ท่ามกลางความพยายามของทุกฝ่ายที่จะประนีประนอมเพื่อยุติปัญหาและสร้างสันติสุขในบ้านเมือง แต่กลุ่มพันธมิตรฯ ที่เป็นชนวนของปัญหามาตั้งแต่ต้น จน 9 ผู้นำถูกออกหมายจับในข้อหากบฏ กลับปฏิเสธการเจรจา ปฏิเสธทางออกของบ้านเมืองทุกแนวทาง โดยได้เปิดเผยธาตุแท้ออกมาให้เห็นกันชัดเจนแล้วว่า การเรียกร้องตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่แท้แล้วก็เพราะต้องการล้มล้างระบอบประชาธิปไตย สถาปนาการเมืองใหม่ ลิดรอนอำนาจของประชาชนในการเลือกตัวแทนเข้ามาบริหารบ้านเมือง
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า การยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในเขต กทม. นั้น เกิดจากความพยายามสร้างสถานการณ์ของรัฐบาล เมื่อรัฐบาลก่อเรื่องเองก็แล้วแต่รัฐบาลจะพิจารณา การยกเลิก พ.ร.ก. ไม่มีผลอะไรกับการชุมนุมของพันธมิตรฯ เพราะพันธมิตรฯ เชื่อว่าได้ชุมนุมอย่างถูกต้องมาตั้งแต่ต้น
ส่วนเรื่องรัฐบาลแห่งชาติยังเป็นรัฐบาลของนักเลือกตั้ง พันธมิตรฯ ไม่ยึดติดกับพรรคการเมืองใด และเห็นว่านักเลือกตั้งที่มีอยู่ควรยุติบทบาทการเมือง และเปิดโอกาสให้การเมืองใหม่เข้ามา การยุบสภาการเมืองยังอยู่ในวังวนเดิม เลือกตั้งใหม่ก็ได้คนเก่ากลับมา พันธมิตรฯ ยังคงยึดมั่นเรื่องการเมืองใหม่ ซึ่งตอนนี้ยังเป็นนามธรรมอยู่ จึงขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันคิดเพื่อให้เป็นรูปธรรม โดยคนไทยต้องยอมรับถึงสถานการณ์ที่เป็นอยู่ หากมีการเลือกตั้งใหม่จะได้นักเลือกตั้งคนเดิม จึงต้องมีการเมืองใหม่ที่มีตัวแทนของสาขาอาชีพเข้าไปเป็นตัวแทน
ด้าน นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงถึงกรณีที่มีผู้เสนอให้ยกเลิกข้อหากบฏกับ 9 แกนนำพันธมิตรฯ แลกกับการนิรโทษกรรม 111 อดีต กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยว่า ความคิดดังกล่าวเป็นความคิดที่โง่และบ้า เพราะในกรณีของ 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เป็นเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยถึงที่สุดแล้ว โดยมีความชัดเจนว่ามีการโกงการเลือกตั้ง ส่วนกรณีของ 9 แกนนำพันธมิตรฯ เป็นข้อหาที่ยังไม่ได้พิสูจน์ และจะมีการอุทธรณ์จึงนำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้
ส่วน นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวย้ำไม่ยอมรับนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคพลังประชาชน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม พร้อมระบุพันธมิตรฯ จะไม่ยุติการเคลื่อนไหว จนกว่าทุกพรรคการเมืองจะยอมรับและมาร่วมผลักดันการเมืองใหม่ตามแนวคิดของพันธมิตรฯ ให้เกิดขึ้น
นายสนธิ ยังได้เปิดประเด็นหนทางสู่การเมืองใหม่ โดยเสนอเบื้องต้นให้คงไว้เฉพาะสมาชิกวุฒิสภา และให้ใช้อำนาจตุลาการยุบสภา เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ตามกระบวนการสรรหาที่ต่างไปจากปัจจุบัน เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้าไปเป็น ส.ส.
ทั้งนี้ ในขณะนี้กลุ่มแกนนำพันธมิตรฯ ได้ประกาศบนเวทีตลอดเวลาว่าจะไม่รับเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น โดยปลุกระดมผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่องว่า หนทางสู่การเมืองใหม่ใกล้จะประสบความสำเร็จแล้ว ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก เพราะผู้ชุมนุมเองก็ยังไม่เข้าใจเงื่อนไขที่แฝงเร้นของเรื่องดังกล่าว โดยที่ก่อนหน้านั้นนักวิชาการ ผู้รู้ และนักการเมืองหลายคน ก็ได้ออกมาชี้ให้เห็นแล้วว่าแนวคิดดังกล่าวขัดต่อหลักการของระบอบประชาธิปไตย ในเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชน เป็นการลิดรอนบทบาทของประชาชนในการมีส่วนร่วมปกครองบ้านเมือง ทั้งที่ตลอดเวลาที่ผ่านมารัฐธรรมนูญพยายามให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมให้มากที่สุด
ขณะเดียวกัน ที่พันธมิตรฯ คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่การดำเนินการตามแนวทางของพันธมิตรฯ ก็จะต้องมีการแก้ไขเช่นเดียวกัน และจะถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองอีกครั้งหนึ่งของบ้านเมืองเลยทีเดียว แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงในลักษณะถอยหลังเข้าคลอง และสุ่มเสี่ยงที่คนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดจะสถาปนาอำนาจเพื่อตัวเองและพวกพ้องได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด