รัฐสภา 4 ม.ค. – “สมัคร-อภิสิทธิ์” นำทีม ส.ส.ใหม่เข้ารายงานตัวต่อสภาคึกคัก หัวหน้าพรรคพลังประชาชนพ้อเส้นทางจัดตั้งรัฐบาลมีขวากหนาม โดนกีดกันหนัก แต่พร้อมสู้ เผยฟอร์มทีมเศรษฐกิจพร้อมทำงานแก้ไขปัญหาแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแสดงตนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ชุดที่ 23 ในวันแรก หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกหนังสือรับรอง มีบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก โดย ส.ส.ที่มาแสดงตนเป็นคนแรก คือ นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคพลังประชาชน กลุ่มที่ 5 จากนั้น หัวหน้าพรรคการเมือง อาทิ นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำ ส.ส.เข้าแสดงตน โดยนายสมัคร และนายอภิสิทธิ์ เดินทางมาถึงรัฐสภาในเวลาใกล้เคียงกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากการแสดงตนและถ่ายภาพเพื่อทำบัตรประจำตัว ส.ส.แล้ว นายอภิสิทธิ์ ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว โดยกล่าวสั้น ๆ ว่า ขอให้สัมภาษณ์ในช่วงเวลาที่เหมาะสมกว่านี้ จากนั้น ได้ขอตัวเดินทางกลับ
ด้านนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์วิทยุรัฐสภา หลังเข้ารายงานตัว ส.ส. ว่า กว่าจะเดินมาถึงวันนี้ พรรคพลังประชาชนต้องฝ่าขวากหนามมากมาย มีคนพยายามจะสับนักการเมืองพวกนี้เป็นท่อน ๆ แต่ตนก็ไปรวบรวมผู้คนมาสู้ในนามพรรคพลังประชาชน ที่ผ่านมา มีคนสงสัยว่า ใช้เงินจากไหนมาใช้ในการหาเสียง แต่พรรคการเมืองเก่าที่ประกาศว่าไม่เคยใช้เงิน หิ้วกระเป๋าหนึ่งใบเข้ามาเล่นการเมือง แต่ไป ๆมา ๆ กลับบอกว่ามี 600 กว่าล้าน แต่เราได้ 130 ล้าน ซึ่งมาจากการบริจาค พรรคพลังประชาชน ถูกดูหมิ่นว่าไม่จงรักภักดีเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน
หัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวต่อว่า ตอนนี้มีความพยายามสกัดตนไม่ให้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีการยกคดีที่ติดตัว แม้กระทั่งคดีหมิ่นประมาทที่ไม่มีการรอลงอาญา แต่ยังเหลืออีก 2 ศาล สุดแล้วแต่ศาลจะเห็นอย่างไร หรือมีคนมาขู่เข็ญว่าจะเอาคดีรถดับเพลิงมาสกัด ตนขอท้าว่าให้มาเลยไม่มีปัญหา
“วันนี้เรามีขวากหนามเยอะ ที่ผมต้องตัดสินใจตั้งรัฐบาลก่อนโดยไม่รอใคร เพราะว่ามีมือสกปรกยื่นมา ผมยืนยันเลยว่า มีความสกปรกจริง มีคนให้เงินคนไปทำงานาเมืองนอก จัดการหาพยาน ส่งรถจัดส่งเข้ามาสอบในกรุงเทพฯ ตำรวจในกรุงเทพฯ โทรมาบอกว่า ทำไมคดีในต่างจังหวัดมาให้กรุงเทพฯ สอบ” นายสมัคร กล่าว
นายสมัคร กล่าวว่า หลังจากที่พรรคพลังประชาชนได้คะแนนเสียง 233 เสียง อีกพรรคหนึ่งได้ 165 เสียง ถ้าเป็นประเทศอื่นต้องมีการโทรศัพท์มาแสดงความยินดี แต่ปรากฏว่า ไม่ทำ แต่ตั้งป้อมประกาศตั้งรัฐบาลแข่ง และที่ประหลาดมากมีการไปออกข่าวว่า พรรคตนจะได้ใบแดง 50-60 ใบ เป็นเรื่องที่ประหลาดจริง ๆ
หัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวต่อว่า ขอใช้สิทธิที่เคยถูก ”เตะ” ออกจาก ส.ว. จากการยึดอำนาจแล้ว วันนี้จะมีใครมา ”เตะ” อีกก็ไม่รู้ แต่หลังยึดอำนาจมา บ้านเมืองเสียหายย่อยยับ ตนต้องมากอบกู้ หลังจากนี้พรรคที่เราได้รวบรวมไว้จะต้องต่อสู้กับขวากหนามที่ถูกต้องโดยรัฐธรรมนูญ ทำอะไรก็ไม่ได้ ยุ่งยากไปหมด ส.ส.ที่เป็นรัฐมนตรีก็โหวตให้ตนเองไม่ได้ จนทำให้ต้องไปเอาคนนอกมาเป็นรัฐมนตรีถึงจะปลอดภัย สิ่งเหล่านี้ทำให้รัฐบาลอ่อนแอ
นายสมัคร กล่าวต่อว่า ยังถูกหนังสือพิมพ์ดูหมิ่นเหยียดหยามมาตลอด ล่าสุด คอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์มติชน เขียนบทความเหมือนตนเป็นคนเลว บอกว่าตนกินข้าวแกงที่ น.ส.พ.สยามรัฐ จานละ 14.50 บาท แต่ให้ใบละ100 บาท แม่ค้าบอกไม่มีเงินทอน รู้ไหมนายสมัคร ทำอย่างไร แล้วก็จบทั้งที่ความเป็นจริงตนเป็นฟรีแลนซ์ ไม่เคยนั่งทำงานในสยามรัฐ และไม่รู้ว่าที่นั่นมีร้านข้าวแกงด้วย นอกจากนี้ ยังมีปากที่มองไม่เห็น สั่งให้เขียนการ์ตูนด่าว่าเป็นคนก้าวร้าว ไม่ควรเป็นนายกรัฐมนตรี
นายสมัคร ยังแสดงความข้องใจผลเอ็กซิทโพลที่ไม่ตรงกับความจริง โดยเฉพาะใน กทม. ที่พรรคได้ 21 คน ปชป.ได้ 15 คน แต่พอผลเลือกตั้ง ซึ่งรวมการเลือกตั้งล่วงหน้า ปรากฏว่า พรรคพลังประชาชนได้ 9 ที่นั่ง ปชป.ได้ 27 ที่นั่ง เป็นเรื่องผิดปกติ เพราะแม้แต่จังหวัดสมุทปราการ อยู่ติดกับ กทม. พรรคพลังประชาชนก็กวาดหมดทุกที่นั่ง และคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้ากับเลือกตั้งปกติก็เท่ากันดี
“วันที่เราทำโพลเลือกตั้งล่วงหน้าได้ 70 ต่อ 30 แต่พอคะแนนจริงออกมา เราได้ 20 คู่ต่อสู้ได้ 80 บางหีบเขาบอกว่า เราได้ 0 มันเป็นไปได้อย่างไร เรื่องนี้ต้องคิดบัญชีกัน นอกจากนี้ การเลือกตั้งล่วงหน้าทุกครั้ง ต้องมีการลงทะเบียนก่อน แต่ครั้งนี้เหมือนมหกรรม 2 วัน ถามว่าใครเป็นคนบอกให้เลือกตั้งล่วงหน้าได้โดยไม่ต้องลงทะเบียน และใครเป็นคนสั่งไปไว้บนเขตชั้น 5 แทนที่จะเอาไปขังไว้ในโรงพัก กกต. ก็ตอบไม่ได้ วันนี้ เห็นได้ชัดว่า มีความบกพร่อง เพราะคะแนนมันฟ้อง ต้องมีการตรวจสอบแน่นอนโดยเฉพาะใน กทม. ว่าเขตไหนเอาหีบไปไว้บนชั้น 5 ทำให้คะแนนเปลี่ยนแปลง และก่อนการเลือกตั้งมีการเล่นพนัน พรรคพลังประชาชน เป็นต่อมาโดยตลอด แต่พอก่อนเลือกตั้ง 2 วัน หลังจากผ่านการเลือกตั้งล่วงหน้ามาแล้ว พรรคกลับเป็นรองทันที” นายสมัคร กล่าว
ขณะที่ผู้ดำเนินรายการแย้งว่า การเล่นพนันเป็นเรื่องไม่ดี ไม่ควรจะเกิดขึ้นในระบอบประชาธิปไตย แต่นายสมัครแย้งกลับไปว่า “เขามีกันทั้งนั้นแหละ เป็นเรื่องสนุก ขนาดฟุตบอลยังพนันกัน”
ส่วนกรณีที่ กกต.ยังแขวนว่าที่ ส.ส.ของพรรคพลังประชาชน อีก 65 คน มีผลต่อการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า สาเหตุที่ยังไม่รับรองผล เพราะยังไม่มีการสอบสวน เช่น นายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ยังไม่เข้าชี้แจงกับ กกต. ซึ่งที่ค้างอยู่ก็มีของทุกพรรค ถ้าสอบเสร็จก็จบ แต่ปัญหาคือ ปฏิกิริยาที่กระดี้กระด้าว่า จะต้องแจกใบแดงเท่านั้นเท่านี้ คือ ข้อพิรุธว่า รู้กันได้อย่าไร แต่ที่ตนรู้ คือ มีคนให้เงินตำรวจไปทำงาน โดยไม่ใช้เงินหลวง
“การเลือกตั้งที่ไม่เรียบร้อย เพราะมีคนอยากให้มีใบแดง 65 ใบ กกต.เขาเสียหาย จะออก 65 ใบ ได้อย่างไร ผมยืนยันว่ามีคนภายนอกเข้ามาจัดการ เราทำเรื่องไปถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้เปลี่ยนนายตำรวจคนหนึ่งออกจากกระบวนการสอบสวน เพราะว่าไปใช้ตำรวจกว่า 700 คน ออกไปกวาดต้อนเอาพยานเข้ามาสอบใน กทม. มันผิดปกติ เคราะห์ดีที่เรื่องนี้ถูกทำให้สะดุดหยุดลงเสียก่อน” นายสมัคร กล่าว
นายสมัคร กล่าวว่า ข้อกล่าวหาของผู้สมัครพรรคพลังประชาชนที่ดูว่ามีจำนวนมาก เป็นเพราะว่าพรรคไม่เคยร้องใคร มีแต่คนอื่นมาร้องเรียนเรา และยืนยันว่าจะไม่ฟ้องกลับใคร ทุกคนจะเอาให้เราลงให้ได้ ล่าสุด ร้องให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ พยายามทำให้เห็นว่า คนในพรรคพลังประชาชน เลวทราม ต่ำช้า จึงจะต้องยื้อยุดฉุดกระชากจนนาทีสุดท้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการสัมภาษณ์ ผู้ดำเนินรายการพยายามเตือนไม่ให้นายสมัคร กล่าวพาดพิงผู้อื่น และควบคุมให้พูดถึงนโยบายที่จะทำหากได้เป็นรัฐบาล เช่น นโยบายด้านเศรษฐกิจ นายสมัคร กล่าวว่า เรื่องทีมเศรษฐกิจพรรคได้เตรียมจัดทีมไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทีมงานจะทำงานได้ทันที โดยจะเข้าไปแก้ไขปัญหา ขณะนี้รอเพียงได้เป็นรัฐบาลจะประกาศให้ทราบ จากนั้น นายสมัคร ยังคงดึงดันที่จะระบายความในใจและพาดพิงบุคคลที่ 3 ต่อไป พร้อมทั้งบอกว่าสำหรับเรื่องนโยบายต้องอดใจรอฟังการประกาศที่รัฐสภา
ในช่วงท้ายการสัมภาษณ์ ผู้ดำเนินรายการได้บอกนายสมัคร ว่ามีประชาชนแจ้งเข้ามาในรายการว่า หากนายสมัคร จะเป็นนายกรัฐมนตรี ควรพูดให้น้อยลงกว่านี้ นายสมัคร ตอกกลับว่าอย่าอ้างประชาชน ขอบอกว่าตนเป็นคนดัดจริตไม่เป็น เป็นคนตรงไปตรงมา คนต่างชาติต้องการให้ผู้นำพูดเพื่อให้รู้ข้อมูล เขาต้องการสัมผัสตน แต่คนในชาติเดียวกันพวกหนึ่งที่เขาไม่ชอบ เขาก็แสดงอาการไม่ชอบ.-สำนักข่าวไทย