หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ รายงานข่าวเมื่อวานนี้ว่า นักการเมืองไทย เราแม้จะมีความแตกต่างหรือขัดแย้งในแง่แนวความคิด แต่ก็มีความเหมือนกัน อยู่อย่างหนึ่งในช่วงหลายๆเดือนที่ผ่านมานี้
นั่นก็คือ...นิยมเดินทางไปแสวงบุญที่อินเดียเพื่อกราบสังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่ง อันเป็นต้นกำเนิดของพระพุทธเจ้าและศาสนาพุทธ
รายชื่อนักการเมืองที่บางกอกโพสต์ นำมาเขียนถึง โดยอ้างแหล่งข่าวทั้งที่พุทธคยา และกุสินารา ได้แก่ คุณ เนวิน ชิดชอบ คุณ เสนาะ เทียนทอง คุณ ประชา มาลีนนท์ และ คุณ สุธรรม แสงประทุม เป็นต้น
ขณะเดียวกันก็มี คนดังจากสายทหาร อาทิ พลเอก สพรั่ง กัลยาณมิตร พลเรือเอกประเสริฐบุญทรง พลเอกอู้ด เบื้องบน เดินทางไปด้วยเช่นกัน เพียงแต่ไปคนละหมู่คณะ ต่างวันต่างเวลากับกลุ่มแรก
ที่ไปบวชด้วย ได้แก่ พลตำรวจเอก วาสนา เพิ่มลาภ อดีตประธาน กกต.ที่ไปบวช ระยะสั้นๆประมาณ 7 วัน และ คุณ สุธรรม แสงประทุม ที่บวชนานถึง 23 วัน
บางท่านก็ไปสร้างสาธารณประโยชน์ให้แก่วัดไทยด้วย เช่น คุณ ประชา มาลีนนท์ อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวงของพรรคไทยรักไทย...ไปบริจาคเงินสร้างห้องน้ำ ถวายวัดไทยหลายแห่ง
ในขณะที่ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร นั้น นอกจากจะไปปฏิบัติธรรมแล้ว ยังเสียสละทำหน้าที่เป็นพนักงานรักษาความสะอาดขัดถูห้องน้ำวัด ไทยที่โน่นอย่างไม่รังเกียจรังงอน
บางกอกโพสต์รายงานด้วยว่า สำหรับพระภิกษุชั้นผู้ใหญ่ของไทยที่จำพรรษาอยู่ ณ วัดไทยในอินเดีย ล้วนมีความเห็นพ้องต้องกันว่า “แนวโน้ม” ในการเดินทางไปแสวงบุญของนักการเมืองและผู้ใหญ่ระดับสูง ของไทยในขณะนี้เป็นนิมิตหมายที่ดีอย่างยิ่ง
เพราะนักการเมืองและบุคคลระดับสูงเหล่านี้จะมีโอกาสได้ทบทวนตัวเอง ทบทวนการกระทำที่ผ่านมาว่ามีอะไรผิดอะไรถูก และอะไรสมควรปรับปรุงแก้ไข เพื่อจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น
หลายๆรายเคยพบกับความผิดหวังทั้งในเรื่องการเมือง และหน้าที่การงาน เมื่อมาถึงที่นี่ (สังเวชนียสถาน) ก็จะลืมสิ่งที่เคยทำไว้ในอดีตชั่วขณะ
ครับ! เท่าที่ผมอ่านอย่างจับประเด็น มิได้แปลคำต่อคำหรือประโยคต่อประโยค ก็คงจะสรุปสาระของข่าวนี้ได้ ดังนี้
อาจจะขาดตกบกพร่องรายชื่อใครหรือสรุปไม่ตรงประเด็นนัก ก็ขออภัยไว้ด้วยนะครับ
ก่อนอื่นต้องขออนุโมทนาอย่างจริงใจ สำหรับนักการเมือง นักการทหาร และบุคคลที่มีชื่อเสียง ที่ปรากฏชื่ออยู่ในรายงานข่าวได้หันมาเลือกใช้วิธีเดินทางไปแสวงบุญ ณ สังเวชนียสถานต่างๆ เพื่อให้เกิดความสุข ความสงบแก่จิตใจตนเอง
ผมเชื่อเช่นเดียวกับที่พระคุณเจ้าได้แสดงความเห็นไว้กับผู้สื่อข่าวที่ว่า นักการเมือง นักการทหารและคนดังต่างๆจะมีความรู้สึกที่ดีขึ้นเข้าใจโลก เข้าใจชีวิตมากขึ้น เมื่อเดินทางมาสังเวชนียสถาน
เพราะจากประสบการณ์ที่ผมเคยติดตามคณะผู้ใหญ่ของไทยรัฐ ไปกราบรอยพระบาท พระพุทธองค์เมื่อ 2-3 ปี ก่อนโน้น ผมเองก็รู้สึกว่ามีความสุขอย่างยิ่ง ขณะที่เดินทางไปสถานที่ต่างๆ
ความสุขจากการฟังพระธรรมคำสอนโดยมีของจริงที่เป็นรากฐานและหลักฐาน ของพุทธศาสนาตั้งให้เห็นอยู่เบื้องหน้า
เช่นต้นโพธิ์ที่เคยประทับ ตรัสรู้ แม่น้ำที่เคยเสด็จข้าม ถ้ำที่ทรงทรมานพระวรกาย สถานที่ที่ทรงแสดงปฐมเทศนา และสถานที่ที่เสด็จสู่ปรินิพพาน ฯลฯ
การได้ดูได้เห็นได้นั่งสวดมนต์ ต่อหน้าสิ่งเหล่านี้ จะมีส่วนทำให้ผู้จาริกทั้งหลาย รู้สึกผ่อนคลาย และความโลภ ความโกรธ ความหลง...จะค่อยๆลดลงไป
เผอิญว่าผมยังเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่อย่างไรเสียก็ไม่สามารถตัดขาดได้หมด จึงยังคงมีบางสิ่งบางอย่างคั่งค้างอยู่บ้าง
ผมจึงอนุโมทนาและหวังว่านักการเมืองที่มีโอกาสเดินทาง ไปแสวงบุญจะได้นำสิ่งดีๆที่เรียนรู้จากดินแดนต้นกำเนิดพระพุทธศาสนา มาปรับใช้กับการดำเนินชีวิตของท่าน และการทำงานทางการเมืองของท่าน
นักการเมืองบ้านเราจะได้ดีขึ้น สะอาดขึ้น อันจะส่งผลให้การเมือง ทั้งระบบของเราพัฒนามากขึ้นในอนาคต
ผมคงมิได้มุ่งหวังที่จะให้นักการเมืองปรับตัวร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกครับ เพราะอย่างที่บอกไว้แล้วว่ายังไงๆความเป็นมนุษย์ปุถุชนก็คงจะต้องมีอยู่
สิ่งที่หวังไว้ก็เพียงขอให้ “ลด” หรือ “ละ” พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม อันจะเป็นการทำร้ายหรือทำลายชาติบ้านเมืองลงไปให้มากที่สุดที่จะมากได้เท่านั้นเอง
ผมไม่ทราบว่าจะมีนักการเมืองท่านใดไปแสวงบุญที่สังเวชนียสถานต่างๆอีกหรือไม่ ท่านไหนจะไปก็เชิญนะครับ ไปซัก 5 วัน 7 วัน ต้องได้อะไรดีๆติดมือกลับมาแน่นอน
ก็ต้องขอขอบคุณบางกอกโพสต์ที่นำข่าวนี้มาฝาก...ผมถือว่าเป็น “ข่าวดี” ครับ...เพราะยังไงๆ ข่าวนักการเมืองแห่ไปอินเดีย น่าจะดีกว่าข่าวนักการเมืองแห่ไปฮ่องกงละน่า.
"ซูม"
คอลัมน์ เหะหะพาที