ที่มา เดลินิวส์
เสื้อแดงขน 100 ถุงไว้ต้อนรับที่'ลพบุรี' ป.จับหมิ่นเบื้องสูง
เสื้อแดงเตรียมปลาร้า 100 ถุงรอต้อนรับนายกฯ ลงพื้นที่เมืองลิงขณะที่ปากช่องระดมพลไล่"เสี่ยจิ้น"ตำรวจต้องผนึกกำลังนับพันป้องกันด้าน"เทพเทือก"สั่งตำรวจทุกจังหวัดเตรียมกล้องวิดีโอถ่ายพวกที่ตามราวีรัฐมนตรีลงพื้นที่ ลั่นใครทำผิดจับทันที พร้อมขู่ผู้ว่าฯ ทำบ้านเมืองให้สงบ ไม่ต้องกลัวเด้งถ้าไม่ได้รับใช้คนผิด ยันรัฐบาลนี้ไม่ย้ายใครแบบไร้เหตุผล ด้าน “มาร์ค” ไม่หวั่นพันธมิตรฯ แย่งมวลชนตั้งพรรคการเมือง เพราะ “ประชาธิปัตย์” ทำงานไม่เข้าเป้า ปัดข้อกล่าวหา “ใจไม่ถึง” ด้าน นปช.ตอกหน้า “บิ๊กป๊อก”ส่งทหารทำภารกิจสอดแนมการชุมนุมน่าละอาย เชื่อเป็นแผนสร้างสถานการณ์ให้ปั่นป่วน ลั่นเจอ “มาร์ค” ที่ไหนไล่ที่นั่น กองปราบบุกจับเว็บประชาไทหมิ่นเบื้องสูง ขณะที่ ป.ป.ช.โพนทะนา “เอเอสทีวี” เสนอข่าวเท็จ
“มาร์ค”ไม่หวั่นลงพื้นที่ลพบุรี
เมื่อวันที่ 6 มี.ค. ที่โรงแรมเพนินซูลา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร 1,500 นาย เพื่อรักษาความปลอดภัยในการลงพื้นที่ จ.ลพบุรี ในวันที่ 7 มี.ค. ว่า ทราบว่าจะมีกิจกรรมของกลุ่มที่คัดค้านรัฐบาลอยู่ในบริเวณใกล้เคียง เจ้าหน้าที่คงดูแลไม่ให้เกิดปัญหาความรุนแรงหรือการปะทะกัน อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่ตนไม่มีความกังวลเพราะไปทำงาน
เมื่อถามถึงการที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าถ้าเจ้าหน้าที่ไม่สามารถดูแลสถานการณ์ได้ จะถูกเปลี่ยนโดยนำคนที่มีประสิทธิภาพมาแทน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ได้เป็นเช่นนั้น อย่าเพิ่งไปสรุปว่าเป็นคำขู่ แต่เป็นธรรมดาของหน่วยงานและองค์กรที่การทำงานต้องขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพและต้อง บริหารจัดการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์
พธม.ตั้งพรรคไม่กลัวแย่งมวลชน
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยโจมตีว่าการลงพื้นที่ของรัฐบาลเพื่อวางรากฐานในการหาเสียงล่วงหน้า นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นการทำงานให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น เพราะ 2 เดือนที่ผ่านมามีนโยบายและมาตรการออกมามาก ประชาชน ยังมีความสับสนไม่เข้าใจ การลงพื้นที่ก็ต้องการ ไปสัมผัสข้อเท็จจริงและเสียงสะท้อนเพื่อนำไปปรับปรุง
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีกลุ่มพันธ มิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเตรียมตั้งพรรคการเมืองว่า การมีพรรคการเมืองเข้ามาแข่งขันมากขึ้นในระบบเป็นสิ่งที่ดี จะเป็นทางเลือกให้กับ ประชาชน เมื่อถามว่า เป้าหมายของกลุ่มพันธ มิตรฯและพรรคประชาธิปัตย์ดูเหมือนจะมีความใกล้เคียงกัน จะเป็นการแย่งมวลชนกันเองหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ต้องไปถามผู้ที่จะก่อตั้งพรรคใหม่ เขาต้องวางตำแหน่งพรรคการเมืองของตัวเอง
ยันไม่มีเรื่องไหนไม่กล้า
เมื่อถามว่า นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ระบุว่าที่ต้องตั้งพรรคเพราะพรรคที่มีอยู่ไม่ทำให้เกิดการปฏิรูปการเมืองได้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นความเห็นของนายสุริยะใส แต่ตนก็มีแนวคิดว่าการปฏิรูปการเมือง ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งคิดว่าตัวเองทำได้จะไม่มีทางสำเร็จ ยิ่งจะเป็นการสร้างความขัดแย้ง แต่ถ้าดึงทุกฝ่ายเข้ามาร่วม แต่ไม่ได้หมายถึงการประนีประนอม เพียงแต่เป็นเรื่องการตั้งหลักการว่าสามารถเอามารวมกันได้อย่างไร
เมื่อถามว่า แกนนำพันธมิตรฯ ระบุว่าผิดหวังกับรัฐบาลชุดปัจจุบัน จึงออกมาขู่ในการตั้งพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า แต่ละกลุ่มการเมืองต่างก็มีเป้าหมาย ข้อเรียกร้องบางเรื่องก็อาจจะตรงหรือไม่ตรงกับเราได้ ส่วนที่มีการวิจารณ์ว่ามีปัญหาเรื่องความกล้าหาญของ นายกฯ นั้น ถ้าเรื่องใดที่คิดว่าตนยังไม่กล้า สามารถบอกได้ตนยินดีที่จะชี้แจง เพราะอาจจะมองไม่ตรงกันบางเรื่อง บางเรื่องอาจมีข้อจำกัดในข้อกฎหมาย หรือบางเรื่องอาจมีวิธีประเมินที่แตกต่างกันในการเดินไปสู่เป้าหมายเดียวกัน ที่ผ่านมาไม่มีเรื่องใดที่ตนลังเล ถ้ามีข้อมูลพร้อม มีข้อกฎหมายชัด และมีนโยบายเป้าหมายชัดเจน
“เทพเทือก” ขู่ปาไข่เจอจับ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์กรณีกลุ่มเสื้อแดงประกาศระดมคนรอรับนายกฯ ที่จะลงพื้นที่ จ.ลพบุรี ในวันที่ 7 มี.ค. ว่า ไม่หนักใจ การลงพื้นที่เป็นการทำหน้าที่ รัฐบาลบริหารบ้านเมืองมา 2 เดือน เราได้สร้างความสำเร็จให้เกิดขึ้นกับประเทศชาติมาพอสมควร นายกฯ ทำให้ต่างประเทศเกิดความเชื่อมั่นประเทศไทยมากขึ้น และเราได้ผลักดันนโยบายสำคัญออกมาหลายอย่าง นายกฯ จึงได้สั่งการให้รัฐมนตรีทั้งหลาย ลงไปติดตามตรวจสอบว่าเรื่องที่ได้สั่งการไปดำเนินการได้ผลอย่างไร
“ผู้ที่จะมาต่อต้านพวกผมและรัฐมนตรีที่จะลงพื้นที่เราไม่กังวลใจ ที่พูดอย่างนี้อย่าคิดว่าเป็นการท้าทาย แต่เราต้องไปเพราะมีหน้าที่ คนที่จะมาต่อต้านก็ขอให้ทำด้วยความสงบ อย่าทำผิดกฎหมาย หากไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็เป็นสิทธิ ที่ทำได้ แต่ถ้าเอาไข่เอาก้อนหินมาขว้าง บุกรุก ที่ราชการหรือปิดถนนเราต้องดำเนินคดี” นาย สุเทพกล่าวและว่า ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทุกจังหวัดเตรียมกล้องวิดีโอบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อเป็นหลักฐานว่าใครจงใจทำผิดกฎหมาย เพื่อดำเนินคดีโดยไม่ต้องรอคนแจ้งความ เพราะถือเป็นความผิดเฉพาะหน้า
ไม่รับใช้คนผิดรับรองปลอดภัย
นายสุเทพกล่าวอีกว่า ตนยังได้แจ้งไปยังผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดว่า ให้ดูแลบ้านเมืองให้สงบ เรียบร้อย เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าจะไม่เกิดเหตุซ้ำรอยนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพกล่าวว่า ต้องดูกันต่อไป รัฐมนตรีแต่ละคนก็ต้องระมัดระวังตัวเองด้วย ตนเองก็ยังต้องระวังหลบได้ก็หลบ หลีกได้ก็หลีก ไม่ปะทะอยู่แล้ว ใช้วิชาตัวเบา
เมื่อถามว่า ขณะนี้ดูเหมือนผู้ว่าฯ บางจังหวัดจะเริ่มผวากลัวถูกเด้งกันแล้ว นายสุเทพ กล่าวว่า เราจะไม่ไปเด้งหรือย้ายผู้ว่าฯ โดยไม่มีสาเหตุอย่างแน่นอน ผู้ว่าฯ ที่เป็นคนดีขอให้มีกำลังใจ เราจะดูแลท่านอย่างดี รัฐบาลนี้จะไม่ข่มเหงรังแกข้าราชการ แต่ขอให้ทำหน้าที่ด้วยความสุจริตตรงไปตรงมา อย่าไปรับใช้คนผิด อย่างนี้ก็ปลอดภัย ไม่มีปัญหาอะไรรับรองได้
ปลาร้า 100 ถุงรอต้อนรับนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.พระนครศรี อยุธยาว่า แกนนำกลุ่มเสื้อแดงในเขตประตูน้ำพระอินทร์ นครนายก อ่างทอง สิงห์บุรี และสุพรรณบุรีไม่น้อยกว่า 3,000 คน จะเดินทางไปยัง จ.ลพบุรี เพื่อร่วมขับไล่นายอภิสิทธิ์และรัฐบาล นอกจากนี้ทางแกนนำกลุ่มจะได้เตรียมปลาร้าไว้ 100 ถุงเพื่อนำไปขายระหว่างการชุมนุม ส่วนใครจะซื้อไปเพื่อใช้ทำอะไร หรือเอาไปขว้างปานายกฯ ก็ไม่สามารถห้ามได้
ขณะที่ จ.นครราชสีมา ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ได้มาเป็นประธานเปิดขบวนรถจ่ายน้ำแก้ปัญหาภัยแล้งที่ อ.ปากช่อง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 1,000 นายมาคอยอารักขาและตั้งจุดสกัดกลุ่มเสื้อแดงที่เดินทางมาต่อต้าน พร้อมทั้งนำรถปิกอัพตราโล่มาจอดขวางถนนไม่ยอมให้กลุ่มเสื้อแดงผ่าน แต่ก็ถูกกลุ่มเสื้อแดงประมาณ 50 คนได้ช่วยกันเข็นรถตำรวจออก ก่อนมุ่งหน้าไปบริเวณจัดงาน และไปตั้งขบวนขวางทางเข้า พร้อมปราศรัยโจมตีรัฐบาล จากนั้นได้บุกเข้าไปภายในงาน แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ อส.หลายร้อยคนช่วยกันสกัดกั้นไว้ จนกระทั่ง รมว.มหาด ไทยและคณะปฏิบัติหน้าที่เสร็จ
เชื่อ “ป๋าเหนาะ” ไม่แปรพักตร์
นายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงการพบกับนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ว่า การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจยังคงเป็นไปตามกำหนดการเดิม แม้ว่านายเสนาะจะเสนอแนะให้เปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อแก้วิกฤติก็ตาม เท่าที่หารือกันนายเสนาะบอกว่าปลายังฮุบเหยื่อไม่มิด ควรรอให้ปลางับเหยื่อกินเบ็ดเสียก่อน ซึ่งเหยื่อในความหมายของนายเสนาะก็คือโครงการใหญ่ ๆ เพราะเมื่อรัฐบาลทราบว่าฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจก็มีการชะลอโครงการไว้แล้ว
เมื่อถามว่า นายเสนาะยังมีทีท่าทำงานฝ่ายค้านกับพรรคเพื่อไทยต่อไปหรือไม่ นายวิทยากล่าวว่า การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ พรรคประชาราชคงไม่ลงชื่อร่วมเสนอญัตติแต่จะขอเป็นคนฟังเท่านั้น เมื่อถามอีกว่านายเสนาะยังเหนียวแน่นกับทางพรรคฝ่ายค้านหรือไม่ นายวิทยากล่าวว่า ตนไม่ได้ถามเรื่องนี้ แต่คงไม่มีอะไร เพราะนายเสนาะบอกว่าที่มารัฐบาลไม่ชอบ ถ้าบอกไม่ชอบแล้วไปร่วมกับเขามันก็ผิดปกติ ส่วนกรณีที่มี ส.ส.บางคนเสนอให้เลื่อนยื่นอภิปรายออกไปเป็นช่วงเดือน เม.ย. คงไม่สามารถเลื่อนได้
โวยเพื่อนเนวินแทรกแซงงบฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า ส.ส.หลายคนได้แสดงความไม่พอใจต่อการบริหาร งานของรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนเนวิน โดยอ้างว่ามีพฤติกรรมแทรกแซงการใช้งบฯ ในกรมทางหลวงและงบท้องถิ่น ซึ่งเป็นงบฯ ที่ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ ส.ส. จะจัดสรรตกลงกันเป็นภายในทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล แต่ปรากฏว่างบฯ ดังกล่าวถูกจัดสรรลงในพื้นที่ ส.ส.ซีกรัฐบาลหมดแล้ว จึงเป็นสาเหตุให้พรรคเพื่อไทยพยายามที่จะให้มีการอภิปราย ไม่ไว้วางใจ การปฏิบัติหน้าที่ของนายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ รมช.คมนาคม และนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย กลุ่มเพื่อนเนวิน แต่ ฝ่ายกฎหมายทักท้วงว่าหาก ส.ส.เข้าไปยุ่งเกี่ยว กับเรื่องดังกล่าวโดยเปิดเผย อาจส่อขัดรัฐธรรม นูญ ม.266 ดังนั้นควรให้เป็นหน้าที่ของกรรมาธิ การติดตามงบประมาณ สภาผู้แทนเป็นผู้ติดตาม
แหล่งข่าวจาก ส.ส.พรรคเพื่อไทย แจ้งว่า นายวิทยา ประธานวิปฝ่ายค้าน ได้แจ้งเรื่องนี้ต่อนายอภิสิทธิ์ มาแล้วบ่อยครั้ง ซึ่งนาย อภิสิทธิ์ก็รับปากจะไปดำเนินการให้ และยังบอก ว่าไม่น่าทำกันเพราะไม่เคยมีอย่างนี้มาก่อน ขณะที่นายพิเชษฐ์ พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.กระบี่ และ ในฐานะอดีตรองประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2552 ได้พูดกับ ส.ส.พรรคเพื่อไทยว่า เขาหักหลังพวกคุณ เขาก็จะหักหลังพวกคุณต่อไป ดีไม่ดีก็จะหักหลังประชาธิปัตย์ด้วย
เผยดึง “ป๋าเหนาะ” คานอำนาจ
“ส.ส.อีสาน พรรคเพื่อไทย ได้ใช้ความ สนิทสนมส่วนตัวไปสอบถามเรื่องดังกล่าวกับนายประจักษ์ โดยตรง เขาก็ตอบกลับมาว่าไม่ทราบจะทำอย่างไรเหมือนกัน ก็รู้อยู่อำนาจจริง ๆ อยู่ที่นายเนวิน เรื่องดึงงบประมาณ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ก็ไม่พอใจเพราะเขาต้องการให้เงินลงไปกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่กลุ่มเพื่อนเนวิน ต้องการใช้งบฯ ต่อรองและกดดัน ส.ส.ให้ไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย และทำให้ ส.ส.เพื่อไทยเสียเครดิต มันถึงมีเรื่อง 20 ส.ส. ที่จะเป็นงูเห่าออกมา” แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวยังกล่าวด้วยว่า นี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์พยายามดึงนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช และพรรคเพื่อแผ่นดินซีก พล.ต.อ.ประชา พรหม นอก ไปร่วมรัฐบาล เพื่อคานอำนาจแรงต่อรองของพรรคภูมิใจไทย
เสื้อแดงไม่เจรจาเจอเป็นไล่
ด้านนายวีระ มุสิกพงศ์ พิธีกรรายการความจริงวันนี้ ทางสถานีดีสเตชั่น พร้อมด้วย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่ม นปช.ได้ร่วมแถลงข่าวการชุมนุมใหญ่วันที่ 7 มี.ค. ที่ จ.ขอนแก่น โดยนายวีระกล่าวว่า จะเป็นการชุมนุมแบบสงบปราศจากอาวุธ ข้อมูลที่จะพูดจะดุเดือดเพราะรัฐบาลนี้ไม่มีสิทธิที่จะบริหารประเทศ อาจจะเรียกว่าเป็นการชุมนุมขับไล่รัฐบาล ตอนนี้หลายจังหวัดก็เรียกร้องให้เราไปจัดชุมนุมใหญ่แม้กระทั่ง ภาคใต้ยังขอให้เราไป สำหรับการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ครั้งนี้จะพูดเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้องและเรื่องสังคม
นายจตุพรกล่าวว่า การที่รัฐบาลส่งรัฐมนตรีลงพื้นที่อยากจะถามว่า ทำไมยังเหลืออีก 30 จังหวัด ที่ไม่มีใครลงพื้นที่ ทีมโฆษก ประจำตัวของนายอภิสิทธิ์กำลังหลงตัวเองถึงกับพูดว่า นายอภิสิทธิ์ลงพื้นที่เหมือน “ช้างเหยียบนา พญาเหยียบเมือง” ไปที่ไหนจะมีแต่ความ เจริญรุ่งเรือง แต่ความจริงน่าจะเป็นความหายนะมากกว่า เพราะลงพื้นที่ไหนก็สร้างความหวั่นไหวให้กับข้าราชการในพื้นที่ ต่อไปนี้นายอภิสิทธิ์จะต้องเจอแดงทั้งเมืองทุกที่ ไม่มีการเจรจาเจอกันที่ไหนไล่ที่นั่น ส่วนการจะจับคนเสื้อแดง 6 คน ดูเหมือนจะเร็วมาก ซึ่งเราจะพาคนของเราไปมอบตัววันที่ 7 มี.ค. จะได้ถามตำรวจว่า คดีของพันธมิตรฯ ทั้งยึดสนามบิน ยึดทำเนียบ ขับรถชนตำรวจ ไปถึงไหนแล้ว ตำรวจทำอะไรกันอยู่
จับพิรุธทหารสร้างสถานการณ์
ด้านนายณัฐวุฒิกล่าวว่า กรณีที่คนเสื้อแดงไปทำร้ายทหาร เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา แล้วถูกตั้งข้อหาว่าทำร้ายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ อยากถามว่าตอนไปปฏิบัติหน้าที่เขาก็ไม่ได้ใส่ชุดทหาร จึงไม่มีใครทราบว่ามาทำงาน และเมื่อจับได้ก็วิ่งหนีมารู้ตอนหลังว่าคนที่วิ่งหนีไปคือทหาร หากตนเป็น ผบ.ทบ.คงอับอายที่ทำอย่างนี้ และไม่เข้าใจว่าทำไมตอนถูกจับจึงไม่แสดงตัว ออกมาว่าเป็นทหาร และที่สงสัยคือทหารมีหน้าที่ อะไรในการชุมนุม ตอนพันธมิตรฯ ชุมนุมไม่เห็นทหารออกมาคึกคักอย่างนี้ อยากถาม พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ว่าทหารออกมาสอดแนมอย่างนี้อยู่ในภารกิจของทหารหรือไม่ เพราะมันตรงกับข่าวที่ว่าทหารจะส่งคนมาสร้างสถานการณ์ให้ปั่นป่วน
“รัฐบาลบอกให้คนเสื้อแดงรับผิดชอบการกระทำหากมีการบุกยึดสถานที่ต่าง ๆ เราขอตอบเลยว่าพร้อมรับผิดชอบการกระทำของเราทุกอย่าง แต่ขอถามพรรคประชาธิปัตย์ว่า การที่นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ไปร่วมยึดทำเนียบ ยึดสนามบิน ทางพรรคแสดงความรับผิดชอบอะไรบ้าง ต่อไปนี้เราจะไม่ยอมให้นายอภิสิทธิ์ถูกพันธมิตรฯ ขี่คอ ทุกวันนี้รัฐบาลทำอะไรไม่เกรงใจประชาชนแต่เกรงใจพันธมิตรฯ และการที่รัฐบาลจะส่งรัฐมนตรีลงพื้นที่ ทั้งที่ไม่มีอะไรจะไปโชว์ อย่างนี้เขาเรียกว่าโชว์ก็จริงแต่เป็นโชว์ห่วย” นายณัฐวุฒิกล่าว
เย้ย พธม.ตั้งพรรคใช้ศาสนาไหน
นายณัฐวุฒิยังกล่าวถึงกลุ่มพันธมิตรฯจะตั้งพรรคการเมืองว่า ดีใจที่จะเห็นพรรคนี้อย่างเป็นรูปธรรม อยากรู้ว่าหัวหน้าพรรคจะเป็นใคร นโยบายเป็นอย่างไร เพราะเขาจะชอบยกตนข่มท่านมาตลอด ด่าว่าการเมืองและนักการเมืองจนไม่มีชิ้นดี และอยากถามว่าหากพันธมิตรฯ ตั้งพรรคจะใช้ศาสนาไหน พุทธหรือสันติอโศก
ผู้สื่อข่าวถามว่า การตั้งพรรคของพันธมิตรฯ เพราะมีข่าวว่ามีความขัดแย้งกับพรรคประชาธิปัตย์ นายณัฐวุฒิกล่าวว่าถูกต้อง เพราะตอนนี้เจ้านายทำไม่ถูกใจลูกน้องก็ต้องหาช่องทางใหม่ ตนเห็นใจนายอภิสิทธิ์ที่ถูกจับเป็นตัวประกันมาตลอด อยากจะฝากบอกพันธมิตรฯ ด้วยว่าที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์ก็รับใช้พันธมิตรฯ อย่างสุดกำลังมาตลอด
ทำเอกสารแจงทูตทุกประเทศ
นายจักรภพกล่าวว่า เราได้จัดทีมงานขึ้นมาทำเอกสารเป็นภาษาอังกฤษชี้แจงเรื่องต่าง ๆ เพื่อให้ทูตประเทศต่าง ๆ ได้รับทราบข้อมูลว่าเกิดอะไรในประเทศไทยบ้าง การทำเช่นนี้ไม่ใช่ทำให้ประเทศเสียหน้า แต่ทำให้ประเทศได้หน้า ว่าเราไม่ยอมกับพวกเผด็จการ ต่อไปนี้การจะมา ปิดประตูตีแมวจะทำไม่ได้ เพราะเราจะเปิดประตูหน้าต่าง ส่องไฟให้เห็นให้หมดว่าเกิดอะไรขึ้น
“นอกจากนี้ทางนักวิชาการต่างประเทศ รวมถึงประเทศไทยบางคนทำหนังสือเสนอขอให้ปรับปรุงกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เนื่องจากตอนนี้มีบุคคลอื่นอาศัยช่องว่างตัวนี้มาทำให้สถาบันเสื่อมเสีย การปรับปรุงไม่ได้หมายความว่ายกเลิก แต่ต้องทำให้เหมาะสม คนไทยทุกคนรักและเทิดทูนสถาบันมาก เราคงยอมไม่ได้ที่จะให้ใครมาใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้” นายจักรภพกล่าว
ท้าให้แฉโรคชิคุนกุนยา
นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงฝ่ายค้านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจฐานปกปิดข้อมูลการระบาดของโรคชิคุนกุนยาว่า ไม่กังวล เพราะเมื่อเกิดการระบาดกระทรวงก็เข้าไปรณรงค์และควบคุม ไม่ได้มีการปกปิดข้อมูลเหมือนกรณีไข้หวัดนก
“การระบาดที่เกิดขึ้นไม่ได้น่ากลัว เพราะเป็นโรคเฉพาะถิ่น กระทรวงไม่เคยปิดบังเรื่องนี้ คนที่จะอภิปรายคงจะอยู่ไกลจากเรื่องราวจนไม่ทราบว่าพื้นที่ที่มีการระบาดเขาทำงานกันไปถึงไหนแล้ว จึงอยากให้คนที่จะอภิปรายฯ เรื่องนี้ค้นข้อมูลให้มาก ๆ เพราะถ้านำเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องมาอภิปรายฯ สุดท้ายก็จะไม่ได้พูด” รมว. สาธารณสุขกล่าว
“สมเกียรติ” กั๊กย้ายซบ พธม.
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวถึงการตั้งพรรคการเมืองของกลุ่มพันธมิตรฯว่า อยากให้รอฟังรายละเอียดจากนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ซึ่งจะมีการประชุมหารือกันระหว่างแกนนำพันธมิตรฯ ที่ จ.นครราชสีมา ในวันที่ 7 มี.ค. คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปเบื้องต้น รวมถึงความชัดเจนเรื่องแนวคิดการตั้งพรรค
“ผมยังไม่อยากแสดงความคิดเห็นอะไรตอนนี้ ผมยังอยู่ในฐานะสมาชิกพรรคการเมือง จึงไม่เหมาะสมที่จะแสดงความคิดเห็นอะไร ยังไม่รู้ว่าเขาจะตั้งพรรคใหม่กันจริงไหม รายละเอียดเป็นอย่างไร รอให้ชัดเจนกว่านี้ผมจะออกมาแถลงข่าวให้ทุกคนได้รู้ทั่วกัน” นายสมเกียรติกล่าว
ไม่มีอำนาจทำอะไรไม่ได้
นายพิเชษฐ พัฒนโชติ ที่ปรึกษา รมว. สาธารณสุข หนึ่งในบุคคลที่เคยขึ้นเวทีกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวว่า ไม่เคยคุยเรื่องการตั้งพรรคกับกลุ่มพันธมิตรฯ แต่พอจะได้ยินข่าวมาบ้าง ตนไม่คัดค้านและยินดีสนับสนุน ส่วนจะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคฯ หรือไม่คงต้องดูอีกที ขณะนี้ตนยังเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่คนในพันธมิตรฯก็เป็นพรรคพวกกัน จึงต้องรอดูสถานการณ์ก่อน และยังไม่ได้คุยกับสมาชิกพรรคคนอื่นที่เคยร่วมงานกับพันธมิตรฯ จึงไม่ทราบว่าคนอื่นคิดอย่างไร
นายพิเชษฐ กล่าวต่อว่า การต่อสู้ของพันธมิตรฯ คือการต่อสู้ภาคประชาชน สู้กับอำนาจรัฐที่ไม่ชอบธรรม และไม่ถูกต้อง เมื่อมา ถึงวันนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะจัดตั้งพรรคการเมือง ไม่ใช่เพราะต้องการอำนาจแต่ถ้าพันธมิตรฯไม่มีอำนาจก็ทำอะไรไม่ได้
“มาร์ค” ลั่นขอเป็นตำนาน
ส่วนการเมืองอื่นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงความคืบหน้าแนวทางการปฏิรูปกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพว่า เบื้องต้นจะดูเรื่องการบังคับใช้ก่อน คิดว่าที่ผ่านมาปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากการบังคับใช้มากกว่า การแก้ครั้งนี้คงเป็นเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย เมื่อถามว่า การแก้กฎหมายนี้เพื่อไม่ให้มีผลต่อมุมมองของต่างประเทศใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวปฏิเสธว่า ไม่ใช่ แต่เพื่อความเป็นธรรม กฎหมายต้องมีเหตุผลในตัวเองชัดเจน เมื่อถามย้ำว่า จะมีผลต่อคดีที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ควรจะมี
สำหรับความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท. ทักษิณ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่ได้ให้ความสำคัญ ตนในฐานะนายกฯ จะขอทำงานเพื่อประเทศและส่วนรวม เพื่อให้ประชาชนจดจำตนเป็นตำนานภายหลังจากที่ตนพ้นจากตำแหน่งนายกฯ ไปแล้ว ว่าได้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อ ประเทศ
“เทพ” ประกาศค้านสุดฤทธิ์
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า การเคลื่อนไหวเรื่องนี้ไม่ใช่มาจากฝ่ายวิชาการทั้งหมด แต่เป็นบางกลุ่มเท่านั้น รัฐบาลยังไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ ตนเห็นว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ใครจะไปลบหลู่ดูหมิ่นไม่ได้ ถ้าวันนี้ใครมาชวนตนแก้กฎหมายนี้ ตนไม่ยอมเด็ดขาด จะไม่ให้ใครเอาสถาบันเป็นเครื่องมือไปข่มเหงรังแกใคร
เมื่อถามว่า การเคลื่อนไหวเรื่องนี้ดูเหมือนจะสอดรับกับสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการ นายสุเทพกล่าวว่า ตนก็ได้รับรายงานมาในลักษณะนั้นเหมือนกัน ก็จะติดตามต่อไป เมื่อถามว่า คดีหมิ่นสถาบันหลายคดีดูเหมือนไม่คืบหน้า นายสุเทพกล่าวว่า ต้องไปถามผู้รับผิดชอบ ตนคงจะต้องสอบถามความคืบหน้าบ้าง แต่ต้องระมัดระวัง ไม่ให้เป็นการแทรกแซง
กองปราบฯ บุกจับเว็บประชาไท
วันเดียวกัน พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รอง ผบช.ก. พ.ต.อ.สาธิต ชยภพ รอง ผบก.ป. พร้อมกำลังนำหมายค้นศาลอาญาเข้าตรวจสำนักงานเว็บไซต์ประชาไท เลขที่ 409 ชั้น 1 อาคาร มอส.ซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ 5 แขวงและ เขตห้วยขวาง หลังจากได้รับการร้องเรียนจาก กระทรวงเทคโนโลยีฯ ว่าเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ประชาไทออนไลน์ (www.prachatai.com) โพสต์ข้อความลักษณะหมิ่นเบื้องสูง
จากการตรวจค้นภายในสำนักงาน เจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของ น.ส. จีรนุช เปรมชัยพร ผู้อำนวยการเว็บไซต์ประชาไท มาทำการตรวจสอบ พร้อมกับเชิญตัวมาสอบปากคำที่กองปราบฯ โดยผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าข้อความที่อยู่ในเว็บ ไซต์ประชาไท เป็นข้อความของผู้ที่เข้ามาอ่านข่าวสารในเว็บ และเขียนไว้ในเว็บบอร์ดสาธารณะ ของเว็บไซต์ดังกล่าว ซึ่งภายหลังเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลเว็บไซต์ตรวจพบก็ได้ลบข้อความที่มีเนื้อหาเชิงหมิ่นเบื้องสูงทิ้งหมดแล้ว
ต่อมานางฉันทนา บรรพศิริโชติ คณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ใช้ตำแหน่งหน้าที่ประกันตัว นางสาวจีรนุช เปรมชัยพร ออกไป
ปฏิรูปการเมืองยังไม่ชัดเจน
อีกด้านหนึ่งที่สำนักงานศาลปกครอง นายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด กล่าวถึงการปฏิรูปการเมืองว่า ที่พูดกันในตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ รู้หรือยังว่าปัญหาคืออะไร ก่อนที่จะมีการปฏิรูปอยากให้มีการศึกษาวิเคราะห์ให้ดีเสียก่อน ว่าต้นเหตุเกิดจากอะไร จะแก้ไขโดยใครอย่างไร ใครจะเป็นคนกลางที่มีคนยอมรับในสังคมมาเป็นแกนนำในการปฏิรูป ตนก็ยังไม่เห็นว่าจะมีใครมาเป็นผู้นำในการปฏิรูป ขนาดนักวิชาการที่มีความเป็นกลางและเป็นที่ยอมรับยังหาได้ยาก
นายอักขราทร กล่าวอีกว่า ตนไม่ได้ต่อต้านการแก้รัฐธรรมนูญ แต่มองในฐานะคนติดตามดูว่าหากมีการปฏิรูปการเมืองแล้วจะสามารถแก้ไขปัญหาได้จริงหรือไม่ ส่วนที่มีการมองว่าอำนาจตุลาการภิวัตน์ ควรที่จะมีการแก้ไขให้ลดทอนลงนั้น ตนเห็นว่าไม่ใช่ปัญหา แต่ขึ้นอยู่ที่ว่าสามารถอธิบายได้หรือไม่ว่า ที่จะต้องเปลี่ยนวิธี เนื่องจากอะไร วิธีอื่นสมเหตุสมผลสามารถนำมาแทนที่ตุลาการได้หรือไม่ ที่รัฐธรรมนูญปี 50 ต้องให้อำนาจตุลาการเข้ามา ก็เพื่อที่จะเป็นผู้มาคัดเลือกบุคคลที่พอจะน่าเชื่อถือได้ในช่วงเวลานั้น
มท.แชมป์ถูกร้องเรียนมากที่สุด
นายอักขราทร ยังกล่าวถึงการทำงานของศาลปกครองสูงสุดตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค. 44 จนถึงปัจจุบันว่า มีคดีที่ร้องเข้ามาทั้งสิ้น 48,290 คดี พิจารณาแล้วเสร็จ 37,458 คดี คิดเป็นร้อยละ 77.57 และยังมีคดีคงค้างอยู่ 10,832 คดี คิด เป็นร้อยละ 22.43 เรื่องที่มีการฟ้องศาลปกครองมากที่สุด เป็นเรื่องเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล เป็นคดีที่ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐฟ้องผู้บังคับบัญชาของตนเองมากที่สุดถึง 8,446 คดี รองลงมาเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการเวนคืน 7,008 คดี และคดีที่เกี่ยวกับพัสดุ 5,357 คดี
หน่วยงานปกครองที่ถูกฟ้องคดีมากที่สุดได้แก่ กระทรวงมหาดไทย 12,091 คดี เป็นของกรมที่ดินจำนวน 4,502 คดี รองลงมา กรมการปกครอง 3,225 คดี ตามมาด้วยกระทรวง ศึกษาธิการ 4,740 คดี กระทรวงคมนาคม 4,056 คดี สำหรับหน่วยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ถูกฟ้องมากที่สุด คือองค์การบริหารส่วนตำบล 2,726 คดี ตามมาด้วย กทม. 2,522 คดี และเทศบาล 2,121 คดี
ป.ป.ช.แจง เอเอสทีวีบิดเบือน
วันเดียวกันที่สำนักงาน ป.ป.ช.นาย กล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. แถลงผลการประชุมว่า ตามที่หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการรายวัน และเว็บไซต์ ASTV ผู้จัดการ ออนไลน์ ได้เสนอข่าวทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี โดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้พูดพาดพิงถึง การปฏิบัติหน้าที่ของนายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช.ว่า งานในความรับผิดชอบของนายภักดีคดีทุจริตในสนามบินสุวรรณภูมิที่มีการร้องเรียนไว้ 2 ปีกว่าแล้ว ยังไม่มีความคืบหน้าแม้แต่เรื่องเดียวนั้น ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่า การเสนอข้อมูลข่าวสารดังกล่าว คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง ทำให้นายภักดีและคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้รับความเสียหาย
“เรื่องกล่าวหาเกี่ยวกับการทุจริตในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการมีทั้งสิ้น 16 เรื่อง การดำเนินการในแต่ละเรื่อง กระจายอยู่ในความรับผิดชอบของพนักงาน ไม่ใช่อยู่ในความรับผิดชอบของนายภักดี เพียงคนเดียว นายภักดีไต่สวนเพียง 3 เรื่องเท่านั้น และทั้ง 3 เรื่องมีความคืบหน้าไปมากแล้ว การที่นายสนธิกล่าวว่างานในความรับผิดชอบของนายภักดีไม่มีความคืบหน้าแม้แต่เรื่องเดียว จึงคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง” นายกล้านรงค์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก กกต.ว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีความเห็นยืนตามมติ กกต.ที่สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ใบแดง) ของ น.ส. สรชา วีรชาติวัฒนา ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งหลังจากนี้ กกต.จะจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในเขต 1 สมุทรปราการ ในวันที่ 29 มี.ค.
วุฒิฯ เลียนแบบ ส.ส.สภาล่ม
ทางด้านรัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา เพื่อพิจารณาวาระการเลือกกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) แทนตำแหน่งที่ว่างลงจากการที่กรรมการพ้นจากตำแหน่งโดยการลาออก และพ้นจากตำแหน่งโดยการจับสลาก 3 คน ซึ่งสมาชิกได้อภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีความเห็นเป็น 2 ฝ่าย ในที่สุดที่ประชุมมีมติให้ดำเนินการเลือก กทช. ด้วยคะแนน 46 ต่อ 33 งดออกเสียง 1 และไม่ลงคะแนน 1 เสียง และมีมติให้เลือกผู้ได้รับการเสนอชื่อจากบัญชีแทนตำแหน่งผู้ที่จับสลากออกโดยต้องเลือก 3 ใน 6 คน ขึ้นมาพิจารณาก่อน โดยการลงคะแนนลับ พร้อมสั่งพักการประชุม 15 นาที
ภายหลังเปิดการประชุมอีกครั้ง นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ได้ขอให้ตรวจสอบ องค์ประชุมก่อนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา ผลปรากฏว่ามีสมาชิกแสดงตนเพียง 66 คน ถือว่าไม่ครบองค์ประชุมคือจำนวน 75 เสียง ทำให้ประธานต้องสั่งปิดการประชุมทันที เวลา 15.30 น. ภายหลังปิดประชุม นายประสพสุข บุญเดช ประธาน วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อองค์ประชุมไม่ครบต้องเลื่อนการประชุมไปในวันที่ 23 มี.ค. ส่วนคะแนนที่โหวตไปแล้วยังอยู่.