WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, December 19, 2009

ปัญหาไม่ใช่แค่ "บอร์ดการบินไทย"

ที่มา มติชน

โดย ประสงค์ วิสุทธิ์


บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) ก็ไม่ต่างจากรัฐวิสาหกิจแห่งอื่นๆที่เป็นขุมทรัพย์ของผู้มีอำนาจทางการเมืองเข้ามาแสวงหาประโยชน์อย่างเป็นล่ำเป็นสันมาเป็นเวลานาน


วิธีการหลักๆ ในการเข้ามหาประโยชน์คือ การจัดซื้อจัดจ้างมูลค่าสูงๆ ผลักดันให้ดำเนินโครงการขนาดใหญ่ และกำหนดนโยบายที่เอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองและพวกพ้อง จากนั้นส่งคนของตนเอาเข้ามาเป็นผู้บริหารหรือะกรรมการรัฐวิสาหกิจ เพื่อควบคุมให้เป็นไปตามความต้องการของตนเอง


จึงไม่ใช่เรื่องแปลก (แต่ไม่ถูกต้อง) ที่จะเห็นบุคคลที่เป็นคนใกล้ชิดของผู้มีอำนาจฯ มาเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจแบบที่ขำไม่ออก เช่น สมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ส่งพ่อค้าพริกไทยมาเป็นกรรมการการบินไทย หรือปัจจุบันมีพี่ชายคนสนิทของ "พี่เน" เป็นกรรมการต่อเนื่องมาตั้งแต่รัฐบาลนายสมัคร


แม้จะมีระเบียบว่า หนึ่งในสามของกรรมการรัฐวิสหกิจต้องแต่งตั้งจากบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิที่ขึ้นบัญชีไว้ที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจและมี พ.ร.บ.คุณสมบัติและมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ กำหนดคุณสมบัติกรรมการโดยเน้นมิให้ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองและการห้ามมีผลประโยชน์ทับซ้อน แต่ผู้มีอำนาจก็อาศัยความ "หน้าด้าน" เลี่ยงกฎหมายส่งคนของตนเองเข้ามาเป็นกรรมการอยู่ดี


จึงเป็นไปได้ยากที่บุคคลเหล่านี้จะรักษาผลประโยชน์ของรัฐวิสาหกิจที่ตนเป็นกรรมการ นอกจากผลประโยชน์ของ "นาย" และของตนเอง


พฤติกรรมของกรรมการการบินไทยรายหนึ่งที่ตกเป็นข่าวอื้อฉาวว่า ขนสัมภาระ 40 ชิ้น น้ำหนักกว่า 500 กิโลกรัมในเที่ยวบินโตเกียว-กรุงเทพ เมื่อกลางพฤศจิกายนที่ผ่านมา และยังใช้ช่องทางพิเศษที่สนามบินสุวรรณภูมิโดยไม่เสียภาษีศุลากรอีกด้วย บ่งบอกได้อย่างดีว่า กรรมการการบินไทยรายดังกล่าวซึ่งได้รับการหนุนหลังจาก "พี่เน" (เหมือนกับคนในตระกูลเดียวกันทำให้มีอำนาจอยู่ในแวดวงตลาดทุน) รักษาผลประโยชน์ของใคร


ปัญหาที่เกิดขึ้นนอกจากชี้ให้เห็นว่า การบริหารจัดการในการบนินไทยหละหลวม ไร้กฎเกณฑ์ กรรมการและฝ่ายบริหารสามารถใช้อำนาจได้ตามอำเภอใจแล้ว ยังทำให้เห็นปัญหาอื่นทั้งในการบินไทยและหน่วยงานอื่นของรัฐ อาทิ


หนึ่ง โครงสร้างการบริหารรัฐวิสาหกิจไม่ชัดเจน ทั้งๆ ที่รัฐวิสาหกิจหลายแห่งมีฐานะเป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ แต่กรรมการบริษัทไม่รู้จักอำนาจหน้าที่ของตนเองว่า มีหน้าที่เพียงกำหนดนโยบาย กำหนดยุทธศาสตร์ ติดตามประเมินผลฝ่ายบริหารให้เป็นไปตามนโยบายและกฎหมาย


แต่นี่กลับล้วงลูกทั้งในเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายพนักงานระดับกลางถึงผู้อำนวยการฝ่าย เข้าไปทำหน้าที่แทนฝ่ายบริหาร ทำให้ผู้บริหารที่ได้รับการสรรหาไม่มีอำนาจที่แท้จริง ไร้น้ำยา เพราะพนักงานมักจะวิ่งเข้าหากรรมการซึ่งเป็นผู้มีอำนาจแท้จริง


การบินไทยนั้น มีงบประมาณมหาศาลทั้งในการจัดซื้อจัดจ้างและด้านการตลาด ทำให้กรรมการบริษัทต้องเารเข้ามามีอำนาจโดยเฉพาะงบฯด้านการตลาดปีละกว่า 2,000 ล้านบาท อำนาจการอนุมัติใช้เงินก้อนนี้อยู่ที่ประธานคณะกรรมการบริหารคือ นายวัลลภ พุกกะณะสุตซึ่งเป็นกรรมการบริษัท แทนที่จะเป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร


สอง ไม่ใช่กรรมการรัฐวิสาหกิจที่ผู้มีอำนาจฯส่งเข้ามาเท่านั้นที่ก่อปัญหา กรรมการรัฐวิสาหกิจที่เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ก็อาจก่อปัญหาได้เช่นเดียวกัน


ลองไปพลิกดูชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจใหญ่ๆ มีผลตอบแทนในรูปเบี้ยประชุมและโบนัสสูง จะพบชื่อข้าราชการชั้นใหญ่เป็นกรรมการอยู่เพียบ


แต่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เหล่านี้ไม่เคยสนใจดูว่า อำนาจหน้าที่หรือตำแหน่งที่ตนเองดำรงอยู่นั้นขัดแย้งกับการเข้าไปทำหน้าที่กรรมการในรัฐวิสาหกิจหรือไม่ อาทิ นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งกฎหมายกำหนดให้เป็นกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติด้วย


แต่นายอำพนกลับยอมรับเป็นกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน)ซึ่งโครงการลงทุนของ ปตท.และบริษัทในเครือ จำนวนมากต้องผ่านความเห็นชองของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ


จึงน่าจะมีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนว่า การที่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่รายใดจะรับเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจใด ต้องไม่ขัดแย้งกับอำนาจหน้าที่ตามกำหมายของตนเอง


สาม ถ้ากรรมการการบินไทยรายดังกล่าวใช้ช่องทางพิเศษในสุวรรณภูมิขนสินค้าเข้ามาจำนวนมากโดยไม่ต้องเสียภาษีศุลกากรจริง


คำถามคือ มีผู้ยิ่งใหญ่และผู้มีอำนาจทางการเมือง ใช้ช่องทางพิเศษแบบเดียวกันขนสินค้าเข้ามาโดยไม่ต้องเสียภาษีใมากมายขนาดไหน เพราะเมื่อผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้เดินทางไป-กลับแต่ละครั้งจะมีข้าราชการ-เจ้าหน้าที่รัฐแห่แหนไปอำนวยความสะดวก


เจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจหน้าที่โดยเฉพาะกรมศุลากรได้ปล่อยปละละเลยหรือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่มีการเก็บภาษีจริงหรือไม่


รัฐบาลควรใช้โอกาสนี้รื้อแดนสนธยาที่สนามบินสุวรรณภูมิ มิให้มีการกระทำตามอำเภอใจได้ต่อไป