การเลือกตั้งครั้งล่าสุดนี้คู่แข่งทางการเมืองของ พรรคประชาธิปัตย์ จะเปลี่ยนจากไทยรักไทยเดิมมาเป็น พรรคพลังประชาชน
แต่บทสรุปที่ออกมาคือ พรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้งอย่างขาดลอยด้วยจำนวนเก้าอี้ ส.ส.233 ต่อ 165
และแม้ว่าในวันนี้จะเริ่มเห็นเค้าลางของรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้นายกรัฐมนตรีที่ชื่อ สมัคร สุนทรเวช
แต่สิ่งที่ทำให้ต้องแปลกใจคงจะเป็นสภาพการณ์ของ พรรคประชาธิปัตย์ ที่วันนี้ยังดูแช่มชื่น แจ่มใส แถมยังออกอาการมั่นใจเสียเหลือเกินว่า พรรคพลังประชาชน จะจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ บวกกับคำทิ้งท้ายของ เทพเทือก สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคที่บอกทำนองว่า
หากวันที่ 4 มกราคม พรรคพลังประชาชนตั้งรัฐบาลไม่ได้ พรรคประชาธิปัตย์ก็จะเดินหน้ารวบรวมพรรคการเมือง เพื่อจัดตั้งรัฐบาล
ความมั่นใจเสียเหลือเกินของเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ สร้างความสงสัยว่า อะไรที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์มีความมั่นใจเช่นนั้น
ถ้าถามถึงสาเหตุของความมั่นใจ ก็เชื่อได้ว่า แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ (สุดท้าย) ของพรรคประชาธิปัตย์คงจะหนีไม่พ้น ปาฏิหาริย์กรณีใบเหลือง-ใบแดง ที่ทางพรรคคาดหวังว่า กกต.จะกรุณาแจกใบเหลือง-ใบแดงให้พรรคพลังประชาชนอย่างน้อย 60 ใบ
โดยเฉพาะประเด็นล่าสุดที่ทางพรรคขุดคุ้ยถือเป็นความหวังสุดท้ายคือ กรณีการแจก ซีดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
และถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็อาจจะส่งผลต่อการจัดตั้งรัฐบาล และอาจจะเป็นเงื่อนไขสำคัญที่พลิกให้พรรคประชาธิปัตย์มีโอกาสที่จะผลักดันให้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีโอกาสสมหวังในเก้าอี้นายกฯบ้าง
แต่กระนั้นก็ยังคงต้องพึ่งผลการทำงานของ คณะทำงานด้านกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ ที่คราวนี้ถูกจัดตั้งขึ้นมาเป็นกรณีพิเศษ เพื่อใช้ในการจับผิดฝ่ายตรงข้ามอย่างพรรคพลังประชาชน โดยผลการทำงานของ วอร์รูม ชุดนี้ ในเบื้องต้นพบว่ามีประชาชนร้องเรียนเกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมายการเลือกตั้งกว่า 30 เรื่อง
โดยแบ่งเป็นเรื่องการแจกซีดี พ.ต.ท.ทักษิณจำนวน 18 เรื่อง และเรื่องการซื้อสิทธิ ขายเสียง จำนวน 7 เรื่อง และเรื่องการปราศรัยใส่ร้ายจำนวน 5 เรื่อง ซึ่งประเด็นต่างๆเหล่านี้ ทางคณะทำงานชุดนี้ได้ส่งเอกสาร พร้อมทั้งประจักษ์พยานที่เป็นประชาชนให้กับทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม ที่ผ่านมา
และสิ่งที่จะต้องจับตาดูเป็นพิเศษคงหนีไม่พ้น พลังมืด ที่ยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามอย่างพรรคพลังประชาชนว่าจะแสดง ปาฏิหาริย์ เข้าข้างพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่
เพราะหากรัฐบาลชุดใหม่นี้ไม่ได้ชื่อ ประชาธิปัตย์ ก็คงต้องแสดงความเห็นใจกับการรอคอยตลอด 6 ปีเต็ม แม้ว่าจะมีสถานการณ์ต่างๆ ทั้งการปฏิวัติรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณหรือแม้กระทั่งคดียุบพรรคและจำกัดสิทธิทางการเมือง 111 คนของพรรคไทยรักไทย จะเอื้ออำนวยให้ทุกอย่าง
แต่สิ่งเหล่านี้ก็ยังไม่สามารถสานฝันช่วยให้ พรรคประชาธิปัตย์ ได้สมหวัง
คงต้องรอดูว่าการดิ้นเฮือกสุดท้ายของ สุเทพ จะปั้นฝันให้ อภิสิทธิ์ ได้หรือไม่...