ที่มา ประชาไท
คณะกรรมการยุติธรรมเพื่อสันติภาพประณามการใช้ความรุนแรงในศาสนสถานและฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ เรียกร้องรัฐให้ความมั่นใจกับประชาชน ใช้การเมืองนำการทหาร และยุติการสร้างความหวาดระแวงและความไม่ไว้วางใจในหมู่ประชาชน
000
คณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ Working Group on Justice for Peace
ที่ 27/2552
วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ.2552
แถลงการณ์
ประณามการใช้ความรุนแรงในศาสนสถาน และการฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์
จากสถานการณ์ความรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้นในจังหวัดนราธิวาส ในระหว่างสัปดาห์ที่ผ่านมาได้สร้างความสะเทือนใจแก่ประชาชนทั่วไปเป็นอย่างสูง พบว่าที่ผ่านมาแม้สถิติการก่อเหตุร้ายในจังหวัดชายแดนภาคใต้จะลดลง แต่พบมีความรุนแรง และการฆ่าที่โหดร้ายทารุณมากขึ้น โดยเฉพาะล่าสุดการฆ่าครูซึ่งกำลังตั้งครรภ์ที่อำเภอระแงะ และการสังหารหมู่ราษฎรมุสลิมที่กำลังปฏิบัติศาสนกิจในมัสยิดอัลฟุรกอนที่อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส เมื่อคืนวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมาทำให้มีผู้เสียชีวิต 11 ศพ และบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก
ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นการจงใจที่จะแสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายทารุณ และทำให้เห็นว่าเป็นการตอบโต้กันระหว่างคนสองชาติพันธ์ที่เคยอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุข และพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เพื่อยั่วยุให้เกิดให้โกรธแค้น และสร้างความหวาดระแวงในระหว่างประชาชน เพื่อที่รัฐจะได้ทำการปราบปรามอย่างรุนแรง จนอาจส่งผลให้สถานการณ์บานปลายลุกลามยากต่อการแก้ไข
คณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ รู้สึกเศร้าสลดต่อเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นอย่างยิ่ง และขอประณามผู้กระทำผิด รวมถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังกระทำประทุษร้ายต่อราษฎรผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะการใช้ความรุนแรงในมัสยิดอันเป็นศาสนสถานที่มุสลิมทุกคนให้ความเคารพ ขอ
แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัว รวมถึงญาติมิตรของบรรดาผู้เสียชีวิตทุกคน
“ ศาสนสถานทุกแห่งถือเป็นศูนย์รวมจิตใจของบรรดาศาสนิก และจะต้องเป็นพื้นที่ปลอดภัย การใช้ความรุนแรงในศาสนสถานจึงเป็นสิ่งซึ่งไม่มีผู้ใดสามารถยอมรับได้ รัฐบาลจึงต้องเร่งดำเนินการในการคลี่คลายความจริงและนำตัวผู้กระทำผิดมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็วที่สุด โดยเปิดช่องทางการแสวงหาความจริงร่วมกัน ระหว่างรัฐและประชาชน เพื่อลดความหวาดระแวง และความไม่ไว้วางใจระหว่างกัน” นางอังคณา นีละไพจิตร ประธานคณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพกล่าว
คณะทำงานฯขอเรียกร้องต่อรัฐบาลดังนี้
1. รัฐบาลต้องยึดหลักการแก้ปัญหาโดยใช้ การเมืองนำการทหาร อย่างแท้จริง ไม่ควรให้หน่วยงานความมั่นคงโดยเฉพาะ กอรมน ภาค 4 ซึ่งมีทหารเป็นหลักเป็นผู้ใช้อำนาจในการแก้ปัญหาแต่เพียงลำพัง โดยขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน และรัฐต้องเปิดหนทางในการเจรจาสื่อสารกับทุกฝ่ายด้วยสันติวิธีเพื่อยุติความรุนแรง
2. รัฐบาลต้องสร้างความมั่นใจแก่ราษฎรทุกคนในการเข้าถึงความยุติธรรมตามหลักนิติธรรม และเคารพหลักสิทธิมนุษยชน โดยไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ว่าผู้กระทำผิดจะเป็นใคร และควรเปิดช่องทางให้มีการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐทุกระดับเพื่อความโปร่งใส
3. กอรมน ภาค 4 ต้องยุติการกระทำที่เป็นการสร้างความหวาดระแวง และความไม่ไว้วางใจในหมู่ประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการนำราษฎรมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาเข้าโครงการอบรมต่างๆโดยไม่สมัครใจ หรือการจัดทำบัญชีผู้ต้องสงสัยโดยปราศจากพยานหลักฐานที่น่าเชื่อถือ
คณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกท่านซึ่งปฎิบัติหน้าที่ด้วยความอดทน อดกลั้น และยึดหลักนิติธรรมอย่างเคร่งครัด ขอเป็นกำลังใจให้รัฐบาลในการใช้นโยบายการเมืองนำการทหาร เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง และความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตามแนวทางสันติวิธี และเปิดทางให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน เพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในหมู่ประชาชนให้กลับคืนมา เพราะสันติภาพย่อมไม่อาจเกิดขึ้นได้โดยปราศจากความไว้วางใจ และการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง