WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, December 14, 2009

ทักษิณ อหังการ์ บังอาจพูดว่า "มาตรา 1 อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย"

ที่มา thaifreenews

บทความโดย..ลูกชาวนาไทย



ทักษิณ อหังการ์ บังอาจพูดว่า "มาตรา 1 อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย" ผมคิดว่าในความเห็นของบางคน เงาหัวคงไม่มีแล้ืว

คืนวันเสาร์เที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้เสวนากลุ่มย่อยกับเพื่อนๆ เสื้อแดง ก็เลยได้แลกเปลี่ยน วิเคราะหฺ์สถานการณ์กันในหลายประเด็น ประเด็นหนึ่งที่พึ่คนหนึ่งเขายกมา คือ การที่ท่านทักษิณปราศรัยในวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยยกมาตรา 1 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2475 ขึ้นมากล่าวว่า "อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย"

คำพูดนี้เป็นคำพูดที่แรงที่สุดเท่าที่ทักษิณเคยพูด พี่คนนั้นกล่าวว่า คนเสื้อแดงต้องลงแรงอย่างหนักมานาน จนทำให้ทักษิณกล่าวคำพูดนี้จนได้ นั่นหมายถึง เขาได้ตัดขาดกับ "ศักดินาอำมาตยาธิปไตย" อย่างรุนแรงแล้ว "พวกนั้น(ผมอยากใช้คำที่เป็นเอกพจน์ แต่เพื่อความปลอดภัยของภาษา 555) คงไม่เอาเขาไว้อย่างแน่นอน เรียกว่า "เงาหัวไม่มีในสายตาของคนเหล่านั้นแล้ว" เรียกได้ว่า คำพูดนี้ ท้าทาย "ราชอาณาจักรแห่งเทพเจ้า" เลยก็ว่าได้ เป็นการ กลับ Paradigm ทางความคิดเลยทีเดียว

วันที่ 10 ธ.ค. อีกเช่นกันที่ผมฟังสาระที่คุณวีระ มุกสิกพงษ์ พูดอื่นๆ ผมไม่ค่อยสนใจนัก แต่คุณวีระหลุดประโยคหนึ่งว่า "หน้าที่ของคุณวีระคือ การทำให้คนเสื้อแดงมีเครือข่าย จัดแถวจัดตั้งให้คนเสื้อแดง หลังจากนั้นคนเสื้อแดงจะทำอย่างไร ก็เป็นสิทธิของคนเสื้อแดงเอง ผมถือว่านี่คือ การพูดถึงแนวคิดทางยุทธศาสตร์ที่อยู่ในใจคุณวีีระอย่างชัดเจน ว่า ยุทธศาสตร์หลักตอนนี้คือ "การจัดตั้ง สร้างเครือข่าย" ของคนเสื้อแดง ให้มีพลัง

ผมเองมองเห็นว่า "ภารกิจที่สำคัญของคนเสื้อแดงตอนนี้คือ "การจัดตั้ง" สร้างเครือข่าย ให้เชื่อมโยง สร้า่งแกนนำเครือข่ายต่างๆ ติดอาวุธทางความคิด ให้ตาสว่าง กล้าที่จะ "เลิกเชื่อบางสิ่งที่ล้าหลัง"

ส่วนการล้มรัฐบาลมาร์กนั้น ยังไม่ใช่ภารกิจเร่งด่วนอะไรมากนัก หากกองทัพคนเืสื้อแดงพร้อมแล้ว การแย่งชิงอำนาจทางการเมืองในอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่ยากเย็นอะไรนั้น

ความขัดแย้งอดีต มีแต่ขุนนางรบกับเจ้า (2475) ขุนนางรบกับขุนนาง (รัฐประหารต่างๆ ) แต่ครั้งนี้ความขัดแย้งทางการเมืองไทยมีความก้าวหน้า "ทางประวัติศาสตร์มากกว่าความขัดแย้งในอดีตมาก เป็นความขัดแย้งระหว่าง "ไพร่กับผู้ปกครอง"

ความขัดแย้งในอดีตของประเทศต่างๆ หากเป็นในลักษณะ ประชาชนกับผู้ปกครองแล้ว ไม่เคยมีสังคมใด ที่ประชาชนจะพ่ายแพ้ มันจะพัฒนาเป็นการเปลี่ยนแปลง "รากฐานความคิดของประชาชน

ประชาชนที่พัฒนาทางความคิด (ตาสว่าง) ไปแล้ว ไม่อาจกลับไปอยู่ในสังคมเดิมแบบยุคกลาง ยุคแห่งการบูชาพระเจ้าได้อีก สุดท้ายโลกทรรศ์ของประชาชนจะเปลี่ยนไป

ผมไม่เคยใจร้อน ในการวิเคราะห์ของผม "สังคมไทยได้เปลียนไปโดยสิ้นเชิงแล้ว" ราชอาณาจักรพระเจ้า" แบบยุคกลางของยุโรปได้สูญสลายคลายความศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว

การได้อำนาจรัฐของประชาชน เป็นแค่ปัญหาของเวลาเท่านั้น ไม่มีทางที่เมืองไทยจะหันกลับไปบูชาพระสยามเทวาธิราชให้เเป็นผู้ำกำหนดชะตากรรมของตนได้อีกแล้ว มีแต่ประชาชนต้องกำหนดอนาคตและชาตากรรมของตนเอง

เมื่อ "จินตภาพของประชาชนเปลี่ยน" ถือว่าเราได้ชัยชนะในสงครามยืดเยื้อนี้แล้ว ส่วนการ "ชิงเมือง" นั้นไม่จำเป็นต้องรีบร้อนมากนัก

ลัทธิซาบซึ้ง ได้เสื่อมมนต์ขลังลงไปแล้ว แม้จะปลุกกระแสอย่างยิ่งใหญ่ ก็ยากที่จะหวนคืนเช่นเดิมได้

ในวงสนทนา มีบางคนบอกว่า พวกเสื้อเหลืองบางคนที่เขารู้จัก พวกนั้นเขารู้สึกว่า "พวกเขาชนะแล้ว" เพราะเขาดูจาก "คนเสื้อสีชมพู" ในอาทิตย์ก่อนหน้านี้ ทำให้พวกเสื้อเหลืองที่ชอบดู "สื่อกระแสหลัก" ทึกทักเอาว่า

"ตอนนี้พวกเขาชนะแล้ว"

ในสายตาของผมนั้นตรงกันข้ามอย่างยิ่งเลยทีเดียว

พวกอำมาตย์จะชนะได้อย่างเดียวคือ ต้องทำให้คนเสื้อแดง "หันกลับไปซาบซึ้งเหมือนก่อน" ได้เท่านั้น

แต่พวกเสื้อแดงได้พ้นจากความซาบซึ้งไปไกลแ้ล้ว ยากที่จะหันกลับไปอดีตได้อีก ผมถามคนเสื้อแดงทั้งหลายมีแต่คนสั่นหัว เลิกซาบซึ้งกับดนตรีไปแล้ว