WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, September 16, 2008

ป.ป.ช.พิลึกกึกกือสอบคนร้องเรียน


* 4 คำถามย้อนศรอุ้ม “เป็ด” พิฆาต “วันชัย”

สุดพิลึกกึกกือ! ป.ป.ช. มีจดหมายย้อนศรกลับมาถึงมือเชือดเป็ด “วันชัย จงจรูญหิรัญ” ย้อนถามทุกข้อร้องเรียนว่ามีหลักฐานอะไรพิสูจน์ข้อกล่าวหา ทั้งที่ ป.ป.ช.มีหน้าที่สืบหาความจริงมาชี้แจงต่อสังคม และดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิด ผู้ประสานงาน PRAC ย้อน “ผมเป็นผู้ร้องเรียน” ตั้งข้อสงสัย ป.ป.ช.เล่นเกมอะไรอยู่ ร้องเรียนไปนานกว่า 4 เดือน เพิ่งมีจดหมายตอบกลับ แถมยังเหมือนแก้ต่างแทน “จารุวรรณ” ว่า “ฉันทำอะไรผิด” ด้าน “ความจริงวันนี้” บอกเห็นจดหมายแล้วโคตรฮา หวั่นพลิกเกมให้คนร้องกลายเป็นจำเลย แนะ “วันชัย” ถ้าเป็นไปได้ขนาดนี้หนีดีกว่า

* แนะ “มือเชือดเป็ด” ถ้าเพี้ยนขนาดนี้หนีดีกว่า
จากกรณีกลุ่มติดตามการปฏิรูปการเมืองและต่อต้านการคอร์รัปชั่น (PRAC) ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สอบสวนคุณหญิงจารุวรรณ เมฑาการ ผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ส่อว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายทุจริต ใช้อำนาจหน้าที่เพื่อหาผลประโยชน์ส่วนตัว และร่ำรวยผิดปกติ ไว้ตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ.25514 โดยตั้งข้อสงสัย 4 ประการ คือ1. ราคาการปลูกสร้างคฤหาสถ์ส่วนตัว ย่านปากเกร็ด 2.การที่มีผู้เสนอสินบนจำนวน 100 ล้านบาทแก่ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินโดยที่ยังไม่มีการดำเนินคดีความใดๆ 3. กรณีที่บุตรชาย และน้องสาว ของคุณหญิงจารุวรรรณ ซื้อที่ดินคนละ 1 แปลง และ 4.กรณีที่มีการสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ ใกล้กับบ้านพักของคุณหญิงจารุวรรณ ซึ่งได้มีการทำจดหมายทวงถามมาเป็นระยะ นั้น

ตกใจ!คำชี้แจงจากป.ป.ช.
ล่าสุดทางสำนักงาน ป.ป.ช. ได้มีหนังสือตอบกลับมาทางนายวันชัย จงจรูญหิรัญ หัวหน้ากลุ่มติดตามฯ ให้เข้าพบพนักงานสอบสวน ของ ป.ป.ช. เพื่อตอบคำถามถึงเหตุที่ต้องการให้สอบสวนเรื่องดังกล่าว และได้ตั้งคำถามย้อนกับทางกลุ่มว่า เป็นผู้ยื่นเรื่องร้องเรียนใช่หรือไม่ ซึ่งสร้างความงุนงงและสงสัยต่อกระบวนการขั้นตอนการสอบสวนของ ป.ป.ช. เป็นอย่างมาก

กรณีดังกล่าวได้ถูกตั้งข้อสังเกตในรายการความจริงวันนี้ คืนวันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน 2551 (อ่านรายละเอียดหน้า 2) ทางสถานีโทรทัศน์ NBT นำโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ ผู้ดำเนินรายการ พร้อมด้วย 2 ผู้ร่วมดำเนินรายการเจ้าประจำ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ จตุพร พรหมพันธุ์

โดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ระบุว่า หนังสือตอบรับจาก ป.ป.ช.ที่มีการชี้แจงความคืบหน้าการตรวจสอบพฤติการณ์ของคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ลงวันที่ 9 กันยายน 2551 ซึ่งลงนามโดย นายสมคิด สตภูมินทร์ รองเลขาธิการปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. ที่มีถึงนายวันชัย นั้น เมื่อได้พิจารณารายละเอียดภายในหนังสือชี้แจงของป.ป.ช.แล้ว ถึงกับตกใจ และประหลาดใจต่อหลักและหน้าที่ของคณะกรรมการป.ป.ช.อย่างยิ่ง

คำชี้แจง4ข้อชวนให้กังวล
พร้อมกับได้อ่านรายละเอียดคำชี้แจงของป.ป.ช. จำนวน 4 ข้ออย่างละเอียดว่า ข้อ1 กรณีที่คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกาได้ก่อสร้างคฤหาสถ์ ขนาดใหญ่ เนื้อที่ 1ไร่ พื้นที่ใช้สอย 1 พันตารางเมตร 8 ห้องนอน 8 ห้องน้ำ ภายหลังจากที่ได้รับตำแหน่งเป็นผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน นั้น ขอทราบรายละเอียดเพิ่มเติมว่าการได้ทรัพย์สินดังกล่าวมีพยานสนับสนุนหรือไม่ว่า ทรัพย์สินดังกล่าวได้มาโดยไม่สมควร สืบเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ หรือการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่

ข้อ 2 กรณีคุณหญิงจารุวรรณ ไม่ดำเนินคดีกับผู้เสนอให้สินบน 100 ล้านบาทตามที่ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวนั้น ขอทราบรายละเอียดเพื่มเติมว่า ผู้ใดคือผู้ที่ให้สินบนดังกล่าว มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา อย่างไร
ข้อที่ 3 กรณีนายกิตติวัฒน์ เมณฑกา บุตรชาย น.ส. บุษบา วรากรวรวุฒิ และ น.ส.อรทัย วรากรวรวุฒิ น้องสาวของ คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา มีชื่อเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 22611 22612 66213 ตามลำดับนั้น ขอทราบรายละเอียดเพิ่มเติมว่าคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา นั้นมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับที่ดิน 3 แปลงดังกล่าวอย่างไร

4 . กรณีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน โดยคุณหญิงจารุวรรณ เลือกที่ดินราชพัสดุ แปลงโรงงานสารส้ม ถ.ศรีสมาน ที่อยู่ในความดูแลของกรมธนารักษ์ เพื่อสร้างเป็นสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ ทั้งที่มีที่ดินราชพัสดุ แห่งอื่นที่เหมาะสมอีกจำนวนมากนั้น ขอทราบรายละเอียดเพิ่มเติมว่าที่ดินแปลงดังกล่าวไม่มีความเหมาะสมอย่างไร มีที่ดินราชพัสดุแปลงใดที่มีความเหมาะสม และมีความเหมาะสมอย่างไร

แนะ “วันชัย” อย่างนี้หนีดีกว่า
ซึ่งนายณัฐวุฒิ มองว่าจากรายละเอียดถ้อยคำจากหนังสือตอบรับของป.ป.ช. โดยเฉพาะกรณีที่ 2 มีการวิพากษ์กันอย่างน่าสนใจ นายวันชัย คงจะต้องรีบหลบหนีโดยเร็ว เนื่องจาก นี่คือภาระหนักที่ทางป.ป.ช.โยนให้ประชาชนเป็นผู้ทำการสอบสวนคุณหญิงจารุวรรณ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดวิสัย หากนายวันชัย หาพยานและหลักฐานเสริมไม่ได้ก็อาจเข้าข่ายการให้ข้อมูลเท็จไปโดยปริยาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องที่มีผู้เสนอสินบน จำนวน 100 ล้าน เรื่องนี้คุณหญิงจารุวรรณ เป็นผู้พูดและให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนด้วยตนเอง แต่ป.ป.ช.กลับให้นายวันชัย หาบุคคลที่มาเสนอสินบน ซึ่งนี่คือหน้าที่ของป.ป.ช.ที่ต้องทำการสืบสวนสอบสวน

“คุณวันชัยครับ ผมว่าหนีเถอะครับ นี่โยนภาระให้คุณวันชัยชัดๆ ถ้าหาหลักฐานมาแจงไม่ได้นี่ แย่เลยนะครับ ตกลงผู้ที่รักษาบ้านเมืองนี้เขาปฏิบัติกันอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดีของป.ป.ช.ชัดมากว่าผู้ที่จะรักษากติกา ผู้อำนวยความยุติธรรม ของบ้านเมือง ยังยืนตรงอยู่หรือไม่? ต้องให้ตำรวจเอาเครื่องเป่าตรวจวัดแอลกอฮอล์ ผมว่าเซนะ” นายณัฐวุฒิกล่าว

“วีระ”ซัด ป.ป.ช.ท่าจะอาการหนัก
ขณะที่นายวีระ ผู้ดำเนินรายการหลักถึงกับหัวเราะกับคำชี้แจง โดยกล่าวสอดคล้องกันว่า การที่ป.ป.ช.ทำหนังสือตอบกลับมาเช่นนี้ จะหมายความว่านายวันชัย อาจถูกดำเนินคดีแทนหรือไม่ เพราะจากข้อความที่แจ้งมาเป็นเหมือนการสอบสวนนายวันชัยแทน ซึ่งตนไม่อยากสอนหน้าที่ของป.ป.ช. แต่ตามหลักการแล้ว ป.ป.ช.มีหน้าที่คล้ายกับตำรวจ คือตรวจตราความผิดปกติของ หรือรับฟังผู้ชี้เบาะแส เพื่อทำการสืบสวนสอบสวน แล้วก็เอามาดำเนินคดี แต่ปรากฏว่าป.ป.ช.ไม่ทำการสอดส่องดูแล แต่กลับมาสอบสวนคนที่มาแจ้งความ ถือว่าพฤติการณ์ดังกล่าวของป.ป.ช.อาการหนักแล้ว

อย่างไรก็ตามนายวีระ กล่าวทวนถึงกรณีที่คล้ายคลึงกัน กรณีที่ตนไปยื่นให้ป.ป.ช.ตรวจสอบ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ได้ปาฐกถาต่อหน้าสาธารณะ 3แห่ง โดยระบุว่า มีบุคลเคยเสนอเงินสินบนจำนวน 40 – 100 ล้าน เพื่อให้ได้นั่งในตำแหน่งอธิบดีแก่ตน แต่ก็ไม่ได้รับเงินจำนวนดังกล่าว โดยไม่ได้ชี้แจงว่ามีการดำเนินคดีความกับบุคคลดังกล่าวหรือไม่อย่างไร ซึ่งถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 ในรัฐธรรมนูญ แต่จนถึงขณะนี้เป็นเวลาร่วมปี ป.ป.ช.ยังไม่ทำการตอบหนังสือดังกล่าว ซึ่งคาดว่าหากป.ป.ช.ทำการตอบหนังสือมาคงไม่ต่างอะไรกับนายวันชัย เพราะตนอาจต้องสืบหาหลักฐานเอง

ย้อนถามสติครบถ้วนหรือเปล่า
ขณะที่นายจตุพร กล่าวเสริมกรณีคำชี้แจงที่ 2 ว่า คณะกรรมการป.ป.ช. มีสติครบถ้วนหรือไม่ เนื่องจาก กรณีสินบน 100 ล้านนั้น คุณหญิงจารุวรรณ เป็นผู้พูดเอง ว่ามีคนมาเสนอเงินสินบน แต่ตัวเองไม่รับ เหตุที่นายวันชัยไปร้องป.ป.ช.เพราะคุณหญิงจารุวรรณยังไม่ดำเนินคดีกับผู้ที่ติดสินบน ซึ่งเข้าข่ายผิดหลักมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งตามหลักแล้วนายวันชัยจะทราบได้อย่างไรว่าใครไปเสนอสินบนกับคุณหญิง กรณีนี้ป.ป.ช ต้องไปสอบคุณหญิงจารุวรรณถึงจะเป็นการที่ถูกที่ควร

“..ถามว่าป.ป.ช.วันนี้มีสติครบถ้วนหรือเปล่า เรื่องนี้คุณหญิงจารุวรรณเป็นคนพูด เป็นคนสัมภาษณ์ แล้วคุณวันชัยทำหน้าที่เป็นพลเมืองไปร้องเพราะคุณหญิงจารุวรรณไม่ไปดำเนินคดี แต่ป.ป.ช.กลับมาถามคุณวันชัย แทนที่จะไปถามตัวคุณจารุวรรณ ก็จบคือป.ป.ช.อย่าทำมึนซิครับป.ป.ช.ต้องไปสืบสวนสอบสวนตามนี้ แต่นี้ทำลูกมึน ..ทำอย่างนี้คนร้องตายหมด ทีนี้นี้เหมือนว่าการร้องของคุณวันชัยเอาผิดคุณหญิงจารุวรรณไม่ได้ กลายเป็นจะมาเอาผิดคุณวันชัย มันเป็นไปได้อย่างไร แค่ข้อ 2 ..ก็บ้าแล้ว” หนึ่งในผู้ดำเนินรายการกล่าว

PRAC ย้อน “ผมเป็นผู้ร้องเรียน”
ส่วนทางด้านนายณัฐวุฒิ ด้วงนิล ผู้ประสานงานกลุ่มติดตามการปฏิรูปการปกครองและต่อต้านการคอร์รัปชั่น กล่าวว่ากรณีดังกล่าว อยากถามตรงๆ เลยว่า ป.ป.ช.กำลังพยายามทำอะไรกันอยู่ จากรายละเอียดของหนังสือที่ส่งมา ที่ตั้งคำถามว่าทางกลุ่ม PRAC ใช่ผู้ร้องเรียนหรือไม่ ซ้ำยังย้อนขอทราบรายละเอียดเพิ่มเติม ทั้งที่ทางกลุ่มติดตามฯได้ส่งเอกสาร เทปคำให้สัมภาษณ์ของคุณหญิง จารุวรรณ ที่เป็นประเด็นข้อสงสัยทุกเรื่องที่ยื่นสอบกับทาง ป.ป.ช. แต่การส่งหนังสือย้อนถามกลับมาทางกลุ่มติดตามฯว่า ทราบได้อย่างไรว่าคุณหญิงจารุวรรณผิด และมีหลักฐานอย่างไร ซึ่งมันหลักของกระบวนการสืบสวนสอบสวน

ซึ่งความจริงแล้วขั้นตอนของทางป.ป.ช.ต้องเป็นผู้หาความจริงมาตอบคำถาม กับผู้ร้องเรียน จะตั้งอนุกรรมการไปสอบถามกับตัวคุณหญิงจารุวรรณ ซึ่งเป็นผู้ถูกร้องเรียนว่า มีพฤติกรรมที่ส่อเข้าข่ายทุจริต ไม่ใช้ผู้ร้องเรียนที่จะต้องเป็นผู้ตอบคำถามเหล่านี้

สงัสัย ป.ป.ช.กำลังเล่นอะไรอยู่
สิ่งที่ป.ป.ช. ทำอยู่นั้นหมายความว่าอย่างไร กำลังพยายามที่ทำอะไรกันอยู่ ซึ่งตนเองก็อยากจะทราบว่าได้ยื่นหนังสือร้องเรียนไปตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน และมีจดหมายทวงถามเรื่อยมา เป็นจำนวน 3 ฉบับแล้ว แต่กลับเพิ่งจะเริ่มดำเนินการ แบบที่เรียกว่า ป.ป.ช.กำลังจะเล่นแง่อะไรสักอย่าง ซึ่งการกระทำเช่นนี้ดูเหมือนป.ป.ช.กำลังเป็นปากเป็นเสียงที่เถียงแทนคุณหญิงอย่างนั้นหรือ ไม่ เพราะว่าก่อนหน้านี้คุณหญิงฯไม่เคยตอบคำถามอะไรกับทางกลุ่มเลยสักอย่าง แต่อยู่ ๆ กลับมีจดหมายที่มีข้อความระบุเหมือนว่า ฉันทำอะไรผิด คุณมีหลักฐานอะไร และแน่ใจแล้วหรือว่าคุณจะร้องเรียน ซึ่งเป็นจดหมายมาจากป.ป.ช.

“หรือว่า ปปช.กำลังแกล้งโง่ เพื่อเอาเรื่องนี้ย้อนกับมาเล่นงานกับทางกลุ่ม เปิดช่องให้คุณหญิงหาเรื่องมาฟ้องกับทางกลุ่ม และให้ข้อร้องเรียนคุณหญิงเงียบหายไปอย่างนั้นหรือ”

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่ออีกว่า ถ้าหากว่าป.ป.ช.จะปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลยดำเนินการล่าช้านั้น อย่าได้พยายามแก้ตัวใดๆ เลย เพราะทางกลุ่มได้ยื่นเรื่องให้สอบสวนคุณหญิงจารุวรรณ กับทางกรรมาธิการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนไว้แล้ว และนายประชา ประสพดี ประธานคณะกมธ.ได้เชิญทั้งกลุ่มติดตามฯ ดีเอสไอและปปช. เข้าหารือแล้ว ซึ่งจะมาอ้างว่าไม่รู้เรื่องไม่ได้ หลักฐานทุกอย่างที่มีทางกลุ่มได้ยื่นให้ป.ป.ช.เรียบร้อยครบถ้วนแล้วเอาไปไว้ไหนหมด
ติงโคตรช้า 4 เดือนเพิ่งมีจม.

อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มติดตามฯ จะไม่ถอดใจ หรือว่าท้อถอยกับการเรื่องดังกล่าวอย่างแน่นอน และต้องการที่หาความจริงมาให้จงได้ เพราะความพยายามของเราไม่ได้ต้องการที่จะออกมากล่าวหาคุณหญิงจารุวรรณลอย ๆ แล้วให้เรื่องผ่านเลยไป แต่ต้องการที่นำความจริงมาให้สังคมได้รู้ และก็เป็นเรื่องดีสำหรับคุณหญิงด้วยที่จะได้ทำให้ประชาชนได้เข้าใจไม่ได้เป็นไปตามที่ถูกกล่าวหา

“สิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้น ทำให้ผมต้องการถามกับป.ป.ช.ตามตรงเลยว่า ถามมาเพื่ออะไร ถามมาทำไม และยื่นเรื่องร้องเรียนไปตั้งนานแล้ว ทำไมถึงเริ่มการสอบสวนหาความจริงได้ล่าช้ามาก ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับกรณีของนายวีระ สมความคิด ยื่นเรื่องให้ตรวจสอบ รายการ ความจริงวันนี้ ซึ่งยื่นให้ตรวจสอบเพียงวันเดียว ป.ป.ช.รับลูกดำเนินการทันที แบบนี้หมายว่า ป.ป.ช.เลือกปฏิบัติเช่นนั้นหรือเปล่า” นายณัฐวุฒิ กล่าว