จากวลีอมตะ "The old soldier never die" ทหารเฒ่าไม่มีวันตาย ที่ถูกชูขึ้นมาโดย "ป๋าเปรม" พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เมื่อก่อนจะเกิดเหตุการณ์รัฐประหารในเดือนกันยายน 2549
ราวกับเป็นสัญญาณเรียกพลจุดกระแส ปลุกทหารเฒ่าตบเท้ากันพรึบพรับ ตลอดปี 2550 ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นปี "ทหารครองเมือง"
เพราะผู้ที่เข้ามากุมอำนาจทางการเมืองส่วนใหญ่มียศนายพลนำหน้ากันทั้งนั้น ไล่ตั้งแต่นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ไปยันสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)
แม้แต่ประธานบอร์ดรัฐวิสาหกิจ ขุนทหารก็ตบเท้าเข้าไปยึดเก้าอี้ จองทำเลทอง
ตอกย้ำบรรยากาศประเทศไทยในยุครัฐประหาร กองทัพเบ่งบานเต็มบ้านเต็มเมือง
และแม้จะผ่านการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง พร้อมๆกับมีคำสั่งเคลื่อนกำลังทหารกลับเข้ากรมกอง
แต่โดยเงื่อนไขทางการเมืองที่ยังกรุ่นไปด้วยกลิ่นอายของการเผชิญหน้า โดยเฉพาะการประกาศกลับเมืองไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ อย่างช้าไม่เกินเดือนเมษายนนี้ มีหรือที่กองทัพจะละสายตา
ณ พื้นที่ในหน้าพิเศษปีใหม่นี้ "ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ" จึงได้เกาะติดยุทธวิธีพรางตัวของเหล่าทหารเฒ่า เพื่อคอยเฝ้าจับตาดูสถานการณ์บ้านเมืองที่จะเกิดขึ้นในปี 2551
ลากยาววิกลิเกข้ามปี.
@@@@@@@
พระเอกหลงโรง
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี อดีตประธาน คมช. เจ้าของฉายา "บิ๊กบัง" ผู้มีรอยยิ้มหวานมหาเสน่ห์ รับบทพระเอกมาตั้งแต่ต้นปี 2550 ลากยาวต่อเนื่องมาจากการนำทีมปฏิวัติวันที่ 19 กันยายน 2549 ถ้าไม่บังเอิญได้เวลาเกษียณอายุราชการในเดือนตุลาคม 2550 เงื่อนไขบีบให้จำเป็นต้องย้ายวิกเล่น
ในช่วงปี 2550 มีหินถูกโยนออกมาถามทางต่อเนื่อง ทั้งเรื่องการต่ออายุราชการในตำแหน่ง ผบ.ทบ.ไปอีก 1 ปี หรือรวบหัวรวบหางรุ่นพี่ป่าหวายอย่าง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีซะเอง อีกทางหนึ่งก็มีข่าวลือ "บิ๊กบัง" ส่งเสบียงหนุนพรรคการเมืองนั้น ค่ายการเมืองนี้ เพื่อเตรียมเป็นฐานรองรับการถอดเครื่องแบบลงสนามเลือกตั้ง สารพัดพรมนุ่มๆที่มีทีมงานปูทางไว้ให้เลือกเดิน ท่ามกลางกระแสต้านเผด็จการรากงอก เสียงกระแอมดักคอกลืนน้ำลายลากยาวอำนาจ
ขณะที่เจ้าตัว "บิ๊กบัง" ก็ออกลีลาเล่นมุกแทงกั๊ก แบ่งรับแบ่งสู้ ทิ้งปริศนารายวัน แต่ที่เด็ดกว่าอะไรก็คือคิวที่ "บิ๊กบัง" เปรียบตัวเป็นพระเอกลิเกต้องเปลี่ยนบทเล่นไปเรื่อยๆ แบะท่าไม่วางมือง่ายๆ จำเป็นต้องสานภารกิจกัปตันทีมสกัดขั้วอำนาจเก่า ตอกฝาโลง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ให้กลับมาทวงแค้นเอาคืนทีมโค่นอำนาจ
ประกอบกับเงื่อนไขบีบให้ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญในการส่งไม้ต่อให้จ่าฝูงกองทัพบกคนใหม่ ในสถานการณ์ที่มีถึง 3 ตัวเต็งให้เลือก ทั้ง พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ และก็กลายเป็นจุดหักเหที่มิตรกลายเป็นศัตรู "บิ๊กบัง" ถูกแนวร่วมพันธมิตรม็อบไล่ "ทักษิณ" กองเชียร์ของ พล.อ.สพรั่งหันปลายกระบอกปืนเข้าถล่มไม่ยั้ง
ทำให้สถานภาพในห้วงท้ายบนตำแหน่ง ผบ.ทบ.และประธาน คมช.เป๋ไปเป๋มา
ก่อนจะลงเอย "บิ๊กบัง" เปลี่ยนบทจาก ผบ.ทบ. หลังเกษียณอายุราชการทิ้งเก้าอี้ประธาน คมช. เข้ารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลที่เป็นผลผลิตของคณะปฏิวัติ แถมพ่วงด้วยเก้าอี้ประธานคณะกรรมการดำเนินการตามวาระแห่งชาติ ว่าด้วยการณรงค์ป้องกันการซื้อสิทธิขายเสียง (ครส.)
ถือดาบเล่มใหญ่ในการสกัดเครือข่ายอำนาจเก่าไม่ให้ฟื้นคืนชีพมาหลอน
และนั่นก็เหมือนดาบที่สะท้อนกลับเข้าหาตัว เพราะมันสอดรับกับเอกสาร คมช.สกัดกลุ่มอำนาจเก่าที่ลงนามโดย พล.อ.สนธิ ถูกนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน นำออกมาแฉดังๆไปทั่วบ้านทั่วเมือง และปรากฏว่าคณะอนุกรรมการ กกต.ฟันธงทหารวางตัวไม่เหมาะสม เอกสารลับ คมช.เข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งในการให้คุณให้โทษกับพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง
ก่อนมติ กกต.ใหญ่จะปิดเกม ออกลูกเจ๊ากันไป
อย่างไรก็ตามโดยกระแสถือว่าคะแนนเห็นใจไหลไปตกอยู่ที่พรรคพลังประชาชนเต็มๆ จนทำให้ชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม และก็เป็นอีกช็อตหนึ่งที่ถือว่า "บิ๊กบัง" ในฐานะกัปตันทีมสกัดอำนาจเก่าต้องเสียฟอร์ม จากบทของพระเอกเริ่มกระเดียดไปทางผู้ร้าย และยิ่งเสียความมั่นใจไปใหญ่ กับคิวที่โดนนายปรีชา ตังควัฒนา ทนายความใจถึง ตะโกนด่าหน้าคูหาเลือกตั้งล่วงหน้า ด้วยประโยคบาดใจ "กูไม่เลือกมึง กูไม่เอาเผด็จการ"
และกระนั้นก็ดี แม้สถานภาพจะดูง่อนแง่นในบั้นปลาย "บิ๊กบัง" ตกอยู่ในสภาพเหมือนถูกโดดเดี่ยว หันซ้ายหันขวาไม่เจอใครในหมู่พวกที่ร่วมกันโค่น "ทักษิณ" ด้วยกันมา แต่โดยลีลาก็ยังมีลูกหยอดอยู่ตลอด หากบ้านเมืองยังไม่สงบก็อาจตัดสินใจลงสนามการเมืองได้ทุกเมื่อ
สรุปว่า พระเอกลิเกยังไม่ปิดวิก.
@@@@@@@
"วีรบุรุษ" เก็บฉาก
พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร รองปลัดกระทรวงกลาโหม อดีตผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. ผู้มีนามกรว่า "บิ๊กเปย" นายพลตัวเล็ก ใจใหญ่ พูดจาโผงผาง ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าตั้งตัวเองเป็น "วีรบุรุษ" แบบไม่เขิน
แต่ด้วยลีลาใจถึงใจ สไตล์บู๊ดุดันนี่แหละ พลิกกลับมาเป็นภัย จากที่มาแรงเป็นม้าตีนต้น เต็งจ๋าว่าที่จ่าฝูงกองทัพบก บุกไปที่ไหนหดหัวที่นั่น
มีข่าวดังๆแบบรายวัน พล.อ.สพรั่งเลยกลายเป็นเป้าโฟกัส
จากเสียงเชียร์ให้ลุยล้างบางคอรัปชัน พลันมีเรื่องของข่าวคราวการตบทรัพย์ปราบทุจริตกันจนอ้วนในหน่วยงานรัฐวิสาหกิจเกรดเอ ทั้งบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทศท. จำกัด (มหาชน) ที่ "บิ๊กเปย" นั่งเอ้เต้เป็นประธานบอร์ดใหญ่
และนั่นก็มีผลสะเทือนถึงสถานะตัวเก็ง ผบ.ทบ.คนใหม่
ไปๆมาๆรู้ตัวว่าหลุดโผแน่ "บิ๊กเปย" ออกมายื่นไม้ตาย ธรรมเนียมทหาร "น้องขึ้นเป็นนาย พี่ต้องลาออก" แต่ก็สายเกินเพล วืดเก้าอี้ จ่าฝูงกองทัพบกไปแบบเจ็บช้ำระกำใจ ต้องบินไปพักสงบสติอารมณ์ที่ประเทศอินเดีย เอาธรรมะเข้าข่มใจ
แต่ก็ต้องยอมรับในความเป็นทหารอาชีพ จบแล้วจบกัน เมื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ผบ.ทบ.คนใหม่ พล.อ.สพรั่งก็ยอมรับแต่โดยดี
จะมีอาการที่สะท้อนภาวะลึกๆทางใจก็คือการหายหน้าหายตาไปจากวงข้าว คมช. ไม่ร่วมสังฆกรรมกับทีมที่ร่วมยึดอำนาจจาก "ทักษิณ" ด้วยกันมา และโดยตำแหน่งรองปลัดกระทรวงกลาโหมที่ไม่มีกระบองอยู่ในมือ แค่รับผิดชอบงานธุรการไปวันๆ
วีรบุรุษอย่าง "บิ๊กเปย" หลุดจากวงจรอำนาจไปโดยปริยาย.
@@@@@@@
ดำดินกำกับบท
พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม และเลขาธิการ คมช. ผู้มีชื่อรู้จักกันในหมู่เพื่อนพ้องว่า "บิ๊กตุ่น" และก็เป็น "ตุ่น" สมฉายา เพราะว่าถนัดเรื่องการเดินงานใต้ดิน เชี่ยวชาญในการประสานทางลึกกับฝ่ายต่างๆ ได้รับความไว้วางใจจาก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ให้เป็นฝ่าย เสธ. ในการวางเกมสลายขั้วอำนาจเก่า
อาศัยความเป็นนายทหารคนสนิทของ พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก อดีตนายทหารใหญ่ที่หันมาลงสนามเลือกตั้ง "บิ๊กตุ่น" เลยสนิทสนมกับนักการเมือง มีเครือข่ายระดับหัวหน้าก๊วนกระจายอยู่ทุกพรรค งานหลักคือการประสานกับนักเลือกตั้งอาชีพในการจัดตั้งป้อมค่าย เพื่อเป็นฐานตัดกำลังเครือข่ายพรรคไทยรักไทย
ก็เลยมีข่าวว่าจะถอดยูนิฟอร์มทหารลาออกจากปลัดกระทรวงกลาโหม ทิ้งเก้าอี้ใหญ่เลขาธิการ คมช. ไปเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองสีเขียว เพื่อภารกิจเฉพาะในการบี้กับพรรคพลังประชาชน สกัดนอมินีอำนาจเก่า แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่มีการแสดงท่าทีชัดเจนออกมา
นอกจากข่าวลือ "บิ๊กตุ่น" ต่อท่อน้ำเลี้ยงหนุนค่ายนั้นค่ายนี้ เตรียมยึดเก้าอี้หัวหน้าพรรค เพื่อเป็นฐานรองรับให้ พล.อ.สนธิก้าวขึ้นสู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรี
ความมาแตกเอานาทีสุดท้ายเมื่อปรากฏชื่อและนามสกุลคุ้นของ "สกลธีร์ ภัททิยกุล" เปิดตัวเป็นผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ นั่นแหละถึงบางอ้อ ใจจริงของ "บิ๊กตุ่น" ทุ่มให้ค่ายไหน
ยิ่งวันนี้พรรคพลังประชาชนได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล
ด้วยอายุราชการที่ยังเหลืออีก 1 ปี อำนาจที่ยังมีอยู่ในกำมือ ยังถือเป็นผู้กำหนดเกมเล่นได้
ชื่อ "บิ๊กตุ่น" ยังจัดเป็นของแสลงสำหรับค่ายพลังประชาชน.
@@@@@@@
ทหารเรือย้ายวิก
พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม ที่พรรคพวกเรียกขานกันว่า "บิ๊กบรรณ" ในฐานะเพื่อนรักของ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร จากทหารเรือที่ดูไม่มีอะไรโดดเด่น กลายมาเป็น สนช.ทีมปราบทุจริต
ปะฉะดะไม่เลือกหน้า ตั้งแต่สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง มาถึงการรถไฟฯ ทีแรกก็ดูขึงขัง ตอนหลังชักมีเรื่องทะแม่งๆ ประเภทมีคนเห็นไอ้หนุ่มรถไถแวะไปเที่ยวเซ็นทรัล
และผลจากเพื่อนรักวืดเก้าอี้ใหญ่ ผบ.ทบ. ในฐานะเชียร์ลีดเดอร์ "บิ๊กบรรณ" ออกอาการทำใจไม่ได้ เล่นบทหัวหอกออกมาอาละวาด โวยวาย
เลยโดนชะตากรรมโหด ถูกคำสั่งเด้งเป็นวาระจัดให้เป็นพิเศษจากเก้าอี้รองปลัดกลาโหม ที่ไปแขวนต่องแต่งเป็นประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม ฐานวิพากษ์วิจารณ์คำสั่งผู้บังคับบัญชา โดนตั้งกรรมการสอบวินัย สุดท้ายเลยตัดสินใจลาออกจากราชการทหาร
แต่ประเมินจากคอนเนกชั่นที่แนบแน่นกับนักเลือกตั้ง เส้นทางของ "บิ๊กบรรณ" คงจะไม่จบแค่ทหารนอกราชการ
อนาคตคงได้เห็นเปลี่ยนวิกไปวาดลวดลายในสนามการเมือง.
@@@@@@@
ทหารเฒ่าไม่ตาย
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี สุภาพบุรุษหมายเลข 1 นามว่า "บิ๊กแอ้ด" นายทหารผู้มีหัวใจประชาธิปไตย ผู้สืบสานตำนาน "The old soldier never die"
ทหารเฒ่าไม่มีวันตายของจริง
ด้วยบุคลิกที่ดูนุ่มนิ่ม แต่ดื้อหลบในไม่ใช่เล่น ผลงานล็อกวันเลือกตั้ง 23 ธันวาคม เป็นเครื่องการันตี แม้จะมีเสียงทักท้วง มีกระแสล้มเลือกตั้ง ยื้อยุดฉุดกระชากกันตลอดทาง แต่ก็ยังยื้อจนถึงที่หมายสำเร็จ
และด้วยบทช้าแต่ชัวร์ สไตล์ฤาษีขี่เต่า ไม่บุ่มบ่ามตามใจจิ๊กโก๋ เลยถูกโจมตีว่าใส่เกียร์ว่างไม่เล่นบทโหดกับเครือข่ายอำนาจเก่า จนถึงจุดหนึ่งก็โดนฝ่ายตรงข้าม "ทักษิณ" ยัดข้อหาไส้ศึกเกี๊ยเซียะกับกลุ่มอำนาจเก่า
วิเคราะห์กันเป็นฉากๆว่า "บิ๊กแอ้ด" เดินหมากซ่อนเกม 3-4 ชั้น แอบยักคิ้วหลิ่วตาเปิดทางให้อดีตนายกฯ กลับมาทวงอำนาจ
แถมยังโดนถล่มเรื่องบ้านบนเขายายเที่ยง จนช่วงหนึ่งถึงขั้นมีข่าวปล่อยหนาหูว่า นายกฯ สุรยุทธ์ถอดใจ อยากไขก๊อกวันละ 3 เวลาหลังอาหาร
ฤาษีหนีกลับอาศรม
แต่ก็อึดเรื่อยมาจนครบเทอมรัฐบาลเฉพาะกิจ
และเห็นนิ่งๆนิ่มๆ พูดถึงเรื่องบทโหด ไม่ต้องย้อนไปถึงผลงานการเด็ดหัวกองกำลังกะเหรี่ยง ก็อดอาร์มีที่บุกยึดโรงพยาบาลราชบุรี ตายเรียบในชั่วข้ามคืนฉากบู๊ไม่ปรานีใครเหมือนกัน
อย่างที่เห็นรายการเชือดนิ่มๆที่แฝงอยู่ในมาดนิ่งๆ กับคิวเด้งฟ้าผ่า พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ฐานวิจารณ์ผู้บังคับบัญชา จัดให้เป็นกรณีพิเศษแค่ 2 ตำแหน่ง หลังโผโยกย้ายทหารไม่กี่วัน
ปกติเชื่องช้า แต่บทโหดทันอกทันใจ
ถึงจะโดนด่าเรื่องไม่มีผลงาน แต่เมื่อเทียบกับความสามารถประคองสถานการณ์บ้านเมืองที่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย แยกข้างเผชิญหน้า
ชื่อ "สุรยุทธ์" แฝงความแกร่งในทุกอณู.
@@@@@@@
ม้วนเสื่อคุมเชิง
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เจ้าของนิกเนม "บิ๊กป๊อก" ที่ "ป๊อก" สมชื่อ เพราะกินรอบวง แซงโค้งรุ่นพี่ทั้ง พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร และ พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์
แหกด่านเข้ามาเป็นจ่าฝูงกองทัพบกได้แบบม้วนเดียวจบ
ด้วยบุคลิกนิ่งขรึม พูดน้อย ต่อยหนัก แม้จะมีเสียงทัก เป็นเตรียมทหารรุ่น 10 เพื่อนร่วมรุ่นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
เสียวๆเพื่อนจะตัดกันไม่ขาด
แต่อีกทางหนึ่งก็มีการยืนยันจากคนวงใน เบื้องหลังเบื้องลึกระหว่าง "อนุพงษ์" กับ "ทักษิณ" แม้จะเป็นเตรียมทหารรุ่นเดียวกัน แต่ไม่ได้สนิท คิดต่างมุมมาตลอด
โดยเหตุการณ์ที่ยืนยันถึงสายสัมพันธ์ที่ค่อนข้างห่างเหิน ก็คือข้อมูลที่มีการเปิดเผยในหนังสือ "Thaksin where are you" ของหมวด "เจี๊ยบ" ร.ท.หญิงสุนิสา เลิศภควัต ที่บินไปสัมภาษณ์อดีตนายกฯทักษิณที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ย้อนเหตุการณ์นาทีรัฐประหารในวันที่ 19 กันยายน 2549 มีการต่อสายโทรศัพท์ข้ามทวีปมาจากสหรัฐอเมริกาถึงนายทหารใหญ่ในคณะปฏิรูปฯ
เป็นสายจากอดีตนายกฯทักษิณต่อถึงเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง พล.อ.อนุพงษ์ แต่ถูกปล่อยให้ "miss call"
"บิ๊กป๊อก" ไม่ยอมรับสาย "ทักษิณ"
โดยจุดยืนที่เลือกอยู่กับฝ่ายโค่นอำนาจ ไม่มีการวอกแวก เพื่อนหักดิบเพื่อน
"อนุพงษ์" กับ "ทักษิณ" ยังมีแค้นฝังใจ
เหนืออื่นใดหากย้อนไปตามรอยของ "บิ๊กป๊อก" เติบโตมาจากทหารเสือราชินี เป็นผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ แม่ทัพภาคที่ 1 ก่อนขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. และ ผบ.ทบ.ตามลำดับ
เส้นทางก่อนขึ้นเป็นใหญ่ ทรงตัวได้นิ่งมาตลอด เบื้องหลังแน่นปึ้ก
อย่างไรก็ตาม ในท่ามกลางความทรงพลังที่แฝงอยู่เบื้องหลัง "บิ๊กป๊อก" ก็ไม่ได้สำแดงฤทธิ์เดชเพื่อให้เป็นที่ประจักษ์ยำเกรง
ในทางตรงข้าม กลับแสดงออกถึงความเป็นทหารอาชีพ ด้วยการประกาศจุดยืนกลางวงผู้บริหารสื่อมวลชน ภายหลังการรับตำแหน่ง ผบ.ทบ.
"ไม่สมควร ในฐานะที่ผมเป็นผู้นำกองทัพ จะเอากองทัพไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เราขออยู่เป็นกลาง"
เป่านกหวีดเรียกพลกลับเข้ากรมกอง
พร้อมๆ กับคำประกาศสัญญาลูกผู้ชายชาติทหาร แม้ขั้วอำนาจเก่าจะกลับมาเป็นรัฐบาลและถูกปลดออกจาก ผบ.ทบ. ก็จะไม่มีการปฏิวัติ
"บิ๊กป๊อก" พูดเสียงดังฟังชัด การยึดอำนาจเพื่อตัวเอง งี่เง่าที่สุดในโลก
แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ โดยเงื่อนไขที่ฝ่ายอำนาจเก่ากับอำนาจใหม่ยังตั้งแง่เผชิญหน้า วิกฤติการเมืองยังไม่มีทีท่าจะจบง่ายๆ แม้จะมีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง
โดยเฉพาะเมื่อนอมินีอย่างพรรคพลังประชาชนได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
รถถังยังออกมาวิ่งบนถนนได้ตลอดเวลา
อย่าลืมว่า แม้แต่คิวของ "บิ๊กบัง" ก็ปฏิเสธแล้วปฏิเสธอีกว่าไม่มีปฏิวัติ แต่หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงรถถังก็ติดเครื่อง
เรื่องเสียวๆแบบนี้ ใครเขาจะบอกล่วงหน้า.
"ทีมการเมือง"--จบ--