ที่มา บางกอกทูเดย์
200 ปีมาแล้ว...ที่ต้นเหตุแห่งความขัดแย้ง “รุนแรง” บริเวณพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้...ยังคงเหน็ดเหนื่อยกับการระดมสมองแก้ไขปัญหายุทธวิธี และ ยุทธศาสตร์ ที่ใช้แก้ไขนั้น...ทำกันได้ผลจริงหรือ?ทำไมเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ “ภาคใต้” จึงกลับมารุนแรงอีกครั้ง...โดยเฉพาะเหตุการณ์ล่าสุด เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.52 ที่ อ.เจาะไอร้องจ.นราธิวาส ได้สร้างความ สลด และ หดหู่ ให้กับคนไทยทั้งประเทศโจรอำมหิต...จิตใจแข็งกระด้าง ได้กราดยิงเข้าใส่มัสยิด“ไอร์ปาแย” ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พี่น้องชาวมุสลิมส่วนหนึ่งกำลัง“ทำละหมาด” ตามหลักปฏิบัติของศาสนา11 ศพ...กับชีวิตที่ต้องสูญเสียไปของ “ผู้บริสุทธิ์” อีกทั้งยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมากผู้มีหน้าที่ “รับผิดชอบ” ภายใต้การนำของรัฐบาล “อภิสิทธิ์เวชชาชีวะ” ทั้ง ผบ.ทบ. “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” รวมถึงรัฐมนตรีที่ดูแลด้านความมั่นคง “สุเทพ เทือกสุบรรณ”ต่างวิ่งวุ่น...นั่งกันไม่ติด!“นายกฯ อภิสิทธิ์” ออกมากล่าว “คลี่คลายสถานการณ์”ว่า จะไม่ใช้ความรุนแรงกับ “ผู้ก่อการร้าย”ซึ่งมองแล้วเป็นเรื่องดี...ถือเป็นการ “เอาน้ำเย็น” เข้าลูบการที่ประกาศออกไปอย่างนั้น...นายกฯ อภิสิทธิ์ หวังผลให้ภายในพื้นที่เกิดเหตุเย็นลง แต่ในความเป็นจริงมัก “ตรงกันข้าม”ดูอย่างสมัย “บิ๊กบัง” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ที่ชูนโยบายสร้างความปรองดองให้แก่คนไทย ภายใต้หลักคิด “ความสมานฉันท์”มีทั้งการกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ และการดำเนินการที่ชัดเจน...แต่ผลสรุปก็ “ไม่เวิร์ก”
เพราะยังมีคน บางกลุ่มบางพวก ที่ไม่ต้องการ ความสมานฉันท์แต่จะด้วยเพราะเหตุผลประการใด...สิ่งที่คนเหล่านี้ได้กระทำ ก็สร้างความ “เจ็บปวด” ให้กับประเทศชาติของเรามามากคนเหล่านี้ต้องการจะ “รบ” ขั้นเด็ดขาด...ซึ่งเป็นความเด็ดขาดที่ดู “รุนแรง” ขึ้นทุกขณะ“พล.อ.กิตติ รัตนฉายา” อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ที่ศึกษาและคลุกคลีกับปัญหาภาคใต้มานาน...ยืนยันว่า “ในอดีตไม่เคยเกิดเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้”มันหนักข้อขึ้นทุกวันโดยเฉพาะความเจ็บปวดที่ต้องเห็น “พี่น้องคนไทย”ผู้บริสุทธิ์...มาล้มหายตายจากด้วย “น้ำมือ” ของผู้ที่ล้มเหลวทางความคิดซึ่งเป็นเรื่องที่ “โจษขาน” ว่า...เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น เป็นฝีมือของ ขบวนการแบ่งแยกดินแดนโดยมีผู้บงการและให้การสนับสนุนจากนอกประเทศเป็นกลุ่มคนที่ฝังตัวอยู่ “กระจัดกระจาย” ทั้งประเทศเพื่อนบ้านตอนใต้ ประเทศตะวันออกกลาง รวมถึงยุโรป“พล.อ.กิตติ” กล้าพูดความจริงถึงตัว “กลุ่มผู้บงการ”ที่ต้องการสร้างความแตกแยกให้ขยายผลทำให้สถานการณ์ชายแดนใต้พัฒนาไปสู่สงครามศาสนาถึงขั้นที่ “กองทัพ” หรือ “รัฐบาลไทย” ไม่สามารถควบคุมจนเปิดทางให้ องค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น อ้างหลักสิทธิมนุษยชนเข้ามาดูแลเรื่องนี้เราใน “ฐานะคนไทย” ไม่นั่งคิดและไม่วิตกคงไม่ได้แล้ว!เพราะมันจะเป็นเชื้อไฟ “ลุกลาม” ใหญ่โต...กลายเป็นเรื่องระหว่างประเทศ ด้วยวิธีการก่อการร้ายที่มีประสิทธิภาพ
เฉกเช่นเดียวกับ “วินาศกรรม 11 ก.ย.2544”เหตุการณ์ตึก “เวิลด์เทรด” ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในขุนเขาแห่งแท่งคอนกรีต ถูก “เครื่องบิน” ที่ควบคุมโดย “ผู้ก่อการร้าย” ขับพุ่งชนคนทั่วโลกรู้สึก “อกสั่นขวัญแขวน” และไม่เชื่อสายตาตัวเองว่า เหตุการณ์ที่ได้ดูได้เห็นแต่ใน “ภาพยนตร์” จะเกิดขึ้นเป็น“เรื่องจริง”แต่มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ กับการ “ก่อการร้าย” ทั่วโลก...ซึ่ง “ประเทศไทย” ก็ถือเป็นหนึ่งใน “ยุทธศาสตร์” แผ่นดินที่คนเหล่านั้น คิดทำลาย และ ครอบครองโดยเฉพาะสิ่งที่ “บางกอกทูเดย์” กำลังวิตกกังวลอย่างมากในเวลานี้ คือ ผลแห่งการกระทำครั้งนี้...สรุปแล้วจะไปตกอยู่ที่บุคคลใดประชาชน “ชาวมุสลิม” เขาจะคิดว่า...ใครกัน?? ที่ทำกับพวกเขาด้วยความ “โหดร้ายทารุณ” เช่นนี้สงครามศาสนา...มิใช่หรือ?? ที่กลุ่มผู้ไม่หวังดีเหล่านี้ต้องการให้เกิดขึ้น!ดังนั้น...จึงเป็นเรื่องที่ยิ่งต้องระวังเกี่ยวกับ “ข่าวมือที่สาม”ซึ่งผู้ก่อการร้ายต้องการ “มุ่งมาดหวังผล”เพราะหากเกิดความ “เข้าใจผิด” เรื่องราวจะยิ่ง “บานปลาย”กลายเป็นความขัดแย้งที่รุนแรงระหว่างคนไทยด้วยกันเองแม้ทางรัฐบาลจะพยายามระดม “สรรพกำลัง” กันอย่างเต็มที่ทั้งทุ่มงบประมาณรวมถึงทุ่มเทมันสมอง เพื่อดึง “ความสงบสุข” ให้กลับคืนสู่มาตุภูมิ ผืนแผ่นดินไทยแต่เรื่องนี้เป็นปัญหาที่ “แก้ไขยาก” เพราะต้องศึกษาให้เข้าใจถ่องแท้...หากพลาดพลั้งอาจเป็นผลนำไปสู่ “ความรุนแรง” อันไม่พึงปรารถนาเหมือนอย่างเช่น...เหตุการณ์ที่ อ.เจาะไอร้อง ครั้งนี้...ซึ่งไม่มีใครคาดเดาได้ว่า เมื่อไหร่? มันจะเกิดขึ้นอีกครั้งคนไทยทุกคนทั่วทุกภูมิภาคได้แต่ “นั่งภาวนา” ให้เกิดความ
สงบขึ้นในเร็ววันวันนี้ทำให้นึกถึงโครงการของอดีตนายกฯ “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่ร่วมกับ “อ.วันนอร์” วันมูหะมัดนอร์ มะทาขึ้นมาอีกครั้ง“ฮารับ ปันบารู” แปลว่า “ความหวังใหม่”เปรียบเสมือนเป็นความหวังของคนใต้...เมื่อสักวันหนึ่งพวกเขาจะสามารถมีชีวิตที่เป็นสุขและใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ...เหมือนกับคนไทยในภาคอื่นๆ“ด้ามขวานทอง” แห่งนี้...ไม่มีแบ่งสี ไม่มีแบ่งแยกศาสนาและไม่มีการแบ่งแยกเชื้อชาติ...ทุกคนอยู่ด้วยความเท่าเทียม ด้วยมิตรไมตรีที่เสมอภาค“การก่อการร้าย” มีเป้าหมายอยู่เพียงประการเดียว คือการสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยนำผลแห่ง “ความตาย”มาเป็น “ผลพลอยได้”การสร้างความหวาดหวั่นและความหวาดกลัว...เป็นสิ่งที่บุคคลเหล่านี้ ถนัด และมีความ ชำนาญ เป็นอย่างยิ่งมหากาพย์ 200 ปีแห่งปัญหา...มาวันนี้มันถึงจุด “เกินบานปลาย” ที่ผู้มีอำนาจรัฐรวมถึงประชาชนคนไทย ต้องร่วมมือกันต่อสู้กับ “ความหวาดกลัว”ขอชื่นชม “สุเทพ เทือกสุบรรณ” กับ “พล.อ.อนุพงษ์เผ่าจินดา” ในการลงไปช่วยดูแลแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ในช่วงที่พบเจอกับ “ช่วงวิกฤติ” อีกครั้ง“คุณสุเทพ” ไม่ต้องพูดถึง...เป็นคนถิ่นใต้ตั้งแต่กำเนิด ย่อมมีความรักในผืนแผ่นดินเกิดยิ่งกว่าใครๆส่วน “พล.อ.อนุพงษ์” ก็ยังไม่สายในการแสดงออกถึงความเป็นผู้นำ กองทัพ...ท่านจำเป็นต้องเรียกศรัทธาประชาชนกลับคืนมา“ความกลัวทำให้เสื่อม” เราไปกลัวมัน...แล้วใครจะมาเกรงกลัวเคารพเรา! ■