามกติกาแล้ว ทุกคนก็จะยอมรับ ขณะเดียวกันทหารอาชีพก็ต้องไม่วิ่งเข้าไปหาการเมือง
ส่วนกรณีที่รัฐบาลชุดใหม่มาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อาจจะมีปัญหาเรื่องรุ่นเกิดขึ้นอีก โดยเฉพาะนายทหารเตรียมทหารรุ่น 10 จะผงาดขึ้นอีกครั้ง พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า ต้อง “wait and see” เพราะเมื่อมี พ.ร.บ.การจัดระเบียบกระทรวงกลาโหมออกมาแล้ว ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกลไกกติกาที่ตั้งไว้ โดยต้องผ่านการพิจารณามาตั้งแต่ผู้บัญชาการเหล่าทัพ จนมาถึงคณะใหญ่ที่รัฐมนตรีกลาโหมเป็นประธาน
“เมื่อมี พ.ร.บ.การจัดระเบียบกระทรวงกลาโหมแล้ว หากรัฐบาลเข้ามาแทรกแซง จะถือว่าผิดกฎหมาย ถ้าใครทำผิดกฎหมายก็ต้องถูกลงโทษ รัฐมนตรีมีโอกาสถูกปลดออกจากตำแหน่ง และมีสิทธิติดคุก” พล.อ.บุญรอด กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้บัญชาการเหล่าทัพจะทัดทานกระแสและอำนาจของรัฐบาลได้หรือไม่ พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า ต้องคอยดูต่อไป ถึงบอกว่าผู้บัญชาการเหล่าทัพจะต้องมีความเป็นเอกภาพ มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ทั้งด้านความคิดและปฏิบัติด้วย แต่อย่าไปมองว่ารุ่นนั้นจะขึ้นมา เพราะต้องว่ากันไปตามขั้นตอน แต่ละรุ่นมีทั้งคนเก่ง ไม่เก่ง คนที่มีขีดความสามารถที่จะขึ้นมา ดังนั้น คนใดก็ตามที่ขึ้นมาด้วยความรู้ความสามารถของเขาจริง ๆ เขาก็สามารถมาอยู่ในตำแหน่งใหญ่ ๆ ของกองทัพได้
ส่วนจะขึ้นอยู่กับการวางตัวของรัฐมนตรีกลาโหมด้วยหรือไม่นั้น พล.อ.บุญรอด คิดว่า การที่นายสมัคร มานั่งเป็นประธานพิจารณาเรื่องนี้ ก็ต้องได้รับข้อมูลมาบางส่วน ขึ้นอยู่กับการพูดจากันก่อนที่โผจะมาถึงมือรัฐมนตรี ส่วนเมื่อโผมาถึงมือรัฐมนตรีแล้ว เป็นการแก้ปัญหาที่คงเหลือไม่มาก
“การไม่ให้เขามาล้วงลูก หรือข่มขืนใจ หรือทำแบบไม่รับรู้ ไม่ได้ ทุกอย่างสามารถพูดกันได้ ซักได้ว่าใครเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม” พล.อ.บุญรอด กล่าว พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่า การโยกย้ายในเดือนเมษายนนี้จะมีการย้ายล้างบาง เชื่อว่าผู้นำเหล่าทัพจะปกป้องกองทัพได้ ไม่ใช่อยู่ในภาวะเอาตัวรอด
ด้าน พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร รองปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวเพียงสั้น ๆ ระหว่างร่วมพิธีกล่าวว่า กำลังให้นายทหารพระธรรมนูญพิจารณาดำเนินการฟ้องร้องบุคคล 2 คน จำนวน 100 ล้านบาท ที่กล่าวหาว่าตนทำให้บริษัท ทีโอที สูญเสียรายได้.-สำนักข่าวไทย
อัพเดตเมื่อ 2008-02-04 13:11:03