อย่างที่เคยบอกไว้เสมอว่า มีความพยายามที่จะเจรจากันมาหลายครั้ง ระหว่างผู้มีบารมีสี่เสา และ คุณทักษิณ ชินวัตร แต่จบลงด้วยความไม่ยินยอมของสี่เสา ที่ไม่คลายความกังวลว่าจะไม่มีการเช็คบิลเอาคืน
จนกระทั่งชะตากรรมของสี่เสามาถึงขั้นที่ใกล้จะถูกอัปเปหิออกจากตำแหน่งที่มีอยู่ และไม่ให้อยู่ในประเทศอีกต่อไป อย่างน้อยก็ชั่วระยะเวลาหนึ่ง จึงเกิดอาการฮึด มีความเคลื่อนไหวทางทหารสลับกับการย้ายที่นอนรายวัน เป็นการเคลื่อนไหวกดดันหวังผลในการเจรจา การข่มขู่ต่อรอง บีบ กกต.ให้เล่นงาน สส. ของ พปช. และพรรคที่จะมาร่วมรัฐบาลหนักขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งขู่จะยุบพรรค พปช.ยื้อไม่ให้การจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ
ตราบใดที่รัฐบาลใหม่ไม่ลงตัว สี่เสากับพวกก็ยังมีความหวัง มีโอกาสพลิกสถานการณ์ มีข่าวว่า ตัวแทนบริษัทยักษ์ใหญ่ในญี่ปุ่น ได้ส่งตัวแทนมาพบสี่เสา ขู่เตือนถึงผลเสียที่ตั้งรัฐบาลได้ช้าว่า ถ้าบริษัทพวกนี้ไม่ไว้ใจเสถียรภาพ ความแน่นอนในการเมืองไทย ความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ อาจจะถอนการลงทุนหนีไปที่อื่นเพื่อลดความเสี่ยงของการลงทุนทำธุรกิจ
เมื่อความพยายามของสี่เสาไร้ผล ข่าวเรื่องการชิงลาออก และส่งคนไปขอเจรจา ที่ฮ่องกงจึงหนาหูขึ้นและตัวแทนที่ส่งไป ก็หงายหลังกลับมาเมื่อทางฮ่องกงไม่เจรจา
การกลับเมืองไทยของคุณหญิงอ้อ ที่เดิมจะกลับมาสู้คดีพร้อมกันทั้งสองคน จึงเปลี่ยนเป็นมาคนเดียวก่อน โดยได้รับไฟเขียวที่จะดูแลความเรียบร้อยตลอดเวลาที่อยู่ในประเทศไทย ไม่ว่าจะยาวนานแค่ไหน และผู้ใหญ่อายุไม่มากท่านนี้ ได้เคยเรียก กกต.มาพบบ้างแล้ว ทำให้ความร้อนแรงเอาเป็นเอาตายในการออกใบแดงกลั่นแกล้ง และคำขู่ยุบพรรค ของ กกต.หลายคนเบาบางลง
กองบัญชาการจัดตั้งรัฐบาลที่ฮ่องกงแยกเป็น 2 กอง คือที่ลอนดอนที่หนึ่ง และในไทยจัดตั้งรัฐบาลกันที่ปลายจมูกสี่เสา ในท่าทีประนีประนอมสมานฉันท์ แต่เด็ดขาดในข้อตกลงกับพรรคที่จะมาร่วมรัฐบาล และเงื่อนไขของสี่เสา ที่แฝงมาด้วยความสกปรกเต็มไปด้วยการเอารัดเอาเปรียบ
กรณีคุณยงยุทธ ติยะไพรัช ถึงทางตัน ต้องเลือก2 ทางคือใบแดง หรือปล่อยผ่าน ถ้าใบเหลืองจะเกิดความวุ่นวายในปัญหาข้อกฎหมายที่ไม่มีข้อกำหนดให้เลือกตั้ง สส.ระบบสัดส่วนใหม่ ถ้าให้ใบเหลืองและทางคุณยงยุทธ ก็เริ่มตอบโต้ที่จะนำพยานหลักฐานมาหักล้างข้อกล่าวหา ในขณะที่ผู้กล่าวหาเริ่มออกอาการไม่กล้าที่จะยืนยันหลักฐาน วีซีดี เอกสารสำคัญของตัวเอง และสาระสำคัญในสำนวนการสอบสวน ที่จัดทำไว้โดย พล.ต.ต.ชัยยะ ที่ชิงหนีลาออกไปก่อนหน้านี้แล้ว
ทางออกที่ซื้อเวลาไปก่อนในกรณีคุณยงยุทธ ของ กกต. คือตั้งอนุกรรมการ และเริ่มต้นสอบสวนใหม่ ปล่อยผ่านแล้วตามสอยทีหลัง เท่ากับยื้อการจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ
กรณีนายชัยวัฒน์ สินสุวงศ์ จาก ปชป.ฟ้องขอให้ศาลสั่งให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะก็เช่นกัน หากมีการสาวลึกลงไป จะลากไปถึง กกต. และการวางตัวไม่เป็นกลางของ กทม. ซึ่งอยู่ใต้อาณัติ ปชป.อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ก็กำลังรอคอยอย่างใจเย็น ที่จะนำหลักฐานการทุจริตการเลือกตั้งในกรุงเทพออกมาประจาน หลังการจัดตั้งรัฐบาล
ประชาธิปัตย์ จำต้องขอให้ถอนฟ้อง และลอยแพว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของนายไชยวัฒน์ แต่ผู้เดียว เพราะไปๆมาๆ หลักฐานจะสาวมาถึงตัว
สถานการณ์แบบนี้ สี่เสาและพวกจะเอาอะไรมาเป็นข้อต่อรอง ในเมื่อไม่มีข้อที่ได้เปรียบในมือเหลืออยู่เลย
สัญญานล่าสุดของสี่เสา ที่คำรามออกมาในช่วงนี้ในระหว่างการยื้อการจัดตั้งรัฐบาล คือการยื่นเงื่อนไขห้ามคุณสมัคร สุนทรเวช ขึ้นมาเป็นนายก เพราะไม่ไว้ใจว่าคุณสมัคร จะไม่เอาคืนสี่เสา และห้ามไม่ให้ พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ขึ้นมาเป็นรมว.กลาโหม เพราะพล.อ.เรืองโรจน์ รู้รายละเอียดทุกอย่างที่ คมช.ลงมือปฏิบัติการยึดอำนาจ ใครเป็นคนวางแผน ใครทำหน้าที่ใด ในวันที่ 19 กันยา
เงื่อนไขอีกข้อที่สี่เสายื่นข้อเรียกร้อง คือขอให้ตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ที่เอาปชป.มาร่วมรัฐบาลกับ พปช. ปล่อยพรรคเล็กทั้งหมดให้เป็นฝ่ายค้าน
แต่ กกต.ส่งซิกกันว่า ปล่อยไปก่อนแล้วตามสอยทีหลัง นั่นก็แสดงถึงสัญชาติงูเห่าไม่ซื่อ โดยหวังว่าเมื่อ ปชป.ได้เป็นรัฐบาลผสมสมบุรณ์แล้ว ตามยุบพรรคพปช.ภายหลังจัดตั้งรัฐบาลเสร็จสิ้น ปชป. ก็ยังมีสถานะเป็นรัฐบาลเพียงพรรคเดียว และอาจจะดึงพรรคเล็กๆมาร่วมเป็นรัฐบาล
แผนตื้นๆ แต่มากไปด้วยความด้านกันซะจริงๆ....
"คฑาวุธ"
จาก เสรีชน