ที่มา บางกอกทูเดย์
ไม่อยากจะว่า....หาเหามาใส่หัวหรือว่า....ชักนํ้าเข้าลึกชักศึกเข้าบ้านแต่ทำท่า...มันน่าจะเป็นอย่างนั้น...อย่างเรื่องเครื่องบินแบบ อิลยูซิน..ของเอกชนคาซัคสถาน..ที่บินจากเกาหลีเหนือแวะมาเติมนํ้ามันในประเทศไทย..แล้วถูกกองกำลังขนาดใหญ่ของไทย..ไปจู่โจมจับกุมและพบว่ามีอาวุธสงครามจำนวนมหึมาติด
มากับเครื่องบินลำนี้เครื่องบินเช่าเหมาลำลำนี้...แค่บินผ่านมาแวะเติมนํ้ามัน..ก็แปลว่าอาวุธนั้น..คงจะไม่มีการขนลงในประเทศไทย..และไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองใดๆ ในประเทศไทย..แต่เมื่อประเทศไทยไปจับกุมผู้ขนอาวุธเป็นผู้ต้องหาและเก็บอาวุธดังกล่าวไว้ในฐานะของกลาง...พร้อมกับแจ้งข้อหาแจ้งความเท็จและมีอาวุธสงครามไว้ในครอบครองก็ต้องลองคิดดูว่า...เจ้าของอาวุธเหล่านั้นเป็นใคร..เป็นประเทศหรือเป็นขบวนการผู้ก่อการร้ายหากเป็นประเทศ...เขาก็คง
จะต้องแสดงตนขอมา..หากไทยปฏิเสธก็คงจะกลายเป็นปัญหาระหว่างชาติ..หากทางเกาหลีเหนือบอกว่าเป็นอาวุธของเขาและจะส่งไปขายหรืออภินันทนาการให้กับชาติพันธมิตรของเขาชาติหนึ่งชาติใดประเทศไทยจะปฏิเสธหรือไม่หรือประเทศปลายทางของอาวุธเหล่านี้แสดงตนออกมา...และยืนยันว่าการซื้อขายของเขานั้นถูกต้อง..ไทยก็คงจะต้องส่งคืนเขาเช่นกันแต่หากว่า...อาวุธเหล่านั้นเป็นของฝ่ายปฏิวัติในอัฟกานิสถาน..เขาก็จะกล่าวหาว่าประเทศไทยรับใช้ศัตรู
คู่ศึกของเขา..การเอาคืนหากจะเกิดขึ้นมา...ไม่ว่าโดยการข่มขู่หรือปฏิบัติการใดๆประเทศไทยที่ไม่เป็นสุขอยู่แล้วก็คงจะเพิ่มความไม่เป็นสุขมากยิ่งขึ้น..มองสารพัดมุมแล้ว....หนักใจแทนคนไทยทั้งประเทศ..กับการแส่หาเรื่อง...เพราะหากพบว่า..เครื่องบินที่บินมาจากเกาหลีเหนือมีอาวุธ..ที่น่าจะดำเนินการก็คือให้เขาบินกลับไปที่ที่เขาบินจากมา หรือหากจะบินต่อไปยังปลายทาง..ก็ให้เป็นภาระของพวกเขา...ยิ่งเมื่อสถานทูตสหรัฐฯ..ปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่อง...อย่างที่เป็นข่าว
กันว่า...สหรัฐอเมริกาเป็นผู้ชี้เบาะแสด้วยแล้วนักเล่นข่าวก็ยิ่งเดาได้...รัฐบาลไทย..ถูกประเทศใดสั่งให้จับสั่งให้บังคับ...ว่ากันว่า...เราจะได้ศัตรูเพิ่มขึ้นอย่างน้อยก็ 2 ประเทศ...ในขณะที่ไม่ได้ประโยชน์ใดๆ จากเรื่องนี้เลยว่ากันว่า....เขตสนามบินนั้น..เป็นเส้นทางสากล..เขาแค่ขนผ่าน..จะเอาเขามาติดคุกติดตะรางและยึดอาวุธของเขาไว้เลยนั้นมันจะไม่ง่ายอย่างที่พวกเด็กๆ คิดกัน