WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, January 2, 2008

ดิ้นจนเกินงาม

เชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศคงจะอิดหนาระอาใจ กับการดิ้นเฮือกสุดท้ายของผู้เฒ่าทางการเมือง เพื่อต่อรองทางการเมือง โดยเฉพาะ นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ที่ใครต่อใครเคยมองว่าเป็นมังกรการเมือง วันนี้เป็นแค่ปลาไหลชรา แถมยังโหยหิวอีกต่างหาก เพราะในรัฐบาลครั้งหน้า ก็จะเป็นฝ่ายค้านติดต่อกัน 2 สมัย


คงไม่ใช่แค่อดอยากปากแห้งอย่างที่นายบรรหารเคยพูดไว้ เมื่อครั้งเป็นฝ่ายค้านในรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ


ก็เข้าใจล่ะครับว่า ผู้เฒ่าทางการเมืองอย่างนายบรรหาร พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ และ นายวัฒนา อัศวเหม เวลาที่จะเดินบนถนนการเมืองเหลือน้อยเต็มที หรือแทบไม่มีอีกแล้วด้วยซ้ำไป


หากเป็นนักการเมืองชราที่เป็นฝ่ายค้าน ย่อมจะเหงาเป็นธรรมดา เพราะลูกหลานไม่อยากจะเข้าไปหา บารมีก็จะถดถอยน้อยลงไปทุกวัน แล้วจะฝ่อไปเอง


ทางกลับกัน ถ้าเป็นรัฐบาล อย่างน้อยก็ยังมีนักธุรกิจหรือ ส.ส. แวะเวียนไปทักทาย เพราะเข้าหารัฐมนตรีที่กระทรวงไม่ได้ มาหาผู้เฒ่าดีกว่า ทำให้หัวใจผู้เฒ่ากระชุ่มกระชวยได้บ้าง


นี่คือเหตุและผลที่ทำให้ผู้เฒ่าการเมือง 3 ท่าน ดิ้นรนจนน่าอิดหนาระอาใจ โดยเฉพาะ นายบรรหาร ศิลปอาชา ถึงกับแสดงอาการเกรี้ยวกราดไล่นักข่าวที่ถามคำถามจี้ใจดำออกจากพรรค


เพราะสิ่งที่เดินเกมอยู่ไม่ได้ดั่งใจ เวลาที่จะเล่นการเมืองไม่เหลือแล้ว จึงเกิดอาการหงุดหงิดอย่างที่เห็นๆ


จริงๆ แล้วเมื่อฟังสาเหตุแล้วน่าจะสงสารนายบรหารและคณะผู้เฒ่า แต่หากคิดรอบด้าน นายบรรหารต่างหากที่กำหนดขึ้นมาทั้งนั้น ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้ส่งไมตรีไปล่วงหน้า แต่กลับขยี้ไมตรีทิ้ง เพราะมั่นใจว่าพรรคพลังประชาชนสู้ไม่ได้


ส่วนกรณีของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ยังมีเวลาอีกยาวไกลที่จะเดินบนถนนการเมือง แต่การดิ้นรนเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น


น่าขยะแขยงกว่าพฤติกรรมของท่านผู้เฒ่าทางการเมืองเสียอีก


นายสุเทพผ่านเส้นทางการเมืองมานาน จนก้าวขึ้นมาเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองเก่าแก่ที่สุด น่าจะรู้ดีว่าจำนวน ส.ส. ที่ได้มา ไม่ว่าจะจัดสูตรไหน ถึงแม้จะมีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง คือ 240 เสียง แต่เกินมาแค่ 7 คนเท่านั้น


ยกเว้นคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ใบแดงพรรคพลังประชาชนสัก 25 ใบ แต่ในความเป็นจริง มันเป็นไปไม่ได้


เมื่อจำนวน ส.ส. เกินครึ่งหนึ่งเพียง 7 คน รัฐธรรมนูญฉบับนี้ แม้จะให้สิทธิ ส.ส. เป็นรัฐมนตรีได้ โดยไม่พ้นสภาพการเป็น ส.ส. แต่ไม่สามารถที่จะใช้เสียงของตัวเองในการยกมือสนับสนุนญัตติที่เกี่ยวพัน เช่น การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลทั้งคณะ


หากจะเอาคนนอกมาเป็นรัฐมนตรี ต้องถามตัวเองก่อนว่า ตัวนายสุเทพจะยอมหรือที่ไม่ขอเป็นรัฐมนตรี


ก็เปล่าทั้งเพ


แล้วไม่รู้จะดิ้นรนไปหาพระแสงอะไร ให้ประชาชนคนไทยพากันอิดหนาระอาใจ


ประวัติศาสตร์ของพรรคประชาธิปัตย์ที่ถูกคว่ำกลางสภา ก่อนที่จะบริหารราชการแผ่นดินเคยมีมาแล้วไม่ใช่หรือ ในสมัยที่ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ก็ถูกคว่ำทันทีในการแถลงนโยบายรัฐบาล


นั่นแหละ พล.ต.ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช หัวหน้าพรรคกิจสังคม ที่มี ส.ส. 18 คน ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่อยู่ได้ไม่ถึงปีต้องยุบสภา


ประวัติศาสตร์ของประชาธิปัตย์เคยบันทึกไว้แล้วมิใช่หรือ


หรือว่ากระสันที่จะเป็นรัฐบาล จนลืมความสำนึกผิดชอบชั่วดี เหมือนตอนที่แจก สปก.4-01 ให้กับเศรษฐีภูเก็ต ซึ่งเป็นสามีของเลขานุการของตนเอง กระนั้นหรือ


ล่าสุดประกาศ หากวันที่ 4 มกราคม ปีหน้า พรรคพลังประชาชนไม่สามารถจัดรัฐบาลได้ ก็จะขึ้นมาจัดรัฐบาลแข่งอีก ไม่รู้จะเอาจำนวน ส.ส. ที่ไหนมาเพิ่มให้เกินครึ่งหนึ่ง มากพอที่จะทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ


จำนวน ส.ส. มีจำนวนจำกัดเท่าที่รัฐธรรมนูญกำหนด คือ 480 คน ต่างจากบัตรผีที่กากบาทไว้ล่วงหน้าเท่าไรก็ได้ แต่อย่าให้เกินจำนวนประชากรในเขตเลือกตั้งเท่านั้น แล้วนำมาปนกับบัตรของคนที่ไปลงคะแนนในวันเลือกตั้ง นะขอรับ


ตอนแรกมีคนพูดให้ฟังว่า ที่นายสุเทพดิ้นรนเพื่อจัดตั้งรัฐบาล เกรงว่าจะถูกสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เปิดเกมให้นายอภิสิทธิ์แสดงความรับผิดชอบ ลาออกจากหัวหน้าพรรค เหมือนที่ นายชวน หลีกภัย และ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ได้ทำตัวอย่างให้เห็นมาแล้ว เมื่อการเลือกตั้งแพ้พรรคไทยรักไทย


เป็นเหตุผลที่พอฟังได้ เพราะมีตัวอย่างให้เห็นมาแล้ว แต่มาคิดอีกที ใครล่ะจะไปเดินเกมให้หัวหน้าพรรคที่รูปหล่อที่สุด แสดงสปิริตลาอออก


อายุก็ยังน้อย ยังมีเวลาเดินบนถนนการเมืองอีกนาน รอเวลาอีกไม่นานนักการเมืองเก่าๆ จะเลิกกันหมด ก็จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมใจ


ตามที่นายสุเทพพูดไว้ ชาวบ้านเปิดทีวีเห็นหน้านายกรัฐมนตรีหล่อๆ ดูแล้วสบายตา


แต่จะทำงานเป็นหรือไม่เป็น ค่อยว่ากันอีกที