ที่มา มติชน
คอลัมน์ เดอะก็อดมาเธอร์ คนนอกกรอบ
โดย อภิวัติ
ตลอดหลายวันที่แม่อยู่ที่เมืองเชียงใหม่ ก็อดไม่ได้ที่จะรีบตื่นมาสัมผัสความเยือกเย็นยามเช้า และเฝ้าดูไม้เมืองหนาวภายในสวนหน้าห้องพัก ทำให้ได้อารมณ์ไปอีกแบบ
เมืองเชียงใหม่ทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ตึกรามบ้านช่องร้านรวงโดยเฉพาะร้านอาหารและโรงแรมที่พักซึ่งเกิดขึ้นทุกหัวระแหง พร้อมกัน ก็แข่งขันกันในเรื่องการออกแบบดีไซน์ ทำให้ที่พักที่เมืองเชียงใหม่มีความงดงามที่แตกต่างกันอย่างน่าชม และทำให้นครแห่งนี้เป็นประหนึ่งนครหลวงของภาคเหนือ เป็นมหานครแห่งการท่องเที่ยวของบ้านเรา
ขณะที่แม่นั่งๆ นอนๆ รับลมหนาวอยู่ที่เมืองเชียงใหม่นั้นก็ได้รับข่าวที่น่ายินดีจากเมืองเขมรว่า วิศวกรหนุ่มไทยนั้นได้รับพระราชทานอภัยโทษจากกษัตริย์กัมพูชา หลังจากถูกศาลกัมพูชาพิพากษาตัดสินว่ามีความผิดฐานจารกรรมเป็นเวลาถึง 7 ปี
เมื่อครั้งที่แม่พูดถึง "หัวอกแม่" ไปเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เพราะเห็นๆ กันอยู่ว่า การเมืองได้ทำร้ายคนไทยอย่างไรบ้าง เมื่อชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีแม่มีพ่อมีพี่น้องคนหนึ่งถูกเขมรจับกุมด้วยข้อหาร้ายแรง
และข้อหาเหล่านั้นเป็นการประจานนโยบายรัฐบาลอย่างหนึ่งว่ามีส่วนโดยตรงกับการทำจารกรรมอีกประเทศหนึ่ง และรัฐบาลรู้ดีว่า ได้ทำอะไรลงไป แต่จะให้ยอมรับตรงๆ ก็จะเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ นั่นเป็นสิ่งที่ "พอรับได้" แม้จะไม่ค่อยถูกเรื่องที่จะตั้งหน้าตั้งตาทำจารกรรมในต่างประเทศเพื่อไล่ล่าอดีตผู้นำ
แม่คาดอยู่แล้วว่า รัฐบาลจะต้องเล่นเกมการเมืองอีกต่อไป โดยการปลุกระดมให้เกิดความรู้สึกในทางชาตินิยมขึ้นในหมู่คนไทยว่า อดีตผู้นำกับผู้นำคนปัจจุบันเมืองเขมรมีความแน่นแฟ้นกันในเรื่องผลประโยชน์
ผลการสำรวจความรู้สึกของประชาชนบ้านเราจึงพบว่า รัฐบาลได้รับความนิยมมากจากเรื่องนี้ก็คือ ในการแสดงท่าทีที่ไม่เป็นมิตรหรือกระทั่งประหนึ่งจะเป็นศัตรูกับเขมร โดยเฉพาะของกองเชียร์สีเหลืองที่รัฐบาลยึดถือเป็นหลักว่าจะต้องเงี่ยหูฟังและรับไปปฏิบัติในทันที
เมื่อหนุ่มวิศวกรไทยถูกจับกุม รัฐบาลก็แสดงให้คนบ้านเราเห็นว่า ได้พยายามทุกวิถีทางที่จะช่วยเหลือคนไทยที่ประสบชะตากรรมอย่างเต็มที่ แต่ระหว่างที่ทำท่าว่าพยายามมาก ก็พูดกระแหนะกระแหนเหยียดหยามผู้นำประเทศเพื่อนบ้านไปด้วยอย่างเมามัน
โดยเฉพาะเลขานุการรัฐมนตรีว่าการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่วิจารณ์ผู้นำเมืองเขมรแทนนายอย่างดุเดือด ปากก็บอกว่า กระทรวงของเขาได้พยายามช่วยคนไทยอย่างเต็มที่แล้ว
วิธีการของท่านเลขาฯท่านนี้เป็นลีลาของนักการเมืองเต็มตัว เพราะฟังคำให้สัมภาษณ์ก็ดูเหมือนเห็นใจเหลือเกิน แต่พูดจบแล้วก็มีผลที่จะทำให้คนไทยนั้นต้องติดคุกเขมรอย่างแน่นอน เพราะจะเป็นอุปสรรคอย่างใหญ่หลวงต่อการช่วยเหลือครั้งนี้ และช่วยทำลายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้เลวร้ายลงไปอีก
เมื่อมีข่าวว่า กษัตริย์เมืองเขมรพระราชทานอภัยโทษตามคำขอของอดีตผู้นำไทย อดีตนายกฯจิ๋ว และตัวผู้นำเขมรคนปัจจุบัน รัฐบาลก็ยังอุตส่าห์ปล่อยโฆษกฝ่ายใส่ร้ายผู้คนออกมาให้สัมภาษณ์ว่า สงสัยว่าคนเหล่านี้จะมีอำนาจเหนือกษัตริย์กัมพูชา
โฆษกท่านนี้ดูเหมือนมีเจตนาจะยื้อให้เรื่องนี้เป็นเกมการเมืองต่อไป และคงอยากให้เขมรเกิดความไม่พอใจมากขึ้นอีก เพราะน่าจะได้ประโยชน์จากแนวทางปลุกกระแสชาตินิยมที่ทำให้คะแนนเสียงดีขึ้นมาก
แม่มีความเชื่อว่า พระมหากษัตริย์ไม่ว่าของชาติใดก็ล้วนแต่จะต้องได้รับความรักความเทิดทูนจากประชาชนส่วนใหญ่ของชาตินั้นๆ อย่างไม่ต้องสงสัย การใส่ร้ายเพื่อความเมามันครั้งนี้ก็เป็นวิธีการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างหนึ่ง ที่หนักยิ่งไปกว่าการด่าประณามผู้นำของอีกประเทศเสียอีก เพราะเป็นการทำร้ายจิตใจประชาชนของประเทศนั้นโดยตรง
เหมือนที่เราจะยอมไม่ได้อย่างเด็ดขาดที่จะให้ใครมาดูหมิ่นดูแคลนพระบรมเดชานุภาพของพระเจ้าแผ่นดินไทย
เหตุการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศครั้งนี้กำลังแสดงให้เห็นว่า บ้านเมืองเรามีมิตรน้อยลงไป กระทั่งประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ติดรั้วก็เกิดความบาดหมางและร้าวฉานยิ่งขึ้นไปทุกทีอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ ท่าทีของรัฐบาลทำให้กลุ่มประเทศเพื่อนบ้านเหล่านี้นึกไปถึงบาดแผลเก่าๆ ที่รัฐบาลที่ผ่านมาของไทยสร้างขึ้น
บาดแผลเหล่านี้ ดูเหมือนกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านกำลังจะพยายามลืมเลือนจากการเสด็จฯเยือนของสมเด็จพระเทพฯอยู่บ่อยครั้ง และทรงมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดเป็นกันเองไม่ถือพระองค์ มีการพระราชทานสร้างสรรค์ต่างๆ ในด้านศิลปะวัฒนธรรมให้แก่ประชาชนประเทศเหล่านั้นอย่างมากมาย จนเป็นที่เคารพรักของผู้คน
น่าเสียดายที่รัฐบาลปัจจุบันได้ทำให้ความสัมพันธ์ดีๆ เหล่านี้เริ่มมลายหายไป ด้วยเกมชิงอำนาจทางการเมือง
แต่สุดท้าย ในฐานะของความเป็นแม่ก็ยังยินดีที่ลูกของแม่คนไทยอีกคนหนึ่งได้รับอิสรภาพจากพระมหากรุณาธิคุณของกษัตริย์กัมพูชา ยินดีต้อนรับกลับสู่อ้อมอกของแผ่นดินแม่อีกครั้งหนึ่งในวันสองวันนี้...