ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เลื่อนอ่านคำพิพากษาคดีที่ดินรัชดา เป็นวันที่ 21 ตุลาคม พร้อมออกหมายจับอดีตนายกรัฐมนตรี และภริยา มาฟังคำพิพากษาด้วย
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยนายทองหล่อ โฉมงาม ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา เจ้าของสำนวนคดีทุจริตซื้อขายที่ดินย่านรัชดาภิเษก พร้อมองค์คณะรวม 9 คน ออกนั่งบัลลังก์นัดอ่านคำพิพากษาคดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ภริยา เป็นจำเลยที่ 1 และ 2 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียในการทำการทำสัญญากับรัฐและเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียในการทำสัญญากับรัฐ ตามความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยปปช. พ.ศ. 2542 มาตรา 4 ,100 และ 122 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา152 และ 157 กรณีที่คุณหญิงพจมานได้ร่วมประมูลซื้อขายที่ดินย่านรัชดาภิเษก 4 แปลงมูลค่ากว่า 772 ล้านบาท ของกองทุนฟื้นฟูกิจการสถาบันการเงิน
โดยวันนี้ อัยการโจทก์เดินทางมาศาล แต่จำเลยทั้งสองและทนายจำเลยไม่มาศาล ซึ่งศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ศาลได้ประกาศใหม่นัดฟังคำพิพากษาให้จำเลยทราบโดยชอบแล้ว แต่จำเลยทั้งสองไม่มาศาล จึงมีคำสั่งให้เลื่อนฟังคำพิพากษาออกไปเป็นวันที่ 21 ต.ค.นี้เวลา 14.00 น. ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีการพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2542 มาตรา32 วรรค 2
โดยให้ออกหมายจับจำเลยทั้งสองมาฟังคำพิพากษา ทั้งนี้ศาลยังได้อ่านคำวินิจฉัยศาลรธน.ที่ 11/2551 ให้อัยการโจทก์ทราบด้วย กรณีที่จำเลยทั้งสองขอให้ศาลฎีกาฯส่งเรื่องให้ศาลรธน.วินิจฉัยว่า พ.รบ.ว่าด้วยปปช.ฯ มาตรา 4 ,100 และ 122 ที่ยื่นฟ้องคดีขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติรธน.หรือไม่ ซึ่งศาลรธน.มีคำวินิจฉัยว่า พ.ร.บ.ปปช.ดังกล่าว ไม่ขัดหรือแย้งต่อรธน. พ.ศ.2550 มาตรา 26-30 และ 43