คอลัมน์ : บทบรรณาธิการ
สถานการณ์รุมล้อมทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ส่งผลกระทบเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อม อย่างที่หลายฝ่ายรู้ๆ กันดีว่าไม่ได้เกิดโดยธรรมชาติ แต่มีการจงใจทำให้เกิดขึ้นโดยมีผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
บนความพัฒนาของสถานการณ์วันนี้ เจาะลึกชอนไชเข้าไปสู่รากฐานทางสังคมมาก เข้าถึงรากลึกของสังคม จนขณะนี้กลายเป็นปัญหาความมั่นคงของชาติไปเสียแล้ว
ความแตกแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่าย อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประเทศชาติบ้านเมือง จนยากจะเยียวยาแก้ไขปัญหา
มีการแบ่งข้างผู้คนในชาติ ด้วยสีหลากหลายสี
มีการอ้างสถาบันสูงสุดของชาติกันอย่างไม่ละอายปาก
ดังบทพระราชนิพนธ์ของล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ได้ประพันธ์เอาไว้
“ชาติใดไร้รักสมัครสมาน
จะทำการสิ่งใดก็ไร้ผล
แม้ชาติย่อยยับอับจน
บุคคลจะสุขอยู่อย่างไร”
วันนี้ความแตกแยกในบ้านเมือง หยังลึกไปถึง บ้านเมืองไทย “วิกฤติหนัก” ลุกลามเข้าไปถึงสถาบันครอบครัว ผัวเมียนอนคุยเรื่องการเมืองกันไม่ได้ ต้องนอนหันหลังให้กัน ทั้งที่กินข้าวหม้อเดียวกัน
คนในที่ทำงานแบ่งข้างแบ่งขั้วกันอย่างชัดเจน ตกเย็นรีบ แพ็กของ นัดแนะกันไปชุมนุมใน ทำเนียบรัฐบาล ที่สนามหลวง ที่ท่าน้ำนนทบุรี จนดึกดื่น กลับบ้านได้พักผ่อนน้อยนิด ต้องงัวเงียขึ้นมาทำงานทำการกัน
วันนี้แม้มีการยกเลิก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ขณะที่ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นยังไม่มีท่าทีจะยุติได้ง่ายๆ แม้มีข้อเสนอเรื่องการ นิรโทษกรรมให้กับ 9 แกนนำพันธมิตรฯ และนักการเมือง 111 คนของพรรคไทยรักไทย
แต่...ข้อเสนอนี้กลับถูกปัดทิ้งไปอย่าง...ไม่ใส่ใจ...ไยดี ในการ สร้าง...สันติ...ความปรองดอง ของคนในชาติแต่อย่างใด
มีการสร้างเงื่อนไขใหม่ ข้อเสนอใหม่จาก “การเมืองใหม่ 30 : 70” แล้วท้ายที่สุดเมื่อสังคมไม่ยอมรับจึงเปลี่ยนวาทกรรมใหม่เป็น “รัฐบาล-สภา ประชาภิวัตน์” ผลิตวาทกรรมการเมืองใหม่ แต่เนื้อคิดใจความยังเหมือนเดิม คือ ไม่ยอมรับการเมืองระบบตัวแทนซึ่ง ไม่มีเหตุผลทางวิชาการมารองรับแต่อย่างใดทั้งสิ้น ผิดหลักการประชาธิปไตยอย่างชัดแจ้ง
วันก่อนเพื่อนๆ ชวนไปพูดคุยเรื่องการเมืองที่ “ทำท่า-ทำทาง” ว่าจะวุ่นวายมากเข้าไปทุกขณะจิต เพราะเขากลัวกระทบไปถึงธุรกิจและการดำรงชีวิตในปกติ
ปัญหามา...ปัญญาเกิด...ดังนั้นจึงต้องแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ
ไปกินข้าวต้มรอบดึก เจอคนหนึ่งใส่เสื้อยืดเดินด้วยท่าทางสุดก๋ากั่น ทำเท่ซะไม่มี เพราะสกรีนข้อความด้านหน้าด้านหลัง ซึ่งเกี่ยวเนื่องเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวในกลุ่มที่บุกรุกทำเนียบรัฐบาลและสถานที่ราชการหลายแห่ง ทำตัวไม่ผิดแผกอะไรไปจาก “โจรกบฏ”
หัวหน้าเด็กเสิร์ฟ หมั่นไส้หนักถึงขนาดบ่นอุบว่า “ไอ้พวกทำบ้านเมืองวุ่นวาย”!!!
สถานการณ์รุมล้อมทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ส่งผลกระทบเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อม อย่างที่หลายฝ่ายรู้ๆ กันดีว่าไม่ได้เกิดโดยธรรมชาติ แต่มีการจงใจทำให้เกิดขึ้นโดยมีผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
บนความพัฒนาของสถานการณ์วันนี้ เจาะลึกชอนไชเข้าไปสู่รากฐานทางสังคมมาก เข้าถึงรากลึกของสังคม จนขณะนี้กลายเป็นปัญหาความมั่นคงของชาติไปเสียแล้ว
ความแตกแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่าย อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประเทศชาติบ้านเมือง จนยากจะเยียวยาแก้ไขปัญหา
มีการแบ่งข้างผู้คนในชาติ ด้วยสีหลากหลายสี
มีการอ้างสถาบันสูงสุดของชาติกันอย่างไม่ละอายปาก
ดังบทพระราชนิพนธ์ของล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ได้ประพันธ์เอาไว้
“ชาติใดไร้รักสมัครสมาน
จะทำการสิ่งใดก็ไร้ผล
แม้ชาติย่อยยับอับจน
บุคคลจะสุขอยู่อย่างไร”
วันนี้ความแตกแยกในบ้านเมือง หยังลึกไปถึง บ้านเมืองไทย “วิกฤติหนัก” ลุกลามเข้าไปถึงสถาบันครอบครัว ผัวเมียนอนคุยเรื่องการเมืองกันไม่ได้ ต้องนอนหันหลังให้กัน ทั้งที่กินข้าวหม้อเดียวกัน
คนในที่ทำงานแบ่งข้างแบ่งขั้วกันอย่างชัดเจน ตกเย็นรีบ แพ็กของ นัดแนะกันไปชุมนุมใน ทำเนียบรัฐบาล ที่สนามหลวง ที่ท่าน้ำนนทบุรี จนดึกดื่น กลับบ้านได้พักผ่อนน้อยนิด ต้องงัวเงียขึ้นมาทำงานทำการกัน
วันนี้แม้มีการยกเลิก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ขณะที่ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นยังไม่มีท่าทีจะยุติได้ง่ายๆ แม้มีข้อเสนอเรื่องการ นิรโทษกรรมให้กับ 9 แกนนำพันธมิตรฯ และนักการเมือง 111 คนของพรรคไทยรักไทย
แต่...ข้อเสนอนี้กลับถูกปัดทิ้งไปอย่าง...ไม่ใส่ใจ...ไยดี ในการ สร้าง...สันติ...ความปรองดอง ของคนในชาติแต่อย่างใด
มีการสร้างเงื่อนไขใหม่ ข้อเสนอใหม่จาก “การเมืองใหม่ 30 : 70” แล้วท้ายที่สุดเมื่อสังคมไม่ยอมรับจึงเปลี่ยนวาทกรรมใหม่เป็น “รัฐบาล-สภา ประชาภิวัตน์” ผลิตวาทกรรมการเมืองใหม่ แต่เนื้อคิดใจความยังเหมือนเดิม คือ ไม่ยอมรับการเมืองระบบตัวแทนซึ่ง ไม่มีเหตุผลทางวิชาการมารองรับแต่อย่างใดทั้งสิ้น ผิดหลักการประชาธิปไตยอย่างชัดแจ้ง
วันก่อนเพื่อนๆ ชวนไปพูดคุยเรื่องการเมืองที่ “ทำท่า-ทำทาง” ว่าจะวุ่นวายมากเข้าไปทุกขณะจิต เพราะเขากลัวกระทบไปถึงธุรกิจและการดำรงชีวิตในปกติ
ปัญหามา...ปัญญาเกิด...ดังนั้นจึงต้องแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ
ไปกินข้าวต้มรอบดึก เจอคนหนึ่งใส่เสื้อยืดเดินด้วยท่าทางสุดก๋ากั่น ทำเท่ซะไม่มี เพราะสกรีนข้อความด้านหน้าด้านหลัง ซึ่งเกี่ยวเนื่องเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวในกลุ่มที่บุกรุกทำเนียบรัฐบาลและสถานที่ราชการหลายแห่ง ทำตัวไม่ผิดแผกอะไรไปจาก “โจรกบฏ”
หัวหน้าเด็กเสิร์ฟ หมั่นไส้หนักถึงขนาดบ่นอุบว่า “ไอ้พวกทำบ้านเมืองวุ่นวาย”!!!