การเปิดปฏิบัติการลุยพื้นที่ทั่วประเทศของรัฐบาล โดยนายกฯได้สั่งให้รัฐมนตรีทุกคนเดินสายพบประชาชน รัฐมนตรี 1 ท่าน ต่อ 2 จังหวัด จะเริ่มดำเนินการในห้วงสุดสัปดาห์นี้ เหตุผลก็เพื่อให้รัฐมนตรีติดตามมาตรการและปัญหาต่างๆจากผลของนโยบายรัฐบาล
แต่เหตุผลจริงๆเพราะอะไร ก็มองได้หลายอย่าง เช่นว่า ต้องการตรวจสอบผลงาน เยี่ยมเยียนประชาชน ดูปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในแต่ละจังหวัด ยิ่งภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้ ประชาชนกำลังมีทุกข์ อย่างน้อยเห็นหน้าเห็นตาเสนาบดีก็ชื่นใจได้บ้าง
แน่นอนว่าในกระบวนทำงานต้องมีการเมืองเข้ามาเป็นเงื่อนไขที่จะได้ประโยชน์ โดยก็คือการหาเสียงตุนคะแนนเอาไว้
ยิ่งการเมืองที่ผิดปกติอย่างนี้ การช่วงชิงมวลชนจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะรัฐบาลต้องวัดกำลังกับกลุ่มเสื้อแดง และดึงมวลชนให้คืนกลับมาอยู่ภาวะปกติ
หรือจะพูดให้ชัดลงไปก็คือ ช่วงชิงมวลชนจาก “ทักษิณ”
โดยเฉพาะภาคอีสาน ซึ่งมวลชนรากหญ้าที่สนับสนุนอดีตนายกฯทักษิณ ยังหนาแน่น ซึ่งหากปล่อยให้เป็นไปเช่นนี้ การเลือกตั้งครั้งต่อไปก็ยากที่จะไปสู้กับพรรคเพื่อไทย และตรงนี้จะเป็นจุดวัดใจ ส.ส. หรือผู้สมัครภาคอีสานว่าจะยืนอยู่ตรงไหน
หากยังเหนียวแน่น อิทธิพลของ พ.ต.ท.ทักษิณยังไม่เปลี่ยนแปลง รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้อย่างพลิกฟ้าควํ่าแผ่นดิน
ประชาธิปัตย์ก็อย่าได้หวังว่าจะปักธงอีสานได้
อย่างไรก็ดี การที่รัฐมนตรีออกตรวจราชการครั้งนี้ ควรจะคิดและตระหนักว่าเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ต่อชาวบ้านโดยตรงคือการรับรู้ปัญหา การได้เปิดใจว่าเขามีปัญหาอะไร ซึ่งจะเป็นข้อมูลที่ดีของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาและกำหนดทิศทางนโยบาย
อยู่ที่ว่าจะมีความพร้อมและเตรียมงานอย่างจริงจังแค่ไหน เพราะถ้าไปแค่สักว่าไปก็ไม่มีประโยชน์ และไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาล
เพราะวันนี้รัฐบาลต้องรู้ว่ามีการตรวจสอบการทำงาน และการบริหารอย่างเข้มข้น ทั้งในสภาและนอกสภา การเดินทางไปพบประชาชนก็ต้องโดนกลุ่มเสื้อแดงชุมนุมขับไล่แน่ ดังนั้น ต้องหลบเพื่อไม่ให้เกิดการปะทะ เรียกว่าไม่ใช่ทำงานกันได้ง่ายๆ
แต่ตรงกันข้าม หากบรรดารัฐมนตรีแต่ละคนทำงานกันจริงๆ เข้าถึงชาวบ้านเท่าที่จะทำได้ กรรมย่อมชี้เจตนา
นั่นคือชาวบ้านจะตัดสินใจเอง
เหนืออื่นใด การช่วงชิงมวลชนครั้งนี้ ดูเหมือนว่าจะมีการวัดกำลังอีกส่วนหนึ่ง คือสีแดงกับสีน้ำเงิน สีแดงคือมวลชนของพรรคเพื่อไทย แต่สีน้ำเงินคือมวลชนของพรรคภูมิใจไทย
ครับ...สุดท้ายมันก็คือ “ทักษิณ” กับ “เนวิน”
เพราะปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่นายเนวิน ชิดชอบ ได้นำทีมออกจากอ้อมกอด “นายใหญ่” แล้วได้สร้างความรู้สึกแตกแยกของ ส.ส.อีสานชัดเจน รู้ว่าใครเป็นพวกใคร ใครเป็นนก 2 หัว และมวลชนเสื้อแดงที่นายเนวินสร้างขึ้นมา จึงถูกแยกเป็น 2 ส่วน คือ แยกส่วน ส.ส.แล้วยังแยกส่วนมวลชนเสื้อแดง
ทั้ง 2 อย่างนี้ นอกจากเงินทุนที่จะต่อสู้การเมืองที่มีมากอยู่แล้ว ส.ส.และมวลชนรากหญ้าจากอีสานถือเป็นต้นทุนที่สำคัญ ที่ทำให้ชนะทางการเมืองมาตลอด แต่กลับมาถูกลูกน้องระดับมือขวามาแยกส่วน อย่างนี้เท่ากับคว้ากล่องดวงใจไปเลยทีเดียว
การเมืองที่ต้องสู้กันทุกหยดว่ากันวันต่อวัน รัฐบาลดูเหมือนจะเปิดเกมอย่างรู้เท่ารู้ทันมากขึ้น แต่อย่าให้การเมืองมาเป็นเครื่องชี้วัดความอยู่รอดอย่างเดียว
จะผ่านศึกซักฟอกไปได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ เพราะข้อมูลของฝ่ายค้านไม่ธรรมดาเหมือนกัน.
“สายล่อฟ้า”