ที่มา มติชนออนไลน์
ยิงรายวัน กลุ่มป่วนใต้ประกบรัวอาก้ายิงพระบิณฑบาตสาหัส1 ดับ1 เหตุเกิดหลังประชุมเครียดครม.ใต้ไม่กี่ชั่วโมง เลขาฯโอไอซีจี้ไทยสอบเหตุฆ่าหมู่ในมัสยิด หวั่นเกิดการแก้แค้น ผบ.ทบ.เผยปืนกราดยิงมัสยิดเคยใช้ก่อเหตุมาก่อน "มาร์ค"หวังได้ตัวคนร้ายพิสูจน์จนท.ไม่เกี่ยว "สุเทพ"เชื่อแกนนำถึงหลักพัน
"สุเทพ"อ้างแกนนำป่วนใต้มีอิทธิพล มีอยู่หลักพันคน เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 12 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีกลุ่มผู้ก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ลอบยิงพระภิกษุจนมรณภาพในจ.ยะลา ว่า ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวด้วยความสลดใจ เพราะการลอบทำร้ายพระได้หายไปพักหนึ่งแล้ว ซึ่งในการเดินทางลงพื้นที่ในวันที่ 13 มิถุนายน จะไปกำชับเจ้าหน้าที่ให้เพิ่มมาตรการในการดูแลความปลอดภัยแก่พระและประชาชน อีกทั้งยังได้พูดคุยกับพล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ว่าในช่วงนี้ผู้ก่อความไม่สงบพยายามสร้างสถานการณ์ให้รุนแรงขึ้น จึงขอให้เจ้าหน้าที่รักษาความสงบงดวันลาวันหยุด และขอให้ประชาชนอดทน รัฐบาลจะแก้ปัญหา โดยไม่มีการแก้แค้นอะไรทั้งสิ้น
นายสุเทพกล่าวต่อว่า ในการประชุมครม. ภาคใต้เมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่ประชุมได้รับทราบเหตุการณ์กราดยิงประชาชนในมัสยิดอัลฟุรกอน ในหมู่บ้านไอบาแย อ. เจาะไอร้อง จ. นราธิวาส จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 10 ศพ ซึ่งมีหลักฐานปรากฏชัดเจนว่าเป็นฝีมือของผู้ก่อการร้าย เนื่องจากปลอกกระสุนที่พบในที่เกิดเหตุ เป็นปลอกกระสุนจากปืนที่เคยใช้ก่อเหตุในพื้นที่อื่นมาก่อนแล้ว ทั้งนี้นายกฯ ได้กำชับให้นำตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้ เพราะถ้าจับตัวไม่ได้ จะทำให้ผู้ก่อการร้ายได้ใจ และก่อความผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก นอกจากนี้นายกฯ ยังมอบหมายให้ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศไปชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นให้ที่ประชุมองค์การอิสลามโลก (โอไอซี) รับทราบว่ารัฐพยายามทำทุกอย่างตามความเป็นจริง
เมื่อถามต่อว่า ขณะนี้รัฐบาลแยกแยะได้หรือยังว่ามีผู้ก่อเหตุระดับแกนนำและระดับปฏิบัติการได้หรือยัง รองนายกฯ กล่าวว่า "แยกแยะได้อยู่แล้ว มีบัญชีแยกแยะได้ชัดเจนว่าแกนนำที่มีอิทธิพลมีอยู่ในระดับเป็นพันๆคน แต่เราไม่มีเป้าหมายจะตามล่า ฆ่าฟันกันไป แต่พยายามทำให้เขาเห็นว่าเมืองไทยสามารถอยู่ร่วมกันได้ด้วยสันติ และเขาควรเปลี่ยนความคิด" "อภิสิทธิ์"หวังได้ตัวคนร้ายกราดยิงมัสยิด พิสูจน์จนท.รัฐบริสุทธิ์
เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนออกเดินทางเยือนประเทศกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ถึงการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ในการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อค่ำวันที่ 11 มิ.ย. นั้นนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้รายงานถึงการลงพื้นที่ ขณะที่ตนได้กำชับและเร่งรัดเจ้าหน้าที่ดำเนินการจับกุมและดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิด
เมื่อถามว่าจะดำเนินการอย่างไรเพราะมีใบปลิวในพื้นที่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วิธีที่ดีที่สุดคือการเร่งรัดการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะมีข้อมูลเบื้องต้นที่เกี่ยวข้องที่น่าจะเป็นประโยชน์ จึงได้เร่งรัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ต่อข้อซักถามว่าเป็นห่วงหรือไม่ว่าขณะนี้ในพื้นที่มีสงครามข่าวสารเกิดขึ้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่ามีอะไรที่จะสามารถพิสูจน์ให้เห็นได้หรือไม่ว่าไม่ใช่เป็นการกระทำจากเจ้าหน้าที่รัฐ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การได้ตัวคนร้ายจะเป็นสิ่งที่พิสูจน์
"อนุพงษ์"เผยปืนกราดยิงมัสยิด เคยใช้ทำร้ายปชช.มาก่อน
เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหาร(ผบ.ทบ.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการติดตามผู้ก่อเหตุกราดยิงมัสยิดอัลฟุรกอน อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาสมัสยิด มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก ว่า ขณะนี้ดูจากหลักฐานพบว่าหนึ่งในอาวุธที่ผู้ก่อเหตุนำมาใช้เป็นอาวุธที่เคยก่อเหตุทำร้ายประชาชนมาก่อน
"พูดตามข้อเท็จจริงและสภาพแวดล้อม โดยหมู่บ้านดังกล่าวให้ความร่วมมือกับราชการอย่างใกล้ชิดดีมาก และเจ้าหน้าที่ถือว่าหมู่บ้านนี้เป็นฝ่ายเราค่อนข้างสูง อีกทั้งสภาพแวดล้อมของหมู่บ้านส่วนใหญ่เป็นไทยมุสลิม และหมู่บ้านไทยพุทธที่อยู่ใกล้ที่สุดอยู่ห่าง 3 กิโลเมตร ดังนั้นการที่ผู้ก่อการร้ายพยามใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้" ผบ.ทบ.กล่าว ยะลารัวอาก้ายิงพระบิณฑบาต สาหัส1มรณภาพ1
เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 06.20 น. เกิดเหตุคนร้าย 2 คน ขับขี่จักรยานยนต์ ใช้อาวุธปืนอาก้า ยิงพระสมบัติ ศรีสุวรรณวิเชียร 60 ปี ลูกวัดบ้านคลองทรายใน ขณะบิณฑบาต ที่หมู 5 บ้านคลองทรายใน ต.ลุโป อ.เมือง จ.ยะลา มรณภาพในที่เกิดเหตุ นอกจากนี้พระธวัชชัย ไชยหมาน อายุ 24 ปี ถูกยิงที่บริเวณสีข้าง ได้รับบาดเจ็บสาหัส ในที่เกิดเหตุ มีปลอกกระสุนอาก้าตกอยู่ด้วย ด้านพระสมุห์คล่อง สุทธิประภาโส เจ้าอาวาสวัดคลองทรายใน เปิดเผยว่า พระสมบัติเพิ่งจะบวชเมื่อปีที่ผ่านมา ก่อนเกิดเหตุพระทั้งสองรูป ก็ออกบิณฑบาตตามปกติ แต่ในช่วงที่ผ่านมาก่อนหน้านี้มีกำลังเจ้าหน้าที่ ทั้งชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่ทหาร มาดูแลรักษาความปลอดภัยให้ แต่ในระยะหลังกลับไม่มีกำลังมาดูแล ก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด ทดลองกม.มั่นคงก่อนใช้ที่จว.ใต้
ก่อนหน้านี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ถึงการแก้ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ โดยจะประกาศใช้กฎอัยการศึกในพื้นที่ที่มีเหตุการณ์รุนแรง ใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ในพื้นที่ในเมือง ส่วนพื้นที่ปลอดภัยจะใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ว่าจะพิจารณาในรอบของการต่ออายุ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ครั้งต่อไป โดยให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องประเมิน และทำเรื่องถอนกฎอัยการศึกมาในจังหวัดชายแดนที่ไม่ใช่ภาคใต้ก่อน แล้วเอา พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงฯเข้าไปจับ
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เหตุที่ยังไม่นำ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงฯมาใช้ในพื้นที่มีความรุนแรงก่อน เนื่องจากฝ่ายความมั่นคงต้องการให้มีพื้นที่ที่ได้ใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงฯ เพื่อจะได้ลองดูว่าการใช้อำนาจมีจุดแข็งจุดอ่อนอย่างไร หากนำไปใช้ในพื้นที่ที่มีปัญหาอยู่ ก็ไม่ต้องการให้เกิดปัญหา หากมีการยกเลิกกฎอัยการศึกแล้วทำไม่ได้ ก็ต้องกลับมาประกาศใช้กฎอัยการศึกใหม่ ส่วนแนวทางที่นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เสนอปรับลดการใช้กำลังทหาร และบทบาทโครงสร้างกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) โดยใช้กฎหมายใหม่นั้น นายกฯกล่าวว่า นายถาวรกำลังไปปรับในเรื่องกฎหมาย แต่ต้องใช้เวลา มีปัญหาเปลี่ยนแปลงต่างๆ และโครงสร้างยังไม่ลงตัว แต่ในหลักการทาง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) บอกว่ากองทัพไม่ขัดข้องในการปรับตรงนี้
"มาร์ค"สั่งเข้มข้นพิเศษหลายพื้นที่
"เรื่องที่กลุ่มก่อความไม่สงบจะยกระดับความรุนแรงโดยระเบิดรถบรรทุกก๊าซนั้น ผบ.ทบ.ยืนยันว่าจะต้องไปปรับปรุงมาตรการต่างๆ ให้ดีขึ้น โดยเรื่องการปฏิบัตินั้น ผมเห็นใจเจ้าหน้าที่ ถ้าอยากให้คุมได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ก็จะกลายเป็นต้องเพิ่มเจ้าหน้าที่และงบประมาณเข้าไปอีก ก็ไม่แน่ใจว่าจะใช่แนวทางหรือไม่" นายอภิสิทธิ์กล่าว และว่า รัฐบาลไม่ต้องการให้เกิดเหตุแบบนี้ ไม่ต้องการให้เกิดรุนแรงบานปลาย แต่ที่ยืนยันว่าการใช้แนวทางพัฒนาเป็นแนวทางที่ถูกต้อง เพราะรัฐบาลไม่ต้องการให้ย้อนไปใช้ความรุนแรง จนทำให้เกิดวงจรของความรุนแรง เมื่อถามถึงกรณีชาวบ้านต้องการให้จับตัวคนร้ายให้ได้ นายกฯกล่าวว่า ถูกต้อง ในกรณีอื่นไม่ว่ายิงครู หรือคาร์บอมบ์ก่อนหน้านี้ ก็มีความชัดเจนขึ้นแล้ว แต่กรณียิงชาวมุสลิมในมัสยิดยังไม่มีความชัดเจน ดังนั้น จึงได้ย้ำกับผู้ที่เกี่ยวข้องว่า ตอนนี้อารมณ์มันรุนแรงในหมู่ประชาชน ฉะนั้นกระบวนการที่ต้องเข้าไประวังดูแล จะต้องเข้มข้นเป็นพิเศษในหลายพื้นที่
ด้าน พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ที่รุนแรงขึ้นว่า เหตุการณ์ช่วงนี้เป็นเพียงประชาชนส่วนหนึ่งที่ก่อเหตุ หน้าที่ทหารคือ จะเข้าไปดูแลประชาชนส่วนใหญ่ให้ปลอดภัย หากจะควบคุมไม่ให้เกิดเหตุคงจะลำบาก แต่ที่ผ่านมาฝ่ายความมั่นคงไม่ได้ปล่อยปละละเลย "ที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบก่อเหตุยิงชาวมุสลิมขณะละหมาดในมัสยิด เป็นเรื่องใหม่ที่เราไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น สถานที่ที่เกิดส่วนใหญ่ก็เป็นสถานที่ใหม่ที่เราไม่ได้คาดคิด"
เมื่อถามว่า เหตุการณ์จะพัฒนาไปสู่สงครามระหว่างศาสนาหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น อย่าไปกังวลขนาดนั้น ขณะนี้ กอ.รมน.ได้ดูแล โดยเฉพาะในพื้นที่สีแดง เราสามารถไปในหมู่บ้านได้มากขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นบ้างเพราะมีประชาชนส่วนหนึ่งไม่เข้าใจ เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ต้องทำงานต่อไป เมื่อถามว่า รัฐบาลรู้หรือไม่ว่ารัฐบาลกำลังสู้กับใคร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า " รู้สิไม่รู้ก็แย่ ตอนนี้ฝ่ายความมั่นคงเขามีรายชื่อหมดแล้ว และถ้าอยากรู้ให้มาคุยกับผม"
แฉพูโลป้อนข้อมูลให้"โอไอซี"
นายพีรยศ ราฮิมมูลา ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ และนายวัชระ ยาวอหะซัน ส.ส.นราธิวาส พรรคชาติไทยพัฒนา ร่วมกันแถลงที่รัฐสภา เรียกร้องให้รัฐบาลมีความอดทนและเร่งแก้ไขปัญหา รวมถึงหาผู้กระทำผิดในการก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ให้เร็วที่สุด โดยนายพีรยศกล่าวว่า จากการลงพื้นที่พูดคุยกับชาวบ้านพบว่าส่วนใหญ่เกรงว่า จะเกิดการแก้แค้นตามมา หากรัฐบาลยังไม่สามารถหาตัวผู้กระทำความผิดโดยเฉพาะการยิงถล่มมัสยิดใน จ.นราธิวาส เพราะแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ระบุว่า มีการเตรียมถังแก๊สไว้ก่อการเพื่อแก้แค้นแล้ว รวมถึงยังมีความกังวลในเรื่องความขัดแย้งทางศาสนา เพราะการยิงในมัสยิดหรือสุเหร่า ซึ่งถือเป็นบ้านของพระผู้เป็นเจ้า อาจทำให้ชาวไทยมุสลิมคิดว่าเป็นฝีมือชาวไทยพุทธ และขณะนี้เจ้าหน้าที่ก็ถูกตั้งข้อสงสัยแล้ว "เรื่องนี้ 1 ใน 4 คนของขบวนการพูโลที่เคยออกชี้แจงผ่านโทรทัศน์ช่อง 5 โดย พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร เป็นผู้ประสานงาน ได้เล่าสถานการณ์ในพื้นที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้กับองค์การกลางอิสลาม (โอไอซี) ฟัง ส่วนหนึ่งได้เปิดเผยถึงขบวนการต่างๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวในพื้นที่ภาคใต้ ทำให้โอไอซีจับตามองและระบุว่า จะติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ของไทยอย่างใกล้ชิด เพราะมองว่าไทยยังไม่สามารถเคลียร์ตัวเองได้ตั้งแต่กรณีกรือเซะ ตากใบ ดังนั้น รัฐบาลต้องเร่งจับกุมคนร้าย อย่าให้ต่างชาติเข้ามาแทรกแซงหรือกดดัน" นายพีรยศกล่าว
ปชป.ซัดรัฐบาลไม่ทำตามสัญญา
นายพีรยศกล่าวอีกว่า ยังได้รับข้อมูลอีกว่า เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ยังไม่มีความเป็นเอกภาพ ตำรวจและทหารแย่งกันเป็นพระเอกจึงทำให้การแก้ปัญหาผิดพลาด ไม่ตรงจุด นอกจากนี้ยังรู้สึกผิดหวังกับรัฐบาล เพราะสมัยเป็นฝ่ายค้านได้สัญญากับชาวบ้านในพื้นที่ และได้ให้คำแนะนำรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ว่าควรจะมีรัฐมนตรีลงไปกำกับดูแลพื้นที่ภาคใต้โดยตรง แต่เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลกลับไม่ยอมทำตามที่พูดไว้ ชาวบ้านจึงเสียความรู้สึก
"อยากเรียกร้องให้นายกฯพิจารณาทบทวน และเร่งดำเนินการส่งรัฐมนตรีที่รับผิดชอบปัญหาภาคใต้ คือ นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน คือ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เพราะถ้าไปๆ มาๆ ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร" นายพีรยศกล่าว
ขณะที่นายต่วนอับดุลเล๊าะ ดาโอ๊ะมารียอ ส.ว.ยะลา ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ แถลงถึงเรื่องเดียวกันว่า ขอให้รัฐบาลเร่งดำเนินการจับกุมคนร้ายให้ได้ โดย กมธ.จะลงพื้นที่เพื่อรวบรวมข้อมูลมาพิจารณาต่อไป วันเดียวกัน นายเอกเมลิดิน อิห์ซาโนกลู เลขาธิการโอไอซี ได้ออกมาประณามเหตุการณ์คนร้ายบุกเข้าไปยิงชาวมุสลิมที่กำลังประกอบพิธีทางศาสนาภายในมัสยิด ที่ จ.นราธิวาส โดยกล่าวว่า เป็นการกระทำโหดเหี้ยมของกลุ่มติดอาวุธ ทั้งนี้ เพื่อสร้างความหวาดกลัวและไม่ให้ชาวมุลิมสามารถใช้สิทธิพื้นฐานของตนได้ โดยเลขาธิการโอไอซีเรียกร้องต่อรัฐบาลไทยให้สอบสวนเพื่อพิสูจน์ว่าเหตุการณ์น่าเศร้านี้เป็นฝีมือของใครและนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ รวมทั้งดำเนินความพยายามเท่าที่จำเป็นเพื่อคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของชาวมุสลิมทางภาคใต้ของไทย
เผา-บึ้ม"ยะลา"11จุดเสียหาย123ล.
ด้านศูนย์ปฏิบัติการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ จ.ยะลา ได้สรุปความเสียหายจากเหตุคนร้ายลอบวางเพลิงและระเบิด 11 จุด เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า โดยการวางเพลิงโกดังศรีสมัย เสียหาย 3 แสนบาท วางเพลิงโกดังศรีสมัย เสียหาย 2 ล้านบาท วางเพลิงร้านอภิรักษ์เฟอร์นิเจอร์ เสียหาย 28 ล้านบาท วางเพลิงโกดังสินค้าย่งฮวด เสียหาย 80 ล้านบาท วางเพลิงรถยนต์ 10 ล้อของบริษัท ศิลาอุตสาหกรรม เสียหาย 24,000 บาท วางเพลิงเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ระบบทรู และวางเพลิงตู้โทรศัพท์สาธารณะ (ทีโอที) จำนวน 1 ตู้ อยู่ระหว่างประเมินความเสียหาย
ส่วนความเสียหายเหตุลอบวางระเบิด 4 จุด ประกอบด้วย วางระเบิดป้ายหน้าโชว์รูมรถอีซูซู เสียหาย 250,000 บาท ข้างตู้เอทีเอ็ม ธนาคารกสิกรไทย เสียหาย 350,000 บาท บริเวณถนนหน้าคาเฟ่ โรงแรมยะลารามา เสียหาย 239,000 บาท และที่ซุปเปอร์ยะลา เสียหาย 168,000 บาท รวมค่าเสียหายทั้งหมดกว่า 123 ล้านบาท
ครส.จี้ตั้งกก.อิสระสอบยิงมัสยิด
ด้านการสัมมนาทางวิชาการ "5 ปีตากใบ 5 ปีไฟใต้ 5 เดือนรัฐบาลอภิสิทธิ์" ที่ห้องประชุมสมาคมนิสิตเก่ารัฐศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งจัดขึ้นหลังจากศาลจังหวัดสงขลา มีคำสั่งในคดีไต่สวนการตาย 78 ศพ ที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา ระบุว่าทั้งหมดเสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจ โดยนายวิทิต มันตราภรณ์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า เหตุการณ์คดีตากใบเป็นสิ่งที่กระทบต่อจิตใจของประชาชนในพื้นที่มาก โดยเฉพาะหลังจากมีคำสั่งดังกล่าวออกมา สิ่งที่เป็นภาพลบ คือการตอบโต้รุนแรงมากขึ้น จึงอยู่ที่รัฐจะตอบสนองความต้องการของประชาชนได้มากเท่าไร ไม่เช่นนั้นประชาชนจะเริ่มตอบโต้กันเองด้วยวิธีรุนแรง นายรัษฎา มนูรัษฎา ตัวแทนสภาทนายความแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ศาลชี้เพียงว่า คนทั้งหมดเสียชีวิตเนื่องจากการขาดอากาศหายใจ ขณะอยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ไม่ระบุถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดการขาดอากาศหายใจ ทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกที่ไม่ดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในงาน คณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.) นำจดหมายเปิดผนึกมาแจกจ่ายให้กับผู้สื่อข่าว เรียกร้องให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการอิสระ เพื่อตรวจสอบกรณีฆาตกรรมหมู่ที่มัสยิด อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส พร้อมให้ปฏิรูปการทำงานของกองทัพในพื้นที่