WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, September 17, 2008

รายงานพิเศษ : สำรวจ ‘คนจน’ (นปช.) เรื่องเล่าคืนปะทะและมุมมองต่อสังคมการเมืองไทย (1)


คอลัมน์ : ประชาทรรศน์วิชาการ

“ข่าวออกมาว่า นปช. เป็นคนรุนแรง ผมเสียใจมาก สื่อมวลชนประเทศไทย มีไหมที่จะลงธรรมดาว่า คนท้องสนามหลวงถูกรุมตี ไม่มี มีแต่ไปตีเขา ไปทำรุนแรงกับเขา”

เหตุการณ์ปะทะกันของประชาชนจากกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) กลางดึกคืนวันที่ 1 ต่อเช้ามืดวันที่ 2 กันยายน 2551 กลายเป็นข่าวเกรียวกราวสั่นสะเทือนสังคมไทยที่กำลังวิตกกับเรื่อง “ความรุนแรง” “การนองเลือด” ที่เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในประวัติศาสตร์พอดิบพอดี หากแต่คราวนี้ คู่ขัดแย้งกลับไม่ใช่รัฐกับประชาชนเหมือนอย่างเคย

ค่ำคืนนั้นสร้างความสูญเสียแก่ “ประชาชน” ทั้งสองฝ่าย มีผู้บาดเจ็บหลายราย รวมทั้งผู้เสียชีวิต 1 คน คือ นายณรงศักดิ์ กรอบไธสง ผู้ชุมนุมฝั่ง นปช. โดยที่สังคมไทยก็ดูจะอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่รู้จะประณามฝ่ายไหน บ้างว่า เป็นเพราะแกนนำ นปช. เคลื่อนขบวนจากสนามหลวงไปยั่วยุ จุดชนวนความรุนแรงกับฝ่าย พธม. บ้างว่าเป็นเพราะ พธม. สร้างเงื่อนไขการชุมนุมที่เกินเลยขอบเขตจนสร้างความไม่พอใจกับหลายส่วน แต่แน่นอนว่า ทุกฝ่ายพุ่งเป้าไปที่รัฐบาลซึ่งไม่มีน้ำยาจัดการระงับเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม ภาพข่าวที่ปรากฏทางทีวี หน้าหนังสือพิมพ์ ทั้งสื่อไทยและต่างประเทศ บ่งบอกชัดเจนถึงระดับความรุนแรงอันน่าสลดหดหู่นี้ ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นปลายเหตุของปัญหาความขัดแย้งทางความคิดของสองขั้วหลักในสังคมไทยที่บ่มตัวอยู่นานแล้ว

สำหรับ พธม. นั้น ข้อเสนอ ที่มาที่ไป เหตุผลการชุมนุม ความชอบธรรมต่างๆ รวมถึงรายละเอียดการชุมนุม ลักษณะผู้เข้าร่วมชุมนุม ความเห็นของแกนนำ ถูกนำเสนอแล้วอย่างไม่ขาดสาย

อีกด้านหนึ่ง จึงน่าสนใจว่า “ม็อบคนเมา” “ม็อบอันธพาล” “ม็อบเติมเงิน” “ม็อบไข่แม้ว” ฯลฯ นั้น นอกเหนือไปจากความเห็นของพวกแกนนำและการเหมารวมมวลชนให้ขาดวุฒิภาวะ ถูกชักจูงง่าย คลั่งทักษิณ ฯ แล้ว หากลองสำรวจตรวจตราดีๆ พวกเขามีพื้นฐานวิธีคิด วิธีมองสังคมการเมืองไทยอย่างไร รายงานนี้จึงลองสุ่มสัมภาษณ์ผู้บาดเจ็บ และผู้ร่วมชุมนุมที่สนามหลวงเพื่อบันทึกไว้เป็นสุ้มเสียงหนึ่งของ “กลุ่มคนจน” ซึ่งกำลังเป็นตัวละครใหม่ที่มีบทบาทสูงในการเมืองไทยอย่างไม่เคยมีมาก่อน และจะยิ่งสูงมากขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคต

(หมายเหตุ : รายงานชิ้นนี้เข้าไม่ถึงผู้บาดเจ็บที่นิยม พธม. เนื่องจากไม่ปรากฏตัวอยู่ในสถานพยาบาลขณะทำการสำรวจหลังเหตุการณ์ประมาณ หนึ่งสัปดาห์ ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณ)

ลุงลออ เปียทอง วัย 56 ปี ชาวโคราช
ลออ เปียทอง คุณลุงชาวโคราชวัย 56 ปี อาจเป็นที่คุ้นเคยสำหรับสาธารณะบ้าง เพราะมีสื่อโทรทัศน์หลายช่องไปสัมภาษณ์ญาติของลุงหลังเหตุการณ์ ลุงได้รับบาดเจ็บแขนข้างหนึ่งหักสามท่อน อีกข้างหนึ่งหักหนึ่งท่อน หัวแตกเย็บ 26 เข็ม บาดเจ็บที่หัวไหล่ ท้อง และขา พักรักษาตัวที่วชิรพยาบาลราว 10 วัน ก่อนจะขอย้ายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลในโคราชบ้านเกิด

ลุงลออ เป็นลูกจ้างประจำของกรมชลประทานมาเกือบ 30 ปี หลังรัฐประหาร ลุงและแกนนำอีกส่วนได้รวมตัวกันตั้งกลุ่ม “คนโคราชรักประชาธิปไตย” เพื่อรณรงค์ให้ความรู้เรื่องประชาธิปไตยกับผู้คนในพื้นที่ต่างๆ แต่ทำๆ เลิกๆ ตามกำลังเงิน เวลา และกำลังคน นอกเหนือจากนี้ ลุงและกลุ่มเพื่อนยังเดินทางจากโคราช-กรุงเทพฯ เพื่อมาร่วมชุมนุมที่ท้องสนามหลวงด้วยในช่วงวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ โดยเฉพาะหลังจากที่กลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนไหวอย่างหนักยึดทำเนียบรัฐบาล

“เรารู้ว่าประชาธิปไตยกำลังถูกเปลี่ยนเป็นสัดส่วนอะไรก็ไม่รู้ รับไม่ได้ มัน ไม่ถูก ขับไล่รัฐบาลที่เพิ่งทำงาน เอาอำนาจอะไรมาไล่ ทำไมคุณไม่ยอมรับเสียงส่วนใหญ่ของประเทศ ประชาธิปไตย เขาประท้วง เราก็ต้องประท้วง จะว่ากันยังไงก็ต้องฟังคนส่วนใหญ่ด้วย เราก็มาเป็นคนหนึ่งที่มาร่วมเพราะไม่ยอมรับการเมืองแบบ 30:70 รับไม่ได้เลย ประชาธิปไตยบ้าบอคอแตกอะไร คุณจะเอากลุ่มคุณขึ้นด้วยการแต่งตั้งก็พูดตรงๆ เสรีประชาธิปไตยทั่วโลกเขาไม่ได้เป็นแบบนี้ เราจึงต้องต่อต้าน แต่การต่อต้านเราไม่คิดว่าจะมีเหตุร้ายใหญ่โต”

ลุงลออให้สัมภาษณ์ขณะที่ยังอยู่บนเตียงคนไข้ ซึ่งการสัมภาษณ์เป็นไปอย่างยากลำบาก ต้องหยุดหลายช่วง เนื่องจากมีเพื่อนฝูง ผู้ร่วมชุมนุม และใครต่อใคร ผลัดกันมาเยี่ยมเยียน พูดคุยอย่างไม่ขาดสาย และดูเหมือนมันจะสร้างความปลาบปลื้มให้ทั้งคนไข้และญาติอยู่ไม่น้อย

ลุงเล่าว่า วันนั้นมากับพรรคพวกเกือบ 30 คน แบบต่างคนต่างมาเพื่อร่วมฟังปราศรัยตั้งแต่สามสี่ทุ่ม พอตกดึกทางเวทีและผู้ชุมนุมจึงลงมติร่วมกันว่าจะเคลื่อนไปนั่งกดดันกลุ่ม พันธมิตรฯ เพื่อให้เห็นว่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับเขาก็มีจำนวนมาก โดยไม่ได้เตรียมเนื้อเตรียมตัวอะไรกันมากนัก เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเหตุรุนแรง

อย่างไรก็ตาม ด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ เดาได้ไม่ยากว่าลุงอยู่ด่านหน้า “เปล่า ผมไม่ได้ตั้งใจจะอยู่ด่านหน้า แต่เดินมาห้ามคน อย่างคนแก่ ผู้หญิง ที่เขาไม่ได้มีอะไรติดมือมาป้องกันตัว เราก็จะคอยบอกเขาว่าไปอยู่หลังรถกระจายเสียงดีกว่า ให้เดินพร้อมๆ คนอื่น”

“ผมนี่ตัวเปล่าเลย ไม่ได้เตรียมอะไร แต่วิ่งไปห้ามคนตอนดันกับตำรวจ บอกอย่าดันๆ ถ้าล้มเจ้าหน้าที่จะเจ็บ ตำรวจไม่มีอาวุธ สุดท้ายแถวตำรวจและราวเหล็กก็เอาไม่อยู่ เพราะคนเยอะมาก เหมือนกันกับด่านที่สอง ดันกันไปมา ตำรวจก็ล่าถอย ที่เจ็บก็หลายคนเพราะล้ม”

เมื่อสถานการณ์เริ่มคุมไม่อยู่ หลังจากแนวตำรวจล่าถอยแล้ว ผู้ชุมนุมสองฝ่ายเริ่มขว้างปาสิ่งของและปะทะกัน

ความซวยของลุงลออเริ่มมาเยือน เพราะเพียงครู่เดียวก็มองเห็นผู้ชายคนหนึ่งซึ่งน่าจะอายุมากกว่า วิ่งถลำไป แล้วโดนฝ่ายตรงข้ามซึ่งตั้งแถวรออยู่แล้วตีจนล้ม ลุงจึงวิ่งเข้าไปหวังจะหิ้วปีกคนเจ็บลากกลับมา

“พอก้มลงเท่านั้น ก็โดนพวกนั้นกว่า 10 คนรุมตีโดยใช้ไม้ ตอนนั้นมันก็มั่วแล้ว ก็โดดป่ายซ้าย ป่ายขวา เป็นมวยเป็นแมวอะไรก็ใส่ไป เอาชีวิตรอดไว้ก่อน ด้วยความโมโหด้วย เขาก็ตีจนทรุด ยังไม่ทันได้หมดสติ เขาก็ลากเข้าไป มีรูปด้วย ดูสิ (ชี้ไปที่รูปบนโต๊ะ) แล้วตีต่อ ไอ้คนที่ลากไปน่ะ หยุด แต่คนที่ยืนอยู่ข้างในเขาตี แขนหักหมด ข้างนึงสามท่อน ข้างนึงท่อนนึง หัวไหล่แตก ท้องระบมหมด ขา หลัง หัว หน้า แตกหมด”

“พอตีชุดสุดท้ายนี่คว่ำหน้าแล้ว มองเห็นว่า เออ เลือดเราเยอะนะ เลือดมันออกนองกับพื้น เขาก็ยังตี เตะด้วย แล้วก็ได้ยินเสียงปืน ปัง ปัง ปัง ก็รู้แล้วว่างานนี้ไม่ธรรมดา ไม่ใช่แค่คนเจ็บ แต่ต้องมีคนตาย หลังจากนั้นก็หมดความรู้สึก สลบ ยังอัศจรรย์ใจว่ารอดมาได้ยังไง ไม่รู้ใครช่วย ขอขอบพระคุณคนที่ช่วยไว้ด้วย...ตำรวจ ตอนนั้นยังไม่เห็น แต่เหตุการณ์มันแป๊บเดียวเอง ไม่ถึง 20 นาที” ลุงเล่าไปเรื่อยๆ ด้วยน้ำเสียงเนิบช้า เยือกเย็น

“ข่าวออกมาว่า นชป. เป็นคนรุนแรง ผมเสียใจมาก สื่อมวลชนประเทศไทย มีไหมที่จะลงธรรมดาว่า คนท้องสนามหลวงถูกรุมตี ไม่มี มีแต่ไปตีเขา ไปทำรุนแรงกับเขา”

ไม่เท่านั้น ลุงยังบ่นผิดหวังเลยไปถึงสื่ออย่างเอเอสทีวีด้วยว่า มีอิทธิพลล้างสมองผู้คนอย่างดีเยี่ยม อย่างคนข้างบ้านลุงซึ่งรักกันมาก รู้จักกันมานาน ตอนหลังดูเอเอสทีวีทุกคืน ตั้งแต่หัวค่ำยันสว่าง หลังๆ เริ่มไม่พูดกับลุงและไม่พอใจที่ลุงเห็นด้วยกับ นปช. ทั้งที่เมื่อก่อนยังคุยกันได้ แม้เห็นไม่ตรงกันก็ตาม

กรกช เพียงใจ
ที่มาประชาไท