“รองโฆษกตำรวจ” เผยตั้งชุดเฉพาะกิจจับตาใกล้ชิด 9 กบฏพันธมิตรฯ หากออกมาจากทำเนียบรัฐบาลเมื่อใดจับกุมทันที ย้ำมีอายุความ 20 ปี จับช้าหน่อยก็ยังไม่สาย เพราะหวั่นจับกุมตอนนี้จะเกิดการสูญเสีย “จงรัก” ย้ำให้เลิกทำผิดกฎหมาย แม้จะยืนยันใช้ความนุ่มนวลแต่ถ้าเป็นสถานที่ราชการก็เตรียมพร้อมอุปกรณ์ปราบจลาจลครบมือ
พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) ในฐานะรองโฆษกตร. กล่าวถึงกรณีการดำเนินการจับกุม 9 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตามข้อหากบฏว่า บุคคลที่ต้องจับตามประกาศสืบจับ ถ้ามีโอกาสจับได้ ต้องจับแน่นอน คดีนี้มีอายุความ 20 ปี ถ้าหากเข้าไปจับแล้วเกิดความสูญเสีย ก็รอได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีการตั้งชุดเฉพาะกิจขึ้นมาติดตามการเคลื่อนไหวของ 9 แกนนำพันธมิตรฯที่ถูกออกหมายจับตลอดเวลา หากออกมานอกทำเนียบรัฐบาลเมื่อไรและไม่เกิดการกระทบกระทั่งจะเข้าทำการจับกุมทันที โดยขอยืนยันว่าทางตำรวจไม่ได้ละเลยการบังคับใช้กฎหมายอย่างที่หลายฝ่ายจับตามองแน่นอน
ส่วนกลุ่มแนวร่วมประชาธิไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ประกาศนัดรวมพลใหญ่ในวันที่ 19 ก.ย.นนี้ ภายหลังการประกาศยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า การดำเนินกิจกรรมทางการเมืองโดยการชุมนุมนั้น สามารถกระทำได้ถือเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามหากมีการกระทบกระทั่ง ก็ถือเป็นปัญหาบ้านเมือง จึงจำเป็นที่จะต้องพูดคุยเพื่ออย่าให้เกิดการกระทบกระทั่ง โดยนำบทเรียนที่เคยเกิดขึ้นมาพิจารณา
อย่างไรก็ตาม ทางแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม ก็ต้องคำนึงถึงชีวิตคนที่มาร่วมชุมนุมด้วย การที่จะมาดำเนินกิจกรรมทางการเมืองแล้วไม่รับประกันความรุนแรง อยากฝากว่าผู้ที่มาร่วมการชุมนุมนั้นเขาไม่ได้มาเพื่อได้รับบาดเจ็บหรืออันตรายถึงชีวิต เพราะเขายังมีครอบครัว ลูกหลานที่ต้องดูแล จึงอยากฝากให้คำนึงถึงด้วย ต้องพยายามพูดคุยว่าเป้าหมายทางการเมืองที่ต้องการนั้นคืออะไร
ขณะเดียวกัน พล.ต.อ. จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการแทน ผบช.น. ได้เรียกประชุมนายตำรวจระดับรอง ผบช.น. ,ผบก.น.1-9 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสรุปและประเมินสถานการณ์การชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ปักหลักชุมนุมบริเวณทำเนียบรัฐบาล
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า หลังมีการยกเลิก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ทางตำรวจยังคงใช้กำลังในการดูแลความสงบเรียบร้อยไว้จำนวน 15 กองร้อย หรือ 2,250 นาย และยังมีกำลังสนับสนุนจากทหารอีกจำนวนหนึ่ง เตรียมพร้อม ณ ที่ตั้ง ซึ่งสามารถออกปฏิบัติการได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวต่อว่า ส่วนการชุมนุมนั้นอยากเรียกร้องให้ผู้ชุมนุมทุกกลุ่มชุมนุมกันโดยสงบปราศจากอาวุธและขอร้องทุกฝ่ายเคารพต่อกฎหมาย เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง และอยากขอร้องไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนไหวไปตามท้องถนนเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกัน
“ตำรวจจะยังใช้มาตรการเดิม คือใช้ควมนุ่มนวล ไม่ใช้ความรุนแรงเป็นอันขาด โดยตำรวจจะใช้โล่ในการป้องกันตนเองเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่มีการใช้กระบองหรืออุปกรณ์ปราบจลาจลโดยเด้ดขาด เว้นแต่การป้องกันการบุกรุกภายในสถานที่ราชการเท่านั้น ซึ่งตำรวจมีหน้าที่ที่จะป้องกันการบุกรุกและทำลายทรัพย์สิน ซึ่งตำรวจที่ทำหน้าที่เฝ้าสถานที่ราชการจะมีเครื่องมืออุปกรณ์การปราบจลาจลครบมือ เพื่อป้องกันสถานที่ราชการ” พล.ต.อ.จงรัก กล่าว