WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, September 18, 2008

ประณามพธม.ป่าเถื่อนตื้บคนสลบกลางถนน


สังคมประณามพันธมิตรฯ สุดเถื่อน หลังช่อง 7 สี เผยแพร่คลิปประจาน ม็อบนับสิบใส่กุญแจมือรุมกระทืบคนกลางถนนราชดำเนินกลางวันแสกๆ ระบุลากตัวไปประเคนไม้เบสบอลจนน่วมไปทั้งตัวแล้วรอบหนึ่งใน สน.พันธมิตรฯ แต่ผู้บาดเจ็บหนีออกมาได้ เลยถูกล่าตัวไปกระทืบซ้ำ พบอาการสาหัส ข้อมือหัก สมองบวม มีรอยช้ำทั่วร่างกาย เก็บตัวเงียบไม่กล้าออกจากบ้านหวั่นถูกทำร้าย เพราะม็อบชั่วข่มขู่เอาชีวิต คอลัมนิสต์ดัง “ฉลามเขียว” เตือนคนคิดออกไปชุมนุม ทำเนียบวันนี้คือดินแดนป่าเถื่อน

เหตุการณ์ความดิบ เถื่อน ของกลุ่มการ์ดพันธมิตรฯ ที่ทำร้าย ข่มขู่ ผู้สื่อข่าวและผู้ชุมนุมที่สงสัยว่าจะเป็นฝ่ายตรงกันข้ามด้วยความรุนแรงได้เกิดขึ้นเป็นรายวัน หลังจากกรณีล่าสุดมีทั้งการตะคอกใส่นักข่าวสาวจากมติชน พร้อมกับการฉุดกระชากทั้งที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ หรือจะเป็นกรณีช่างภาพข่าวสดที่ถูกหิ้วปีกไปสอบสวน หรือรถโมบายของบางกอกโพสต์ที่ถูกกลุ่มคนติดอาวุธล้อมกรอบมาแล้วถึง 3 ครั้ง 3 หน

ช่อง7แพ่รภาพม็อบตื้บคนกลางถนน
ล่าสุดเมื่อเย็นวันที่ 17 กันยายน ที่ผ่านมา ยังได้ปรากฏภาพข่าวทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 เผยแพร่ภาพเหตุการณ์ การ์ดพันธมิตรฯ หลายสิบคน บนสะพานมัฆวานฯ กำลังรุมทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่งลักษณะอ้วน ผิวเข้ม ที่ไม่มีทางสู้ อย่างโหดเหี้ยมอำมหิต

โดยมีการเปิดเผยจากจักรยานยนต์รับจ้างในบริเวณดังกล่าวว่ากลุ่มนักเลงมัฆวานฯ ในชุดผ้าพันคอสีเหลือง ยังมีอาวุธปืนยาวด้วย และเมื่อกลุ่มโจรดังกล่าวรู้ตัวว่ากำลังถูกถ่ายภาพก็เอาผ้าพลาสติกมาบังไว้ และยังคงดำเนินการอุกอาจต่อไป

อย่างไรก็ตาม มีรายงานจากผู้ประสบเหตุว่าหลังจากถูกรุมยำจนสลบแล้ว ได้มีผู้เห็นเหตุการณ์เข้ามาดูแล เปลี่ยนเสื้อที่ชุมโชกไปด้วยเลือด และส่งขึ้นรถแท็กซี่ไปยังโรงพยาบาลเอกปทุม จ.ปทุมธานี โดยทราบในเบื้องต้นว่ามีข้อมือหักและบาดแผลฉกรรจ์ทั่วร่างกาย

ในเวลาต่อมา “ประชาทรรศน์” ได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่วิทยุชุมชนคนแท็กซี่ว่าพบตัวผู้ที่ถูกทำร้ายจากเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว ทราบชื่อว่า นายโกศล ธีระธรรมกรณ์ อายุ 42 ปี ประกอบอาชีพเป็นลูกจ้างบริษัทแห่งหนึ่ง เช่าบ้านอยู่กับลูกสาว 1 คน ได้กลับไปพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านเช่าในย่านบางบอนแล้ว แต่ยังช่วยตัวเองได้ไม่มากนักและมีอาการหวาดผวา จึงติดต่อขอสัมภาษณ์

แค่ชูป้ายต่อต้านการยึดทำเนียบ
นายโกศล เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกือบเอาชีวิตไม่รอดให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยออกมาร่วมต่อต้านระบอบเผด็จการที่ท้องสนามหลวง ในช่วงสมัยรัฐบาลนายกรัฐมนตรี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ หลายครั้ง โดยหลังจากนั้นได้กลับไปอยู่ที่บ้านเกิด จนเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2551 จึงได้ย้ายกลับมาเช่าบ้านที่กรุงเทพฯ เพื่อทำงาน ซึ่งได้ติดตามข่าวสารการเมืองรวมไปถึงพฤติกรรมของกลุ่มพันธมิตรฯ อยู่เป็นระยะ จนทำให้ตนรู้สึกว่าอยู่เฉยไม่ได้แล้ว

จนเมื่อวันอาทิตย์ 14 กันยายน ที่ผ่านมา ตนได้ยื่นถือป้ายประท้วงใล่พันธมิตรฯ คนเดียว เพื่อต้องการให้รู้ว่ายังมีประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับพันธมิตรฯ อยู่อีก 1 คน ในตอนแรกที่ตนได้ไปยื่นถือป้ายได้มีกลุ่มการ์ดพันธมิตรฯ ที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์คนเข้าออกประมาณ 6 คน ออกมาตะโกนถามว่า มึงเป็นพวกไหน ใครเป็นคนจ้างมา พร้อมกับแย่งกระเป๋าถือของตนไปตรวจสอบ ตนจึงตอบไม่ได้ว่าเป็นพวกใคร มาคนเดียว เพียงแต่ว่าที่มาเพื่อต้องการให้บ้านเมืองสงบ

กลุ่มการ์ดได้แย่งแผ่นป้ายของตนไปพร้อมกับขู่ว่าอย่ามาให้เห็นหน้าอีก ตนจึงได้รีบแยกตัวออกมาเพื่อจะขึ้นรถกลับ โดยก็คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น

ใส่กุญแจมือรุมกระทืบจนสลบ
หลังจากนั้นตนจึงได้เดินมาขึ้นรถที่ป้ายรถเมล์ บริเวณสนามม้านางเลิ้ง แต่มีกลุ่มชายลึกลับตรงเข้ามาล็อกคอตน และบีบคอจนทำให้ตนสลบไป แล้วนำตัวขึ้นรถกระบะ พาวนรถไปที่ไหนตนก็จำไม่ได้ แต่ตอนที่ตื่นขึ้นมาบนรถกระบะ ได้ถูกชายที่นั่งอยู่บนรถรุมทำร้ายจนทำให้รู้สึกเวียนศีรษะ เพราะถูกตีด้วยไม้เบสบอลทั้งตัว และถูกกระทืบจนข้อมือหัก แล้วถูกจับคลุมด้วยถุงผ้าสีดำ เพื่อไม่ให้ตนจำได้ว่าเป็นใครบ้างที่ทำร้ายตน และไม่ต้องการให้ตนจำสถานที่ได้

โดยหลังจากนั้น ตนถูกจับใส่กุญแจมือและลากตัวกลับเข้ามาบริเวณข้างป้อมตำรวจที่ไหนสักแห่งภายในทำเนียบรัฐบาล ซึ่งตนสังเกตเห็นป้ายกระดาษเขียนว่า สน.พันธมิตรฯ พอมาถึงในห้องที่มีการ์ดพันธมิตรฯ อยู่กันในห้องประมาณ 6-7 คน พวกที่จับตนมา นำตนมาทิ้งไว้ แล้วมีพวกที่อยู่ในห้องตรงเข้ามาฟาดด้วยไม้เบสบอลและเตะใส่อย่างไม่ยั้ง พร้อมกับตะโกนถามเป็นพวกไหน ใครจ้างมา พร้อมทั้งให้ตนเลือกว่าจะอยู่ข้างไหน

มีการเช็กเบอร์โทรศัพท์ของตนเอาไว้ และบัตรประจำตัวประชาชนหายไปไหนก็ไม่รู้ อีกทั้งยังถ่ายรูปตนเอาไว้อีกด้วย จนทำให้ทุกวันนี้ตนไม่กล้ารับโทรศัพท์หมายเลขแปลกๆ เลย และไม่กล้าออกไปไหน เพราะกลัวโดนขู่ทำร้ายอีก

อุกอาจลากตัวกระทืบซ้ำจากเขตทหาร
นายโกศล เล่าต่ออีกว่า นอกจากจะโดนซ้อมแล้วยังข่มขู่ตนด้วยว่า จะเอาไปทิ้งให้จระเข้กินบ้างหรือจะเอาทิ้งแม่น้ำบ้าง หากตนไม่ยอมบอกและไม่ยอมเลือกว่าจะเข้าข้างใคร ตนกลัวมากจึงต้องแกล้งสลบไป เพราะไม่อยากจะเผชิญกับความหวาดกลัวในขณะนั้น ซึ่งตนคิดว่าจะไม่มีโอกาสรอดกลับมาเห็นหน้าลูกได้อีกแล้ว

หลังจากโดนรุมซ้อมอยู่นาน และตนได้แกล้งสลบไปมาอยู่หลายครั้ง ตนสังเกตเห็นว่ามีทางหนีจึงได้รอโอกาสที่พวกการ์ดเผลอ แล้ววิ่งหนีออกมาโผล่ตรงบริเวณทางออกที่ใกล้กับ ตึกกองบัญชาการทหารสูงสุด ตนจึงได้วิ่งเข้าขอความช่วยเหลือกับทหารที่ยืนเฝ้ายามอยู่หน้าประตูใหญ่ แต่กลับไม่ได้รับความสนใจใด ๆ

ซึ่งขณะนั้นมีกลุ่มการ์ดวิ่งตามมาประมาณ 6 คน ตนจึงตกใจวิ่งหนีขึ้นไปบนชั้น 2 ของตึก เพื่อขอความช่วยเหลือแต่ก็ไม่ได้รับการช่วยเหลืออะไรเลย ตนจึงถูกจับตัวได้อีกครั้ง แล้วโดนจับใส่กุญแจมือลากตัวมาซ้อมอีกครั้งบริเวณสะพานมัฆวานฯ พร้อมกับตะโกนบอกว่า คิดหรือว่าทหารจะช่วยมึงได้ ทหารไม่ใช่พวกของมึง ซึ่งหลังโดนซ้อมอยู่สักพักก็มีหน่วยแพทย์ของพันธมิตรฯ วิ่งเข้ามาบอกกับพวกการ์ด ว่าพอได้แล้ว เดี๋ยวมันก็ตายพอดี จึงถูกลากตัวกลับเข้ามาที่เดิมอีกครั้ง

ชุมชนคนแท็กซี่รับเป็นสื่อช่วยเหลือ

หลังจากที่ได้หน่วยแพทย์เข้ามาปฐมพยาบาลเบื้องตนเล็กน้อย ก็มีกลุ่มคน มารุมถามตนว่าเป็นอย่างไรบ้าง เจ็บตรงไหนอีก ไหวหรือไม่ ตนก็ตอบไปว่ายังไหวอยู่ พร้อมกับมีคนมาค่อยถามว่าเป็นพวกไหน ทำไมถูกโดนทำร้าย ใช่พวก นปช. หรือเปล่า จึงทำให้ตนรู้สึกงงมาก มาคิดได้ตอนหลังคงจะเป็นพวกที่เข้ามาปลอบแล้วชวนเป็นพวกพันธมิตรฯ

หลักจากนั้นมีผู้ชายคนหนึ่ง เอาเสื้อเหลืองมาให้ตนใส่ เอาเสื้อที่เปื้อนเลือดของตนไป พร้อมทั้งให้เงินอีก 200 บาท และเรียกรถแท็กซี่ ให้ไปส่งตนที่โรงพยาบาล เอกปทุม

เหตุการณ์ทำให้ตนหวาดกลัวผู้คนมาก จนไม่กล้าไปทำงานและถึงจะไม่กลัวตนก็คงไปทำงานไม่ไหว จนทำให้ตนต้องออกจากงานอยู่บ้านเฉย ๆ

ด้าน คุณสาวหวังน้อย (นามแฝง) เจ้าหน้าที่วิทยุชุมชนคนแท็กซี่ เล่าให้ฟังว่า ทางเจ้าหน้าที่เดินทางไปเยี่ยมนายโกศล พบว่ามีอาการบาดเจ็บข้อมือหัก มีบาดแผลฟกช้ำตามตัว ใบหน้า และหลัง มีรอยถูกบีบคอจนเห็นได้ชัด จึงได้ให้การช่วยเหลือเบื้องต้นไปบ้างแล้ว

โดยผู้ต้องการให้ความช่วยเหลือนายโกศล ก็สามารถติดต่อผ่านทางวิทยุชุมชนคนแท็กซี่ ได้ โดยระบบจะเป็นคนกลางให้ ที่หมายเลข 0-2617-7118-9

ระวัง! ทำเนียบวันนี้คือแดนเถื่อน
ขณะเดียวกันคอลัมนิสต์ “ฉลามเขียว” หนังสือพิมพ์บ้านเมือง ก็เขียนถึงเหตุการณ์ถูกถ่ายทอดทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 ว่าเหตุการณ์ที่ปรากฏขึ้นเป็นความโหดเหี้ยมอำมหิตมาก อยากให้ช่อง 7 นำภาพเหตุการณ์นี้มาฉายซ้ำๆ ให้คนไทยที่ยังไม่ได้ดู ได้เห็นให้คาตาว่าการ์ดพันธมิตรฯ ทารุณโหดร้ายป่าเถื่อนขนาดไหน

พร้อมระบุว่าก่อนหน้านี้ ช่อง 7 ก็เป็นทีวีช่องเดียวที่บันทึกภาพเหตุการณ์ตำรวจจับการ์ดพันธมิตรฯ ที่นั่งอยู่ในรถหลังสถานีรถไฟบุรีรัมย์ กำลังเสพยาบ้า หนังสือพิมพ์ข่าวสด ก็เพิ่งเผยแพร่รูปขายหลอดแก้วเสพยาไอซ์ในม็อบทำเนียบรัฐบาล แถมช่างภาพ นสพ.ข่าวสด ก็เพิ่งโดนหิ้วไปขู่ โดยได้ฝากเตือนผู้ที่คิดจะไปร่วมการชุมนุมว่าต้องคิดให้ดีเพราะเป็นพื้นที่อันตราย สำหรับทั้งผู้ชายและผู้หญิง ถ้าเกิดโชคร้ายการ์ดพันธมิตรฯ สงสัยขึ้นมาว่าจะเป็นฝ่ายตรงข้ามแทรกซึมเข้าไปแล้วจะไม่มีโอกาสอธิบาย เพราะจะโดนทำร้ายเสียก่อน

พร้อมกับลงท้ายไว้อย่างน่าสนใจ “ขอให้คนดีๆ ที่กำลังคิดจะไปชุมนุมในทำเนียบรัฐบาลคิดให้มากๆ เสียก่อน ทำเนียบรัฐบาลไทย เวลานี้คือดินแดนป่าเถื่อน”

สื่อวอล์กเอาต์-ไม่ทำข่าว"ยะใส"
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ต่อมาเวลา 19.00 น. วันเดียวกัน กลุ่มผู้สื่อข่าวที่ไปรอการแถลงข่าวของ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานกลุ่มพันธมิตรฯ ด้านหลังเวทีสะพานมัฆวานฯ ซึ่งเป็นสถานที่แถลงข่าวเป็นประจำทุกวัน กลุ่มผู้สื่อข่าวและช่างภาพจำนวนมากได้นั่งรอนายสุริยะใสอยู่นาน เพราะนายสุริยะใสเอาแต่ยืนแจกลายเซ็นและถ่ายภาพพูดคุยกับบรรดาผู้ชุมนุมที่มาพบ ไม่สนใจกลุ่มผู้สื่อข่าว และไม่มีท่าทีว่าจะเริ่มการแถลงข่าว

ดังนั้นกลุ่มผู้สื่อข่าวจากสถานีโทรทัศน์ทั้งหมดและหนังสือพิมพ์ส่วนใหญ่จึงได้หารือกันว่าจะไม่นำเสนอการแถลงข่าวของนายสุริยะใสในวันนี้ และตัดสินใจวอล์กเอาต์ พากันเก็บกล้องและขาตั้งกล้องออกจากสถานที่แถลงข่าวทันที ขณะที่ยังมีหนังสือพิมพ์บางฉบับรอทำข่าวอยู่

ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่าแกนนำพันธมิตรฯ เริ่มขัดขากันเอง โดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ หักหน้า นายสุริยะใส กตะศิลา ประกาศไม่เจรจากับรัฐบาล ระบุเงื่อนไข 5 ข้อของสุริยะใสแค่ความเห็นส่วนตัวไม่ใช่มติพันธมิตรฯ ปักธงค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขับไล่รัฐบาลพลังประชาชนออกสถานเดียว แถมยังด่าสื่อบิดเบือนข่าว กล่าวหาทำโต๊ะทำเนียบพัง ยกเอเอสทีวีสื่อเดียวเพื่อประชาชน