ที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ เหล็กใน
เพราะมีหลายเรื่องให้ต้องระหองระแหงกันเสียแล้วสำหรับประชาธิปัตย์กับภูมิใจไทย
ไม่หวานแหววเหมือนตอนฝ่ายหลังหอบผ้าหนีจากสามีเก่าเพื่อไทย
ตามมาปลูกบ้านใหม่อยู่กินกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อ 6 เดือนก่อน
สองเรื่องใหญ่ที่เป็นปมร้าวฉาน
หนึ่งคือเรื่องรถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน ที่รัฐบาลโดยพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าน่าจะซื้อมากกว่าเช่า ขณะที่รัฐมนตรีภูมิใจไทยยืนกรานว่าควรเช่ามากกว่า
ต่างฝ่ายต่างยกข้อมูลตัวเลขและเหตุผลมาหักล้างกัน ระหว่างรอสภาพัฒน์พิจารณาตัดสินว่าเช่าหรือซื้ออย่างไหนจะคุ้มกว่ากัน
จะว่าไปการที่นักการเมืองโต้เถียงกันไปมา จนเป็นข่าวอื้อฉาวต่อเนื่องหลายสัปดาห์
แง่หนึ่งถือว่าเป็นประโยชน์ต่อประชาชนที่จะได้รับข้อมูลทุกซอกทุกมุม
ทั้งยังได้รู้ว่าเวลาที่นักการเมืองจะสวาปามอะไรสักอย่างนั้น ต้องใช้ความใจเย็น อดทน มุ่งมั่นกันขนาดไหน
เช่นเดียวกับปัญหาเรื่องข้าว ทั้งสองพรรคก็มีแนวคิดขัดแย้งกัน
รัฐบาลประชาธิปัตย์บอกว่าต่อไปจะไม่ใช้วิธีรับจำนำข้าวจากชาวนา แต่จะเปลี่ยนไปใช้วิธีรับประกันราคาแทน เพื่อหลีกเลี่ยงภาระการขาดทุน
ก็ปรากฏว่าแกนนำภูมิใจไทยเรียงหน้าออกมาคัด ค้านเป็นแถว เหตุผลคือถ้าบรรดาพ่อค้าหน้าเลือดรวม หัวกันกดดราคารับซื้อข้าวจากชาวนา
การรับประกันราคาจะทำให้รัฐขาดทุนบักโกรกหนักเข้าไปอีก
อย่างไรก็ตามทั้งสองเรื่องที่สองสามีภรรยากำลังขัดแย้งกันตอนนี้
กำลังเป็นที่จับตาว่าจะบานปลายรุนแรงถึงขั้นเตียงหักหย่าร้างกันไปหรือไม่
บางคนบอกให้รอดูอีกไม่ถึง 1 เดือน ตอนผลศึกษาโครงการรถเมล์ 4 พันคันของสภาพัฒน์ออกมา จะเป็นตัวชี้ขาดอนาคตสามีภรรยาคู่นี้
ขณะที่บางคนบอกว่า ถึงแม้ "ตัวจริง" พรรคภูมิใจไทยอย่าง "เนวิน-สมศักดิ์" จะออกโรงโวยวาย แสดงอาการไม่พอใจพรรคประชาธิปัตย์
แต่น่าจะเป็นแค่เรื่องของลิ้นกับฟันมากกว่า
เพราะถึงที่สุดแล้วต่อให้โครงการรถเมล์ 4 พันคันจะไม่ผ่าน
พรรคภูมิใจไทยก็ยังมีร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี"53 กับกฎ หมายกู้เงิน 8 แสนล้านบาท
ไว้ต่อรองขอแบ่งปัน
ดังนั้นการจะถอนตัวจากรัฐบาลด้วยเรื่องรถเมล์นั้น
หมอเดาฟันธงว่าไม่มีทาง