ที่มา ไทยรัฐ
กลองดังเองโดยไม่ต้องมีคนตี
กับบทที่ “เดอะคึก” นายเทพไท เสนพงศ์ โทรโข่งประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมายกก้นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โกอินเตอร์ไปแล้ว หลังประสบความสำเร็จอย่างสูงในเวทีประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน
เชียร์กันเองออกหน้าออกตา นี่แหละ “ผู้นำอาเซียนตัวจริง”
รับไม้ต่อมุกจากนายกฯอภิสิทธิ์ ที่นำทีมแถลงผลประชุมอาเซียนซัมมิทสุดเจ๋ง พูดเต็มปากเต็มคำ สามารถทำให้ทั่วโลกมั่นใจสถานการณ์การเมืองไทยเข้าสู่ภาวะปกติ
“อภิสิทธิ์” นำหางเครื่อง ช่วยกันตีปี๊บผลงานโบแดง เชียร์แขกประชาธิปัตย์
ให้สมกับที่ทุ่มทุนสร้าง หวังแจ้งเกิดกันเต็มที่
เอาเป็นว่า นาทีของการช่วยกันโปรยผักชีโรยหน้าประเทศไทย โลกแห่งความฝันหรูๆในเวทีประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ได้ผ่านพ้นไปแล้ว
กลับเข้าสู่สถานการณ์ปัจจุบัน
วันที่ต้องเผชิญกับโลกของความเป็นจริง โลกที่นายกฯอภิสิทธิ์ต้องเจอกับคำถามร้อนๆจากนักข่าว กรณีประชาชนส่วนหนึ่งไม่สนใจรับเช็คเงินสด 2,000 บาท ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย เนื่องจากวิธีการยุ่งยาก
ไม่ถึงมือกลุ่มเป้าหมายที่เดือดร้อนจริงๆ
ขณะที่โพลระบุคนที่รับเงิน 2,000 บาท มีแนวโน้มเอาไปเก็บไว้ ไม่นำมาใช้จ่าย สวนทางกับวัตถุประสงค์อัดฉีดเงินเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเศรษฐกิจ
ยังไม่ทันแจก ก็ส่อเค้ามั่ว
ออกตัวกระตุก มือใหม่หัดประชานิยมใจฝ่อก็แล้วกัน
ที่แน่ๆโดยอาการมันฟ้องอย่างที่เห็นๆกัน ถ้ามั่นใจในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ นายกฯอภิสิทธิ์คงไม่สั่งให้นายกรณ์ จาติกวณิช ขุนคลัง เดินหน้ากู้เงินจากต่างประเทศ มาโปะงบประมาณล่วงหน้า
ออกตัวย้ำแล้วย้ำอีก ให้ประชาชนทำใจล่วงหน้ากับตัวเลขเศรษฐกิจที่ดิ่งวูบ
“สองกุมาร” เริ่มไฟลน
ในขณะที่ตัวเลขคนตกงานก็เป็นข่าวร้ายรายวัน ตอกย้ำสถานการณ์ที่ไม่สามารถกลบเสียงวิจารณ์ของสถาบันเศรษฐกิจต่างชาติได้
ไหนจะสัญญาณร้อนๆจากกองทัพที่ทรงพลังมากสุดของเมืองไทย
โดยอาการขยับของม็อบเกษตรกรเคลื่อนพลกดดันรัฐบาลจากปัญหาราคาพืชผลตกต่ำ ทั้งม็อบมันสำปะหลังบุกล้อมกระทรวงพาณิชย์ ม็อบข้าวโพดปิดถนนประท้วง กลุ่มเกษตรกรโคนม
เทน้ำนมดิบทิ้งประจาน
ในอารมณ์เดือดดาลขึ้นทุกขณะ
สารพัดเผือกร้อนที่ผูกโยงกันเป็นลูกโซ่ เป็นโดมิโนที่เสี่ยงล้มทั้งกระดาน
“งานช้าง” สำหรับเด็กสองคน
แม้โดยยุทธศาสตร์ของรัฐบาลประชาธิปัตย์ที่พยายามปั่นกระแสความสำเร็จในเวทีประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน โหมตีปี๊บ กู้ภาพความเชื่อมั่นประเทศไทย กลบปมขบเหลี่ยมทางการเมืองระหว่างเสื้อเหลืองกับเสื้อแดง
นัยว่า “อภิสิทธิ์” คุมเกมไว้ได้แล้ว
แต่ลึกๆก็ซ่อนอาการ “กลัวเงา” ของ “ทักษิณ” ไม่อยู่ แค่โผล่มาแหย่จะได้คิวพูดในเวทีนักข่าวต่างชาติ จี้จุดอ่อนเรื่องเสียวๆเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ทั้งนายกฯอภิสิทธิ์และหางเครื่องถึงกับนั่งไม่ติด
ตีเกราะ เคาะไม้ ขู่ลากคอกลับไทย
โดยเกมแย่งพื้นที่ข่าวทางสื่อมวลชน บลัฟกันในยุทธศาสตร์ชิงกระแส
แต่จริงๆเลย นายกฯอภิสิทธิ์ก็รู้อยู่แก่ใจ “ทักษิณ” ยังเป็นไฮไลต์ โผล่มาทีไรก็ก่อแรงกระเพื่อมต่อสถานะของรัฐบาลทุกทีไป
เอา “ทักษิณ” ไม่อยู่
อย่างเก่งก็แค่สร้างข่าวกลบกระแส เหมือนล่าสุดที่เปิดมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
อยู่ๆสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ก็เปิดโพย ครม. “ทักษิณ” ปี 2545 เป็นต้นเหตุให้เกิดปัญหาล็อกสเปกนมโรงเรียน ชงนาย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม ส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ฟันเข้าข่าย พ.ร.บ.ฮั้วประมูล
เปิดปมทุบกันดื้อๆ
ในขณะที่อีกฝ่ายก็มีข่าวล่ามาไวถูกปล่อยออกมาจากลูกข่ายนายใหญ่ ทางการประเทศอังกฤษได้ออกเรสซิเด้นท์ วีซ่า ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ พำนักยาวเป็นระยะเวลา 5 ปี
ชิงกระแส บลัฟกันช็อตต่อช็อต.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน