ที่มา VATTAVAN
ครบ 1 ปี รัฐบาลโลซก...ต้องยก ‘หรีด’ มาให้!!!
วาทตะวัน สุพรรณเภษัช
บทความฉบับนี้ ขึ้นเว็บในวันที่ 17 ธ.ค. 2552 วันที่รัฐบาลของนายอภิแสบ ภักดีโพเดียม บริหารราชการงานแผ่นดิน มาครบ 1 ปีพอดิบพอดี “วาทตะวัน” จึงพลาดไม่ได้ ที่จะต้องพูดจาถึงพวกเขา เพื่อเป็นการฉลองกันให้เอิกเกริกสักนิด
สัปดาห์ก่อนพรรค “เพื่อไทย” ได้ออกข่าวว่า จะแถลงข่าวการบริหารงานที่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิงของรัฐบาล เป็นการตัดหน้าก่อนการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการโดยรัฐบาล
ตรงนี้เอง อาจเป็นปัจจัยที่สร้างความตระหนก ให้กับนาย
อภิแสบฯ ถึงกับต้องไปขึ้นโพเดียม ในที่ประชุมสมัชชาประชาชนประชาธิปัตย์ วาระประชาชนภาคใต้ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และพูดแก้เป็นการดักทางฝ่ายค้านเอาไว้ก่อน โดยโอ้อวดถึงผลงานของรัฐบาลในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา อย่างไม่อายปากว่า
ผลงานรัฐบาลโลซกของเขานั้น ถือว่าประสบความสำเร็จกว่า 2 รัฐบาลที่ผ่านมา ทั้งการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจก็ดีขึ้น การท่องเที่ยวมีตัวเลขเพิ่มขึ้น รวมทั้งสามารถผ่านกฎหมายต่างๆได้
สรุปว่า รัฐบาลสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ตามนโยบาย
โถ...ฟังนายอภิแสบฯแล้ว มีความรู้สึกว่าแกให้คะแนนการบริหารบ้านเมืองของตน ถึงขั้นเอบวก (A+) ทั้งๆที่นายโอบามา ผู้นำสหรัฐ ซึ่งมีคนชื่นชอบกันทั้งโลก ยังให้คะแนนรัฐบาลตัวเองระดับบีบวก (B+) เท่านั้น
สำหรับคนปักษ์ใต้ ที่เข้าไปฟังนายอภิแสบฯคุยโตในวันนั้น จะมีความเชื่อผู้นำพรรคยอดนิยม หรือไม่อย่างไร? ผมไม่ทราบ แต่เชื่อว่า
คนใต้เขาคง ไม่โง่ดักดานแน่ๆ!
ฟังนายอภิแสบฯพูดอย่างนี้ ก็อยากจะขอเล่าเรื่องเบาๆ ให้ท่านผู้อ่านฟังกันไว้ เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณากันบ้าง ดังนี้
เมื่อเช้าวันจันทร์ ที่ 19 ต.ค.2552 ผมได้ยินผู้ดำเนินรายการของคลื่น Fm 101 สนทนากันถึงเรื่องการที่นายอภิแสบฯ ที่ชอบไปขึ้นโพเดียมคุยโม้ แถมยังบังอาจไปสั่งสอนนักขายตรง ที่อิมแพค เมืองทองธานี
แม้เหตุการณ์จะผ่านไปเป็นเดือนแล้ว แต่เห็นว่ามีประเด็น น่าจะนำมาเล่าให้ท่านผู้อ่านฟังกัน คือ
ผู้ดำเนินรายการ มี 3 คนด้วยกัน คือ บุญระดม จิตรดอน โฆษกีรุ่นโพล้เพล้ รัชชพล เหล่าวนิชย์ สามีของสาวดั้งใส ‘หนูแอ้ม’ (สโรชา) แห่ง ASTV และ วันชัย สอนศิริ คนนี้เป็นมหาบาเรียน สึกหาลาเพศมาเป็นทนายความ
ทั้งสามคนนี้ เคยเชียร์นายอภิแสบ ภักดีโพเดียม และพรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอด พร้อมๆกับการไล่กระทืบนายกทักษิณ ชินวัตร และพลพรรคอย่างเมามันมิได้ขาด แต่วันนั้นเกิดกินยาผิดหรืออะไรไม่ทราบได้ ดันไปวิพากษ์วิจารณ์คนที่เคยเชียร์อย่าง นายอภิแสบฯ เข้าอย่างจัง ในทำนองว่า
เรื่องเล็กๆไม่สำคัญอย่างของนักขายตรง คนระดับนายกจะไปทำไมกัน แถมเสริมด้วยว่า คนเขายิ่งหาว่า นายกฯชอบนักกับการขึ้นเวทีแสดงปาฐกถา มหาวันชัยถึงกับพูดว่า
“ว่างมากหรือไง (วะ)!?”
ที่ผมนำรายการวิทยุนี้มาเล่า ในลักษณะฉายย้อนหลัง เพื่อให้ท่านผู้อ่านทราบ ก็เพราะรัฐบาลของนายอภิแสบ ภักดีโพเดียม มีกำหนดจะแถลงผลงานครบรอบปี พร้อมด้วยการแจกจ่ายเอกสารที่พิมพ์ออกมาจำนวนไม่มากนัก แค่ 100,000 เล่ม (แจกจ่ายตำบลละเล่ม ก็เกือบไม่พอแล้ว) แต่จะแถลงตะแบงอย่างไรก็ตาม แต่ขนาดรายการวิทยุที่พรรคพวกตัวจัดเองแท้ๆ ยังสำแดงความอิดหนาระอาใจ กับผลงานไม่เป็นชิ้นเป็นอันของ “รัฐบาลโลซก” อย่างโจ่งแจ้ง
แทนที่นายอภิแสบฯจะปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความเฉลียวฉลาด มุมานะ ให้ชาวบ้านเห็นผลงาน กลับมีแต่ภาพและข่าว ที่วันๆนายอภิแสบฯไปยืนเกาะโพเดียม แล้วพูดจาตามสคริปที่พวกข้าราชการ เขาช่วยกันร่างให้ อย่างเรื่องการขายตรง ที่นายอภิแสบดันไป “อวดภูมิ” นั้น เลยโดนกระทุ้งแบบเซ็งเป็ด ว่า
“ว่างมากหรือไง (วะ)!?” อย่างที่เล่าให้ฟังช้างต้น
ผมฟังแล้วชอบมาก เพราะรู้สึกว่ามหาวันชัย แกช่างคิดได้แยบคาย ใกล้เคียงกับสมียันตระ แต่ถึงกระนั้น ก็อยากจะบอกกับผู้ดำเนินรายการทั้ง 3 ท่านว่า
โดยส่วนตัวแล้ว ผมเห็นว่า นายอภิแสบฯผู้ที่ไม่เคยทำมาหากินในด้านการค้าขาย สมควรเป็นผ่ายที่จะต้องไปนั่งฟัง พวกนักขายตรง เขาบรรยายให้ฟังมากกว่าว่า
“ในการเป็นผู้ขายตรงนั้น ควรจะต้องทำอย่างไร?”
เมื่อมีผู้คนเขาวิพากษ์วิจารณ์ พรรคดักดานก็มักใช้การโต้ตอบผู้วิพากษ์วิจารณ์แบบไม่ตรงประเด็น หรือเบี่ยงเบนประเด็น แต่กลยุทธ์ที่สำคัญมาก จนผมสังเกตเห็น นั่นก็คือ หากเถียงสู้ไม่ได้ เพราะจำนนด้วยหลักฐานอย่างที่ “วาทตะวัน” นำเสนอมาตลอด พรรคดักดานก็จะใช้วิธีนิ่งเฉยเสีย ไม่โต้ตอบแต่ประการใด ให้เรื่อง ‘เลือนหาย’ ไปเองเสียอย่างนั้น
แต่ท่านผู้อ่านครับ...
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ทายาทราชตระกูล “บริพัตร” ซึ่งเป็นทั้งสมาชิกพรรคคนสำคัญ ทั้งยังเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมาก่อน ปัจจุบันก็มีตำแหน่งใหญ่เป็นผู้ว่า กทม. ด้วย ได้สร้างปรากฏการณ์ที่ผิดปกติ อย่างที่คนไม่คาดคิดมาก่อน นั่นคือ
คุณชายได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลดุดัน(ซึ่งไม่ใช่วิสัยของคุณชาย) เปรียบเสมือนเอาไม้หน้าสาม ฟาดกลางแสกหน้านายอภิแสบฯและพรรคตัวเองแบบรุนแรง เท่านั้นไม่พอ ยังแถมตามด้วยการยกครกหิน ทุ่มกบาลนายอภิแสบฯซ้ำเข้าให้อีก ด้วยประเด็นหลัก 3 เรื่อง
ขอคัดถ้อยคำจากสื่อ ที่เขารายงานตามข้อความ ดังนี้
1. พรรคประชาธิปัตย์ขาดจินตนาการในเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงเรื่องความเสมอภาคในเรื่องรายได้ โดยมุ่งเน้นแต่การก่อหนี้มหาศาลและใช้จ่ายสารพัดโครงการโดยไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งหาก “เขา” ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ “เขา” จะพูดได้มากกว่านี้
2. เขามีความกังวลเรื่องปัญหาชายแดนภาคใต้ ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2547 ที่มีผู้บาดเจ็บและล้มตายเป็นจำนวนมาก ซึ่งยังไม่นับรวมความข่มขืน-ความทรงจำที่ย่ำแย่ ตัวอย่างเช่น บางครอบครัว พ่อเสียชีวิต ก็จะส่งผลกระทบถึงทั้งครอบครัว ซึ่งไม่ใช่แค่ผลกระทบเพียงคนๆ เดียว “นโยบายต่อสถานการณ์ภาคใต้ของประชาธิปัตย์น่าผิดหวัง เราบอกว่าเรารู้จักภาคใต้ แต่เราไม่รู้จะทำอย่างไร”
3. ปัญหาไทย-กัมพูชา โดยเปรียบเหมือน “a storm in a teacup” ซึ่ง “เขา” เห็นว่า “ฮุนเซน” มีลูกเล่นทั้ง “กระตุ้น” และ “กระทุ้ง” (poke and prod) ซึ่งรัฐบาลควรเรียนรู้เรื่องนี้จาก
“ฮุนเซน” เพราะจะเห็นได้ว่า วันหนึ่ง “ฮุนเซน” กล่าววิพากษ์วิจารณ์ประเทศไทยอย่างรุนแรง แต่วันรุ่งขึ้นก็มาเมืองไทย เพื่อประชุม และทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งนี้ “เขา” เห็นว่า การตอบโต้ของรัฐบาลไทย เรื่องเรียกทูตไทยกลับ ถือว่า เป็นการตอบโต้ที่รุนแรงเกินเหตุ (Overreaction)
ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ แบบ “เตะแหลก แล้วแหกค่าย” อย่างนี้ ไม่รู้คุณชายสุขุมพันธ์ฯ ตั้งใจว่า จะแหกออกนอกพรรคหรือไม่อย่างไร? แต่ข่าววงในเขาว่า
ผู้คนในพรรคดักดานต้องสับสนอลหม่าน ไม่กล้าโต้ตอบ ได้แต่เพ่นพ่านอารมณ์พลุ่งพล่าน จนมีคนเขาแอบบอกผมว่า คำวิจารณ์แบบล้างผลาญพรรค ของคุณชายครั้งนี้ มีผลเสมือนไปทำให้...
“แลน-แตกรัง!” เลยทีเดียวเชียว!!..555
บังเอิญอย่างยิ่ง นอกจากการทิ้งระเบิดของคุณชายสุขุมพันธ์แล้ว ทางด้านต่างประเทศอย่าง Channel News Asia ก็ออกมาประสานเสียงสอดรับ ด้วยการเชือดแบบไว้หน้า โดยตอกย้ำความล้มเหลวของนายอภิแสบ ภักดีเดียม ว่า
“อภิแสบสอบตก ในการทำให้ประเทศไทยสงบสุข เพราะไปมีเรื่องกับชาวบ้าน ทั้งในประเทศและนอกประเทศ!”
บทวิพากษ์วิจารณ์ของฝรั่ง ยิ่งหนักข้อขึ้นไปอีก ก็ตรงที่เขาบอกว่า
"Abhisit has played the role he was assigned – to represent a group of interests whose politics are defined by hatred and fear of Thaksin – and he has not yet grown larger than that role,"
นั่นหมายความว่า นายอภิแสบฯเล่นตามบทที่ถูกบอกให้เล่นโดยเป็นตัวแทนของกลุ่มผลประโยชน์ และกลุ่มการเมือง ที่ทั้งเกลียดและกลัวทักษิณ และจนถึงวันนี้ นายกฯโลซกก็ยังไม่ได้ก้าวพ้นวังวนนั้นเลย
แหม ไอ้พวกฝรั่งหนังหมูนี่ มันช่างพูดได้เป็นที่ถูกใจคนไทยทั้งประเทศจริงๆ
...เด็ดสะระตี่จริงๆ พับผ่าซี่!!!...555
เอาแค่เด็ดๆ สองราย นั่นคือคนระดับบิ๊กในพรรค อย่างคุณชายสุขุมพันธ์ ผนวกกับความเห็นของสำนักข่าวต่างประเทศนั้น คงพอจะเป็นดรรชนีชี้วัด ให้ท่านผู้อ่านได้เห็น “ความล้มเหลว” ในการบริหารงานของนายอภิแสบ ภักดีโพเดียม ได้เป็นอย่างดี ชนิดที่พรรคดักดาน จะตอบโต้ได้ยากจริงๆ เพราะผู้วิพากษ์วิจารณ์หาใช่ฝ่ายตรงข้าม แต่เป็นพวกเดียวกับเขาแท้ๆ ส่วนที่เหลือก็เป็นชาวต่างประเทศ ที่ไม่ได้มีส่วนได้เสีย กับบ้านเมืองของเราแต่อย่างใด
ด้วยหลักฐานแจ่มแจ้งแดงแจ๋อย่างนี้ ท่านผู้อ่านจะเชื่อหรือไม่อย่างไร ก็ไม่ว่ากัน แต่มันเป็นความจริงที่ไม่เสกสันปั้นขึ้นมากล่าวหากัน
ท่านผู้อ่านครับ
สิ่งที่เลวร้ายไปกว่านั้น และคุณชายสุขุมพันธ์ไม่ได้พูดถึง ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่ง คือ ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นของคนในพรรคดักดานของนายอภิแสบฯ ที่ข่าววงใน กทม.เขาบอกว่า
คุณชายคงไปเจอตอการทุจริตมโหฬาร ในองค์กรของตัวเอง ซึ่งเป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่ยุคก่อนหน้า ซึ่งทำให้นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯพรรคเดียวกัน
ถึงกับต้องจำใจ....ลาออกไป!
คุณชายสุขุมพันธ์ฯซึ่งมีทรัพย์ศฤงคาร มากมายอยู่แล้ว คงไม่อยากจะเสียราชตระกูล ต้องมามัวหมองเสียชื่อ เพราะการทุจริตคอรัปชั่น
ดังนั้น ราชนิกูลหนุ่มใหญ่จึงสร้างเกราะป้องกันตัวเอง ด้วยเลยตั้งคณะกรรมการ เลียนแบบ ป.ป.ช. ให้เป็นคณะกรรมการคอยตรวจจับการทุจริตในกทม.เสียเอง
ตรงข้ามกับรัฐบาลของนายอภิแสบ ที่นอกจากไม่มีการป้องกันการทุจริตล่วงหน้าแล้ว แต่พอรัฐบาลโลซกนี้ นำเสนอหรือเข้าไปแตะโครงการใดก็ตาม โครงการนั้นก็กลายเป็น “โครงโกง” เพราะข่าวเรื่องทุจริตคอรัปชั่นของพวกเขา แพร่ออกมาแทบจะฉับพลันทันที จนผู้คนที่เขาติดตามพฤติกรรม สังเกตเห็นได้ชัดในเวลาไม่นาน ว่ามีพรรคดักดาน น่าจะมีการเตรียม “โครงโกง” (ที่ไม่ใช่ “โครงการ”) เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ก่อนการเข้าบริหารประเทศ ด้วยซ้ำไป ขนาดเรื่องแตกถูกจับได้ก็สอบสวนอย่างขอไปที ให้ปลาซิวปลาสร้อยรับเคราะห์ไป ส่วนตัวใหญ่ก็ปล่อยหลุดรอดไป
ดังนั้น เมื่อทำกันอย่างนี้ ข่าวอัปรีย์เรื่องการคดโกงของรัฐบาลชุดนี้ จึงแพร่ออกมาอย่างกว้างขวางและหลากหลาย
จนแน่นรูหูชาวบ้าน!!
ท่านผู้อ่านที่ชอบดูข่าวสาร ตามเว็บบอร์ดต่างๆ อาจมีความเห็นสอดคล้องกับผม ว่าเรื่องที่เป็นปัญหาขนาดหนักของพรรคดักดาน นั่นคือ “การทุจริตคอรัปชั่น” อย่างที่ผมเล่าให้ฟัง ซึ่งหากเราไปถามชาวบ้านว่า
“รู้จักโครงการ ‘ไทยเข้มแข็ง’ หรือเปล่า?”
คนถูกถามส่วนใหญ่ ก็จะร้องว่า “อ๋อ...รู้จัก...” ก่อนที่จะทำหน้าเบ้ แล้วต่อท้ายประโยค ย้ำแสดงความรู้จักโครงการนี้ด้วยคำพูดที่ว่า
“...ก็โครงการของ ‘ไอ้โคตรโกง’ ไงล่ะจ๊ะ!”
หากท่านผู้อ่าน เป็นคนชอบเดินจ่ายตลาดอย่างผู้เขียน จะได้ยินแม่ค้าพ่อขายตามแผงต่างๆ เรียกพรรคดักดานว่า “ไอ้โคตรโกง” ให้ได้ยินระรื่นหูไปตามๆกัน แถมเมื่อวันจันทร์ ที่ 14 ธ.ค.นี่เอง หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ยังพาดหัวรองแบบ “กระแทก”
โครงโกงอัปรีย์ ของพรรคดักดานอย่างน่าเจ็บปวดอีก ว่า
สินค้า ‘พอเพียง’ 6 เดือน ‘ไม่มีค่า’ หึ่ง!ขายทิ้งซาเล้ง!!
โอ้โฮ...เวรกรรมของ นายมาร์ค มุกควาย เอ๊ย ของประชาชนแท้ๆ!!!
ท่านผู้อ่าน ทราบไหมครับว่า
บริษัทที่ได้ผลประโยชน์จากโครงการนี้ บริจาคบำรุงพรรคดักดาน ไปด้วยจำนวนเงินเท่าใด?
ถ้าไม่ทราบ ก็คงไม่ใช่คอการเมืองตัวจริง!
ในทัศนะส่วนตัวของผมแล้ว ตอนนี้ฝ่ายค้านอย่างพรรค
เพื่อไทย ไม่เห็นจะต้องทำอะไรมาก เพราะถึงวันนี้ คนไทยเขาพากันเชื่ออย่างฝังหัวจิตหัวใจแล้วว่า รัฐบาลของนายอภิแสบฯ นั้น
เป็น “รัฐบาล-ไอ้โคตรโกง” ไปเรียบร้อยแล้ว
พรรค “เพื่อไทย” ไม่ต้องทำอะไรมาก เพียงแต่คอยแหย่ คอยกระตุกตามกระแส แค่นั้นก็คงจะเพียงพอแล้ว
ที่สำคัญ พรรค “เพื่อไทย” จะต้องมีการแพร่การทุจริตเลวร้ายของรัฐบาล พร้อมหลักฐานประกอบ ไปให้ชาวบ้านเขารับทราบกันอย่างสม่ำเสมอ โดยอาจจัดเป็นกลุ่มย่อยๆ ออกไปถ่ายทอดการทุจริต คอรัปชั่น ที่เหลวแหลกของรัฐบาลชุดนี้ ให้ชาวบ้านเขาจำแบบ...
ลืมไม่ลง...ให้จงได้!
ผมไม่ขัดข้อง ถ้าพรรคฝ่ายค้านจะนำข้อมูลจาก www.vattavan.com ไปเผยแพร่ชี้แจงแสดงเหตุผล ให้กับพี่น้องชาวบ้านร้านตลาดให้ทราบกันแบบทั่วถึง เพราะเว็บนี้ ถล่มพรรคดักดานมาตั้งแต่ก่อนเข้าบริหารประเทศด้วยซ้ำ
ทั้งนี้ เพราะผู้เขียนเชื่อโดยประสบการณ์ ว่า
เมื่อใดที่พรรคประชาธิปัตย์บริหารบ้านเมือง เรื่องคอรัปชั่นบานเบิกเอิกเกริกทุกครั้ง และจะทำให้บ้านเมืองของเราได้รับความเสียหาย ซึ่งก็ไม่ผิดคาด เพราะนับแต่พวกเขาวิ่งราวอำนาจได้แล้ว
ความทรุดโทรมป่นปี้ ก็เกิดขึ้นกับบ้านเมืองซึ่งเป็นที่รักของพวกเราทุก อย่างที่เห็นกันในปัจจุบันนี้!
ผลสะท้อนจะไปถึง การเลือกตั้งครั้งต่อ อย่างแน่นอน!!
การคอรัปชั่นและความไร้ประสิทธิภาพ ในการบริหารบ้านเมืองของนายอภิแสบฯ กับพรรคพวกของเขา จะมีผลสะท้อนไปสู่การเลือกตั้ง อย่างที่ผมคาดหรือไม่ นั้น
จะขอเล่าเรื่อง เพื่อเป็นข้อมูลสนับสนุน เป็นตัวอย่าง ดังนี้ครับ
เมื่อวันเฉลิมพระชนม์พรรษา (เสาร์ที่ 5 ธ.ค.2552) ผมฟังรายการลับ-ลวง-พลาง ที่ วาสนา นาน่วม กับ วัชระ สารพิมพา ร่วมกันจัดที่ FM 100.5 คุณวาสนาเล่าไว้อย่าน่าสนใจว่า
ผู้ที่เคยทำหน้าประเมินผลการเลือกตั้ง ให้กับทางฝ่ายทหาร ครั้งที่แล้ว และได้นำเสนอผลการประเมินได้ใกล้เคียงกับผลการเลือกตั้งที่ออกมา จนเป็นที่วางใจผู้บังคับบัญชาสายทหารนั้น
มาคราวนี้ ผู้บังคับบัญชาทหาร จึงได้ให้ทำการประเมินอีกครั้งว่า
หากมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ ผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร ปรากฏว่า คุณวาสนาฯเธอเฉลยว่า
ผลออกมาจะเป็นอย่างนี้
พรรคเพื่อไทย จะได้คะแนนเสียง 290 (สองร้อยเก้าสิบ)
*บวกลบ
พรรคประชาธิปัตย์นั้น จะได้คะแนนเสียงเพียง 120 (หนึ่งร้อยยี่สิบ) *บวกลบ
ระหว่างการสนทนากับคุณวาสนา อีตาวัชระฯซึ่งเอียงไปทางพรรคดักดาน จนเป็นที่รู้กัน ได้แสดงความไม่เชื่อการประเมินของสายทหาร จึงได้ให้ผู้ที่ฟังรายการอยู่ ส่ง sms เข้ามาลงคะแนนกัน ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทย
ท่านผู้ฟัง จะเลือกใคร?
ปรากฏว่า ผลที่ออกมาได้ทำให้นายวัชระถึงกับอึ้ง ใบ้แทบจะรับประทานไปเลย เมื่อประกาศว่า
ผู้ที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ มีจำนวน 280 คน(สองร้อยแปดสิบคน
ผู้ที่เลือกพรรคเพื่อไทย มีจำนวน 402 (สี่ร้อยสองคน)
เนื่องในวันครบรอบปีของรัฐบาลโลซก ที่ทำให้บ้านเมืองตกต่ำลงในทุกด้าน จะมอบของขวัญอะไรให้ ก็ไม่เหมาะเท่ากับหรีดดำ (Black Wreath) อย่างที่เห็น อันเป็นเครื่องแสดงความสลดใจ ในเหตุอัปมงคลทั้งมวล อันเกิดจากพรรคดักดานเข้าบริหารประเทศ และเพื่อเป็นการบอกไปถึงนายอภิแสบฯ และสหายในพรรคดักดาน ว่า...
การที่ประชาชนจะเลือกใคร หรือพรรคการเมืองใดนั้น สำคัญอยู่ตรงที่ ต้องสุจริต และผลงานโดนใจพวกเขา หรือไม่? เพราะชาวบ้านสมัยนี้ เขามีวิจารณญาณที่ดีมากกว่าที่นักการเมือง และคนชั้นสูงคิดกันนัก
ที่สำคัญอย่างยิ่ง และนายอภิแสบฯต้องจำให้มั่นว่า ถึงวันนี้พรรคของตัวนั้นได้กลายเป็น “ไอ้โคตรโกง” ในสายตาพี่น้องประชาชน คนส่วนใหญ่ไปเรียบแล้ว
ไม่เชื่อก็ลอง ‘ยุบสภา’ ดู จะได้รู้ว่า...ใครหมู่ ใครจ่า!!!
********************