ที่มา Thai E-News
ที่มา ประชาไท
6 มีนาคม 2552
เผด็จการเถื่อนคุกคามสื่อฝ่ายประชาธิปไตย ยกพวก2คันรถบุกจับ"จีรนุช"เวบมาสเตอร์สตรีของเวบหนังสือพิมพ์ออนไลน์ประชาไท คาดใช้พรบ.คอมพ์เล่นงานฐานปล่อยสมาชิกโพสต์หมิ่นเหม่สถาบันลงเวบบอร์ด เจ้าตัวเผยก่อนหน้านี้กับไทยอีนิวส์ให้ความร่วมมือกับทางการตามกฎหมายตลอด เจอสารพัดหน่วยงานขอข้อมูลมาเพียบ แต่เพิ่งส่งข้อมูลให้เพียงรายเดียว เผยโดนแฮ็คตลอดหวังเจาะอีเมล์สมาชิกจนต้องเข้ารหัสป้องกันความลับ
เผด็จการเถื่อนยกพวก2คันรถบุกจับเวบมาสเตอร์สตรีของประชาไท
เวลาประมาณ 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ 5 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิง 1 คน และเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบ 1คน เดินทางด้วยรถยนต์ จำนวน 2 คัน เข้าแสดงตนพร้อมหมายค้นและหมายจับ น.ส. จีรนุช เปรมชัยพร ผู้ดูแลเว็บไซต์ประชาไท ด้วยข้อหากระทำความผิดตามมาตรา 15 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน โดย น.ส. จีรนุช ปฏิเสธให้การใดๆ จนกว่าจะมีทนายความให้คำปรึกษา
บก.ประชาไทคาดโดนข้อหาสมาชิกโพสต์หมิ่นเหม่ลงบอร์ด
มีรายงานว่าจีรนุชถูกควบคุมตัวไปสอบสวนอยู่ที่ ส.น.พญาไท มีนักข่าวต่างประเทศไปทำข่าวจำนวนมาก สำหรับข้อหาที่โดนจับกุมนั้นคาดว่าอาจจะเนื่องมาจากสมาชิกของประชาไทโพสต์ข้อความหมิ่นเหม่ต่อสถาบันกษัตริย์ลงในเวบบอร์ดประชาไท
สำนักข่าวINNรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามแจ้งข้อกล่าวหา กระทำผิดมาตรา 15 พรบ.คอมพิวเตอร์ เผยแพร่ข้อมูลในเว็บไซต์ โดยมีเนื้อหาหมิ่นสถาบัน จากการสอบถามนายชูวัฒน์ เลิศกิติสุข บรรณธิการ กล่าวว่า ตนเองเข้าใจว่าประเด็นที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในครั้งนี้น่าจะเกิดจากการที่มีผู้เข้ามาโพสต์ข้อความในเว็บบอร์ด ซึ่งมีข้อความเป็นจำนวนมาก อาจลบไม่ทันจึงเกิดปัญหาขึ้น
จีรนุชเผยทำตามกฎหมายให้ความร่วมมือทางการมาตลอด
ก่อนหน้านี้จีรนุชเคยกล่าวกับไทยอีนิวส์ว่า ได้เก็บข้อมูลการโพสต์ข้อความต่างๆไว้ตามที่กฎหมายกำหนดไว้90วัน และหากเจ้าหน้าที่ขอร้องข้อมูลมาก็พร้อมให้ความร่วมมือตามกฎหมาย แต่ได้แจ้งเตือนสมาชิกไว้ตลอดว่า ไม่ให้โพสต์ข้อความหมิ่นเหม่ต่อสถาบัน จากที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ทางการได้ขอความร่วมมือตามกฎหมายมากรณีหนึ่ง คือการที่มีสมาชิกนำข้อความหมิ่นเหม่ของผู้ใช้นามแฝงว่า"บัฟฟาโล่บอย"มาโพสต์ต่อที่บอร์ดประชาไท
ต่อมามีข่าวว่ามีการเข้าจับกุมหญิงสาวคนหนึ่งอายุ26ปีฐานโพสต์ข้อความหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยเชื่อกันว่าเป็นคนที่นำข้อความของ"บัฟฟาโล่บอย"มาโพสต์ต่อที่บอร์ดประชาไท และต่อมาได้รับการประกันตัวออกไปแบบเงียบๆ
ที่ผ่านมา ไม่เคยติดต่อประชาไท
ประชาไทกับความลับของสมาชิกVSการให้ความร่วมมือตามกฎหมายต่อทางการ
จีรนุชเปิดเผยก่อนหน้านี้เช่นกันว่า ที่ผ่านมาทางการที่มีติดต่อประชาไทจะมี ตำรวจนครบาล, กองปราบ, สำนักเทคโนโลยีอาชญากรรม สตช., สภอ.ขอนแก่น และ กระทรวงไอซีที
ในส่วนของการให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลกับตำรวจ ที่ผ่านมาจะมีเป็นหมายเรียกพยานเอกสาร, หมายเรียกพยานบุคคล และหนังสือเรียกดูข้อมูลจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.คอมพ์ ที่แต่งตั้งโดย รัฐมนตรี ซึ่งเราก็จะปฏิบัติตามข้อกฎหมายที่กำหนด โดยส่วนใหญ่ของข้อมูลที่ต้องการ จะเกินกว่า 90 วัน ซึ่งทางประชาไทเก็บไว้ 90 วัันตามที่กฎหมายกำหนด โดยส่วนใหญ่จึงไม่มีข้อมูลให้ทางเจ้าหน้าที่
เพิ่งมีเพียงรายเดียวที่อยู่ในระยะเวลา 90 วัน และได้ให้ IP ไป (เป็นข้อความที่ ตัดมาจากบทความใน hi5 ของนามแฝงบัฟฟาโล่บอย) ให้เจ้าหน้าที่ได้เพียง IP ค่ะ ส่วนอีเมล์ทางประชาไทเก็บไว้ในลักษณะของการเข้ารหัส ซึ่ง admin ของประชาไทเองก็จะไม่ทราบว่าอีเมล์ของสมาชิกคืออะไร
การตัดสินใจเข้ารหัสอีเมล์ เพราะที่ผ่านมามีความพยายามดำเนินการ hack เข้ามาในserver ของประชาไท ซึ่งประชาไทก็ตัดสินใจปรับระบบเพื่อเพิ่มมาตรการความปลอดภัยให้สมาชิก แต่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าสายไปหรือไม่
หมายเหตุ
มาตรา ๑๔ ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(๑) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
(๒) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
(๓) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
(๔) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
(๕) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (๑)(๒) (๓) หรือ (๔)
มาตรา ๑๕ ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา ๑๔ ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมา