“สมชาย วงศ์สวัสดิ์” แถลงยกเลิกใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ระบุสถานการณ์ขัดแย้งในบ้านเมืองคลี่คลายลงแล้ว แต่วอนให้ทุกฝ่ายเคารพกฎเกณฑ์ กติกา อยู่ภายใต้กฎหมาย และหันหน้าเข้าหากันเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาชาติบ้านเมือง และทำเพื่อถวายพระเจ้าอยู่หัว อีกทั้งบ้านเมืองกำลังจะมีงานสำคัญที่ต้องการความร่วมมือจากหลายฝ่าย ขณะที่ภาคธุรกิจขานรับเชื่อกระตุ้นเศรษฐกิจดีขึ้น
ในที่สุดการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน ที่มีประชาชนผู้บริสุทธิ์ ต้องเสียชีวิตจากน้ำมือของกลุ่มคนผ้าพันคอสีเหลืองที่ทำตัวเป็นนักเลงใหญ่คับบ้านคับเมืองอยู่ในขณะนี้ ก็มีอันต้องยุติลงแล้ว
โดยเมื่อเวลาประมาณ 11.15 น. วันที่ 14 กันยายน ที่ผ่านมา ที่กองบัญชาการกองทัพไทย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รักษาการนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ร่วมกันแถลงยกเลิกประกาศใช้ พ.ร.ก. ดังกล่าว โดยให้มีผลในทันที
ขัดแย้งลดลง-เลิกพรก.ฉุกเฉิน
นายสมชาย กล่าวว่า สถานการณ์ในวันนี้ ไม่ได้มีความรุนแรงหรือมีปัญหากระทบกระทั่งระหว่างพี่น้องประชาชนแล้ว ที่ออกมาเป็นการขัดแย้งทางความคิด เป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ในบ้านเมือง จากความขัดแย้งที่มีพ.ร.ก.ออกมา แต่ความขัดแย้งได้ลดลงไป ไม่มีความกระทบกระเทือนกับประชาชน
อย่างไรก็ตามอยากขอร้องให้ทุกฝ่ายดำเนินกิจการใดๆ ก็ตามอยู่ในกรอบกฎหมาย ประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คิดว่าเมื่อไม่มี พ.ร.ก. เมื่อยกเลิกไปแล้ว พี่น้องทุกฝ่ายต้องหันหน้าเข้าหากัน ความขัดแย้งทางความคิดทุกอย่างต้องจบไปด้วยเหตุผล ซึ่งเป็นเหตุผลที่ดีที่สุด ไม่ใช่การชนะของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือพ่ายแพ้ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ต้องเคารพกฎหมาย-หันหน้าหากัน
ความขัดแย้งทางความคิดต้องใช้เหตุผลวิจัย วิเคราะห์ซึ่งกันและกัน ตนเคารพในความคิดของทุกฝ่ายทุกคน หากหันหน้าเข้าหากัน สุดท้ายผู้ที่ได้รับชัยชนะคือประเทศชาติ และทุกๆ คน ที่ผ่านมาบ้านเมืองบอบช้ำมากไม่ว่าเศรษฐกิจ สังคม ความแตกแยกของคนในชาติ ดังนั้นคิดว่าทุกฝ่ายต้องหันหน้าเข้าหากันเพื่อเยียวยาสิ่งเหล่านั้น
“แม้ว่าผมจะรักษาการก็ไม่ได้หมายความว่าจะเพิกเฉยตรงนั้น ผมคิดว่าเราต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างมีสติ คนไทยมีความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมที่ดีงาม รบราฆ่าฟันกันไปไม่มีประโยชน์ เรามีปัญหาต่างๆมากมาย เรามีปัญหาเศรษฐกิจ ความยากจนของพี่น้องประชาชนชน ภัยพิบัติ พี่น้องในต่างจังหวัดได้รับความเดือดร้อน ท่านทั้งหลายที่ขัดแย้งทางความคิดล้วนเป็นปัญญาชนน่าจะนำสิ่งเหล่านี้ไปแก้ปัญหาให้ประชาชน
ขอร้องให้เคารพกฎหมาย เหตุผล กติกา เราจะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ทั้งนี้เพื่อชาติ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันเป็นที่รักสูงสุดของพวกเรา จึงอยากให้พวกเรามุ่งสู่ความสงบสุข เรียบร้อย สมานฉันท์ และกลับไปสู่ความเป็นสยามเมืองยิ้ม ผมคิดว่าเราต้องเรียกร้องสิ่งนี้กลับมา ต่อจากนี้ไปหากเราได้ลดความรุนแรง เข้าใจซึ่งกันและกัน บรรยากาศจากนี้ไปจะเข้าสู่งานการถวายพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ จึงขอให้เรามุ่งไปทางนี้ และยังมีงานเฉลิมฉลองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"
ขอร้องทุกฝ่ายเห็นแก่บ้านเมือง
ผู้ชุมนุมเองขอให้ใช้เหตุผลไตร่ตรอง เราห่วงใยทุกๆ ท่าน ท่านที่ผ่านมาเราได้ยินว่าบางครั้งเจ็บป่วยไม่สบาย ถ้าออกมาอยู่ข้างนอกก็ไม่มีปัญหา เพราะข้างในนั้นเป็นสถานที่ราชการ ผมต้องขอขอบคุณทุกท่านทุกฝ่าย ท่าน ผบ.ทบ. ผบ.ตร. ที่ท่าน และหน่วยงานของท่านช่วยดูแลประชาชนทุกฝ่าย ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ร่วมกันทำงานเห็นแก่ประโยชน์ และผู้ชุมนุมอยากขอร้องให้ร่วมกันแก้ปัญหาให้ชาติบ้านเมือง มั่นใจว่าทุกฝ่ายเป็นคนไทยด้วยกัน เดินหน้าให้ประเทศชาติก้าวสู่ความเจริญรุ่งเรือง และหวังว่านับแต่นี้ต่อไปประเทศไทยจะเรียบร้อยขึ้น"
อย่างไรก็ดีนายสมชาย ปฏิเสธว่า การแถลงข่าวในครั้งนี้ไม่ได้เป็นไปเพื่อสร้างคะแนนนิยม หรือเป็นการสร้างภาพในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่กำลังจะมีขึ้น
นักวิชาการเชื่อส่งผลดี ศก.โดยรวม
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิต กล่าวว่าการที่ นายสมัคร สุนทรเวช ปฏิเสธรับตำแหน่งนายกฯนั้นจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจเพราะนายกฯคนใหม่คงจะเป็นคนที่ประนีประนอมกับประชาชน แต่ควรมีภาพลักษณ์ที่ซื่อสัตย์และมีความรู้ความสามารถทางการเมืองและเศรษฐกิจ
ทั้งนี้รัฐบาลควรนิรโทษกรรมให้กับแกนนำพันธมิตรในข้อหากบฏและ 111 กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยเพื่อลดความขัดแย้งทางการเมือง เพราะขณะนี้ได้ส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม นายอนุสรณ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่าการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นั้นจะช่วยให้การลงทุนในเศรษฐกิจโดยรวมปรับตัวได้ดีขึ้นและสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุนใหม่ที่เคยชะลอการลงทุนในประเทศไทย
นายนิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า กล่าวว่าการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะช่วยให้การท่องเที่ยวในประเทศดีขึ้น ส่วนด้านตลาดเงินตลาดทุนนั้นหุ้นคงปรับตัวได้สูงขึ้น
เชื่อส่งผลดีต่อท่องเที่ยวปลายปี
นายประภาส อินทนปสาธน์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานหาดใหญ่ เปิดเผยว่า สถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองในขณะนี้ส่งผลกระทบต่อภาวะการท่องเที่ยวใน จ.สงขลา ไม่มากนักเนื่องจากสัดส่วนของการจองห้องพักของโรงแรมต่าง ๆ ยังอยู่ที่ 70-80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับดี ที่สำคัญกลุ่มลูกค้าของ จ.สงขลา เป็นลูกค้าที่อยู่ชายแดนโดยเฉพาะมาเลเซีย ซึ่งสามารถเดินทางเข้ามาได้เอง
อย่างไรก็ตามการ ประกาศยกเลิก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ จะยิ่งทำให้นักท่องเที่ยวมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น และจะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวในช่วงสิ้นเดือนนี้ ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลฮารีรายอและตรุษจีน ทางด้านท่าทีของภาคธุรกิจท่องเที่ยวทุกกลุ่มใน จ.สงขลา ทั้งกลุ่มโรงแรมผู้ประกอบการ บริษัททัวร์ และมัคคุเทศก์ ต่างเห็นว่านี่คือข่าวดีของผู้ประกอบการท่องเที่ยวโดยเฉพาะใน จ.สงขลา ก็ได้เคยเสนอให้มีการยกเลิก พ.ร.ก. ดังกล่าวมาแล้ว โดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตามสิ่งที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวใน จ.สงขลา อยากให้เกิดขึ้นหลังจากนี้คือการเมืองคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นเพราะเป็นปัจจัยที่มีผลต่อความเชื่อมั่นการท่องเที่ยวในระยะยาว
หอการค้าฯเชื่อภาพลักษณ์ไทยดีขึ้น
นายดุสิต นนทะนาคร รองกรรมการประธานหอการค้าไทย กล่าวถึงการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ว่า ส่วนตัวถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะการประกาศยกเลิก พ.ร.ก. จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยวกลับมาดีขึ้น การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นบ่อนทำลายภาพลักษณ์ประเทศไทย ทำให้นักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในไทยไม่มั่นใจที่จะเข้ามาลงทุน โดยหลังจากนี้จะเป็นการคัดเลือกผู้ที่มีความเหมาะสมเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยปรากฏชื่อ 3 ส. ในส่วนของภาคเอกชนมองว่าคนไหนก็ได้ แต่ผู้ที่จะเข้ามาต้องประนีประนอมความแตกแยกให้น้อยลง และกลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว เพื่อจะได้เริ่มต้นกันใหม่
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องที่ดี แม้ว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะไม่เกิดความรู้สึกอะไร แต่ได้สร้างความเสียหายและขาดความมั่นใจของต่างชาติ เพราะต่างชาติจะมองประเทศไทยว่าเกิดปัญหาจลาจล ปัญหาสงครามทางการเมือง ซึ่งในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ตนได้เดินทางไปฟิลิปปินส์เจรจาขายข้าว ฟิลิปปินส์ก็มีการสอบถามปัญหาการเมืองไทย
ส.อ.ท.หนุน-เร่งแจ้งลูกค้าต่างชาติ
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ว่า เหมาะสมและจะส่งผลดีต่อทุกภาคส่วนโดยเฉพาะภาคธุรกิจท่องเที่ยว นักลงทุน คิดว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ คงพิจารณาความเหมาะสมแล้ว และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ก็ได้ส่งสัญญาณว่าควรยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินมาตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว การยกเลิกในครั้งนี้จะช่วยให้หลายฝ่ายสบายใจ ในส่วนของ ส.อ.ท.จะให้ทางสมาชิกแจ้งไปยังลูกค้าและพันธมิตรในต่างประเทศทราบว่าประเทศไทยได้มีการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้ว
นอกจากนี้ ทูตไทยและทูตพาณิชย์ตลอดจนหน่วยงานของไทยในต่างประเทศต้องประชาสัมพันธ์ชี้แจงให้ต่างประเทศทราบถึงสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศว่าสถานการณ์ได้สงบเรียบร้อยแล้ว และเมื่อมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่สถานการณ์ก็จะยิ่งดีขึ้น
การที่มีแนวโน้มว่านายกฯ จะมาจากพรรคพลังประชาชน นั้น นายกฯ ใหม่ต้องมีนโยบายที่ชัดเจน พร้อมกันนี้ จะต้องเจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯ ให้เกิดความสงบภายในประเทศโดยเร็วที่สุด
โบรกชี้ฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุน
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมวรรณ จำกัด กล่าวว่าการที่รัฐบาลประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นั้นทำให้นักลงทุนต่างประเทศเกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น ท่ามกลางความรู้สึกที่ไม่แน่นอนทางการเมือง หากยังบังคับใช้ต่อไปนักลงทุนอาจมองว่าสถานการณ์ความรุนแรงจะมีแนวโน้มขยายวงกว้างมากขึ้นแต่ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจไทย นอกจากการเมืองแล้วยังต้องพิจารณาเรื่องปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยด้วยเช่นกัน
นายสมจินต์ ยังกล่าวอีกว่าการที่ นายสมัคร สุนทรเวช ปฏิเสธการรับตำแหน่งนายกฯจะทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งลดลง ซึ่งนายกฯคนใหม่ควรแก่ประโยชน์โดยรวมเป็นหลักและหากรู้เรื่องเศรษฐกิจจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศ
ปชป.หนุนยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าพรรคเห็นด้วยกับการยกเลิก พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ตั้งข้อสังเกตว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รักษาการนายกฯและรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ที่ดำเนินการยกเลิกพระราชกำหนดนั้นมีเหตุผลทางการเมืองหรือไม่ ส่วนการจัดตั้งรัฐบาลจุดใหม่นั้นต้องตอบประชาชนให้ได้ว่าจะลดความขัดแย้งในสังคมได้อย่างไร โดยเฉพาะการยืนยันไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อหนีคดียุบพรรค ซึ่งอาจจะลดการเผชิญหน้าได้อีกทั้งต้องให้สัญญาประชาคมว่าจะไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมก่อนถึงศาลเพื่อช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และจะนำ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีเมื่อใด และต้องสัญญากับประชาชนว่าจะปลดชนวนความขัดแย้งอย่างไรบ้าง
นอกจากนี้โฆษกพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าขณะนี้ยังมีการดำเนินการของพรรคร่วมรัฐบาลที่เริ่มมีเงื่อนไขนำไปสู่ความขัดแย้งภายหลังการจัดตั้งรัฐบาลได้อีก แม้ นายสมัคร สุนทรเวช จะไม่รับตำแหน่งนายกฯแล้วก็ตามซึ่งทำให้เห็นเนื้อแท้พฤติกรรมทางการเมือง