คอลัมน์ : บทบรรณาธิการ
การร่วมตัวเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย โดยไม่เคารพสิทธิของผู้อื่น ทำผิดกฎหมายบ้านเมือง ละเมิดอำนาจศาล ไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
พร้อมกับประกาศว่า ต้องการที่จะสร้างระบอบการเมืองใหม่ขึ้นในราชอาณาจักรไทย โดยเสนอรูปแบบ 70 : 30 คือ ให้มีการเลือกตั้งบุคคลที่จะเข้ามาบริหารประเทศเพียง 30% อีก 70% ให้มาจากการแต่งตั้ง
โดยอ้างว่าการเมืองในปัจจุบันเป็นระบบการเมืองอุบาทว์ ผูกขาด จากนักเลือกตั้งในพื้นที่เขตเลือกตั้งและนายทุน ที่ยังคงเต็มไปด้วยปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง ทุจริตการเลือกตั้ง ใช้อิทธิพลและระบบอุปถัมภ์ เข้ามาแทรกแซงผลการเลือกตั้ง
ข้ออ้างดังกล่าว สะท้อนตัวตนที่แท้จริงว่าคนกลุ่มนี้ ยังคงฝักใฝ่เผด็จการ ไม่เคารพการตัดสินใจของประชาชนส่วนใหญ่ ที่ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งแสดงเจตจำนงให้พรรคพลังประชาชน เข้ามาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
พันธมิตรฯ อย่าลืมว่า ทุกคนในประเทศไทย มีสิทธิ เสรีภาพเท่าเทียมกัน ทุกคนมี 1 สิทธิ 1 เสียง เท่ากัน แกนนำพันธมิตรฯ 5 คน ก็มีแค่ 5 เสียง ไม่ได้ใหญ่คับบ้านคับเมือง จะลุกขึ้นมาเรียกร้อง ให้คนไทยทั้งประเทศต้องทำอย่างนั้น อย่างนี้ไม่ได้ เพราะนั่น...คือนิสัยของพวกเผด็จการ
การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ต้องยอมรับเสียงของคนส่วนใหญ่ เพราะเป็นระบอบการปกครองที่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงแล้ว
การเมืองใหม่ 70 : 30 ไม่เพียงแต่ทำลายระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตย แต่นี่คือ ระบอบการเมืองอุบาทว์ และเลวร้ายที่สุด ไม่ต่างกับพวกเผด็จการที่ต้องการสืบทอดอำนาจ โดยอ้างการปฏิวัติของประชาชนอย่างหน้าด้านๆ
ถึงเวลาแล้วหรือยัง ประชาชนคนรากหญ้า ที่มีสิทธิ เสรีภาพ มี 1 สิทธิ 1 เสียง ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ พร้อมหรือยังที่จะลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิของท่านที่หย่อนบัตรเลือกคนเข้ามาบริหารประเทศ ตามระบอบประชาธิปไตย ไม่ให้ถูกพวกเผด็จการอันธพาลมารังแก!
ถ้าพร้อมแล้ว! จงลุกขึ้นเถิด ลุกขึ้นแสดงพลังแห่งมวลมหาประชาชน แสดงพลังเพื่อให้สมุนเผด็จการอย่างพันธมารรู้ว่าคนไทยส่วนมากไม่เอาการเมืองใหม่เฮงซวยอะไรนั่น