WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, March 5, 2009

ทวนความ วันนักข่าว: พลังประชาชนปฏิรูปสื่อ

ที่มา Thai E-News

ทีมงานไทยอีนิวส์

5 มีนาคม 2552

http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/281/281/images/KMC.jpgผู้เขียนมีความตระหนักเป็นอย่างยิ่งว่า สิทธิ เสรีภาพ ในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนทั้งในฐานะที่เป็นปัจเจกชนและสื่อมวลชน เป็นหลัการที่ต้องพิทักษ์ รักษา และปกป้องมิให้มีอำนาจใดๆมาล่วงละเมิดได้ ยังตระหนักอีกว่า สื่อมวลชน เป็นสถาบันที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการค้ำจุนการปกครองในในระบอบบประชาธิปไตย การคุกคามและลิดรอน สิทธิ เสรีภาพ ของสื่อมวลชนถือเป็นการคุกคามระบอบประชาธิปไตยไปด้วย

ทั้งนี้สื่อมวลชนจักต้องอยู่ภายใต้กรอบของการเคารพ สิทธิ เสรีภาพ ของบุคคลอื่นอย่างเสมอกัน และสื่อมวลชนจะต้องถือเอาความสามัคคี ความเป็นปึกแผ่นของคนในชาติเป็นที่ตั้ง ส่งเสริมให้มีการแก้ไขความขัดแย้งในสังคมด้วยปัญญาและสันติวิธี ยึดมั่นต่ออุดมการณ์ประชาธิปไตยอย่างเคร่งครัด อีกทั้งจะต้องไม่ละเมิดจรรยาบรรณของสื่อมวลชนอันเป็นหลักการแห่งวิชาชีพสื่อมวลชนอีกด้วย.

ในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมานี้ สังคมไทยได้เกิดความขัดแย้งทางความคิด การเมือง จนแบ่งฝ่ายกันชัดเจนในทุกวงการ โดยมีฝ่ายเสื้อเหลืองที่ต้องการการเมืองระบอบ 70/30 ฝ่ายหนึ่ง และฝ่ายเสื้อแดงที่ต้องการให้ อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง อีกฝ่ายหนึ่ง

ในสถานการณ์ที่เกิดความขัดแย้งทางสังคมอย่างรุนแรงเช่นนี้ แทนที่สื่อมวลชนจะส่งเสริมการแก้ไขความขัดแย้งด้วยปัญญาโดยสันติวิธี ภายใต้กรอบของการเคารพ สิทธิ เสรีภาพ ของบุคคลอื่นอย่างเสมอกัน ถือเอาความเป็นปึกแผ่นของคนในชาติเป็นที่ตั้ง ยึดมั่นต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด และใช้จรรยาบรรณของสื่อมวลชนเป็นสิ่งชี้นำ

http://www.igetweb.com/www/machiney/private_folder/1234.gifสื่อมวลชนกลับแสดงตนเป็นกลุ่มการเมืองเสียเอง โดยใช้องค์กรวิชาชีพของตนเป็น กลุ่มกดดันทางการเมือง(Pressure Group) รวมหัวนักข่าวนักหนังสือพิมพ์และคอลัมนิสต์ นำเสนอข่าวด้วยมติของแกนนำ และการชี้ทิศทางข่าวสารโดยกลุ่มบุคคล จนสูญเสียหลักการแห่งการแสวงหาความเป็นจริง หลักการแห่งการเคารพสิทธิอัตวินิจฉัยของปัจเจกชน หลัการแห่งความเป็นอิสระ และหลักการแห่งการนำเสนอข่าวสารอย่างครบถ้วน รอบด้าน

ในรอบสามปีที่ผ่านมานี้ สื่อมวลชนไทยโดยเฉพาะสื่อหนังสือพิมพ์ พร้อมด้วยองค์กรวิชาชีพสื่อทั้งหลาย มิได้ทำหน้าที่สื่อมวลชนในฐานะสถาบันสื่อมวลชนในระบอบประชาธิปไตย มิได้แสดงตนเป็นสถาบันที่ยึดมั่นต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ แต่ทำหน้าที่เป็นกลุ่มกดดันทางการเมือง ออกแถลงการณ์เสนอข้อเรียกร้องเป็นกระบอกเสียงให้กลุ่มพันธมิตรเสียเอง

เมื่อสื่อมวลชนได้วางตนเป็นกลุ่มกดดันทางการเมืองเสียเองแล้ว การนำเสนอข่าวสารก็เพื่อเป้าหมายแห่งการกดดันทางการเมืองของตนเท่านั้น ประชาชนมิอาจคาดหวังความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของข่าวสารที่สื่อมวลชนนำเสนอได้อีกต่อไป นอกจากนี้สื่อมวลชนยังได้แสดงตนเป็นกลุ่มคนที่หันหลังให้ระบอบประชาธิปไตยและมีส่วนทำลายครรลองอันดีงามของสังคมด้วยพฤติกรรมต่างๆดังนี้:

การส่งเสริมพฤติกรรมกลุ่มเรียกร้องนายกพระราชทาน ผ่าน ม.7

สร้างความชอบธรรมให้แก่การคว่ำบาตรการเลือกตั้ง

การบิดเบือนข่าว เต้าข่าว

การยุยงส่งเสริมให้เกิดความเคียดแค้นชิงชังในสังคม

การเพิกเฉยต่อการรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญ

การส่งเสริมและสร้างความชอบธรรมให้แก่ คมช. อันเป็นร่างทรงของอมาตยาธิปไตย

การเพิกเฉย ทำเป็น “เอาหูไปนา เอาตาไปไร่” ต่อการกลั่นแกล้งทางการเมือง หรือทำลายล้างทางการเมืองด้วยกระบวนการยุติธรรมเฉพาะกิจ ภายใต้การกำกับอย่างใกล้ชิดของอำนาจนอกรัฐธรรมนูญ

นำเสนอข่าว การยึดสถานีโทรทัศน์ NBT การยึดทำเนียบรัฐบาล การยึดสนามบิน ด้วยจุดยืนที่มุ่งขายข่าว และแก้ต่างให้กับการกระทำที่ผิดกฎหมาย

การ “ไม่ดูดำดูดี” กับการละเมิด ความเป็นนิติรัฐ และนิติธรรม

การส่งเสริมและสร้างความชอบธรรมต่อรัฐธรรนูญ 2550 ซึ่งเป็นกติกาทีเพิ่มขยายวิกฤติการเมืองให้รุนแรง

เป็นต้น

เมื่อได้พิเคราะห์พฤติกรรมของสื่อจากข้อมูลเชิงประจักษ์และที่ประจักษ์แล้ว จึงวินิจฉัยว่า สื่อมวลชนไทยเข้าสู่ภาวะล้มละลายทางความน่าเชื่อถือโดยสมบูรณ์แล้ว...

พลังประชาชนควรก่อตัว รวมกลุ่มขึ้นมาเพื่อปฎิรูปสื่อ โดยปฏิเสธ(ไม่ซื้อ ไม่อ่าน ไม่ดู ไม่ฟัง) การรับรู้ข่าวสารจากสื่อมวลชนที่ปฏิปักษ์ต่อประชาธิปไตยทุกวิถีทาง ส่งเสริมสื่อมวลชนที่พิทักษ์ และผดุงระบอบประชาธิปไตย ในขณะเดียวกันประชาชนอาจจำเป็นที่จะต้องรวมตัวกันสร้างสื่อของตนเอง ด้วยรูปแบบ และเทคโนโลยีที่เหมาะสม

ในโอกาสวันนักข่าวนี้ เราได้แต่หวังว่า การเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ทางการเมืองในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาจะทำให้สื่อมวลชนได้เรียนรู้ และตระหนักถึงความสูญเสียที่เกิดจากการไปส่งเสริมกระบวนการทางการเมืองที่นอกลู่นอกทาง

3 ปีผ่านไปเราเชื่อมั่นว่า นักข่าว นักหนังสือพิมพ์ และสื่อมวลชนแขนงต่างๆ จะได้ใช้โอกาสวันนักข่าว ทบทวนจุดยืนทางการเมืองและพัฒนานโยบายเสนอข่าวสารของตนเสียใหม่

ประชาชนยังให้โอกาสต่อผู้สำนึกผิดและกลับเนื้อกลับตัวเสมอ

เราดีใจที่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงจำนวนหนึ่ง เกิดขึ้นในวงการสื่อ ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา