WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, June 11, 2009

ครส. ออกแถลงการณ์แนะรัฐใช้ยุทธศาสตร์การเมืองนำการทหาร แก้วิกฤติการณ์ความรุนแรงที่ภาคใต้

ที่มา ประชาไท

(9 มิ.ย. 52) คณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.) ออกแถลงการณ์ “วิกฤติการณ์ความรุนแรงที่ภาคใต้ กรณี 11 ศพที่มัสยิดอัลกูลกร” (บางแหล่งที่มาอ่าน มัสยิดอัลฟุรกอน) จากเหตุการณ์คนร้ายไม่ทราบฝ่ายและสังกัดใช้อาวุธสงครามกราดยิงมัสยิดอัลกูลกร ที่หมู่บ้านไอปาแย ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ขณะชาวบ้านกำลังทำพิธีละหมาดตามความเชื่อทางศาสนา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 11 ราย และมีประชาชนได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก เมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. ของวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา

โดยเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ดำเนินการตรวจสอบและสอบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าวอย่างเร่งด่วน เพื่อนำผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมให้ได้ เพราะสถานการณ์ดังกล่าวถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายและอาจนำมาสู่สถานการณ์ที่ยากควบคุมในอนาคต ทั้งยังมีหลายเหตุการณ์ในอดีตที่เจ้าหน้าที่รัฐมาเป็นคู่กรณีความขัดแย้งในการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือคุกคามเสียเอง หลายกรณียังไม่ถูกคลี่คลายความเคลือบแคลงความสงสัยหรือได้รับความผิดตามกระบวนการยุติธรรม จนทำให้กระบวนการยุติธรรมล้มเหลวในการนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ เยียวยาผู้ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงในพื้นที่ความไม่สงบ ดังเช่นกรณีตากใบ

พร้อมให้รัฐบาลปฏิรูปการทำงานของกองทัพในพื้นที่ เพราะเป็นที่ชัดเจนว่าในขณะนี้ยังใช้นโยบายการทหารนำการเมือง โดยกองทัพมีอำนาจเด็ดขาดทั้งด้านการทหารและการพัฒนาที่ควรเป็นหน้าที่ของฝ่ายพลเรือน และควบคุม-กำกับการทำงานของกองทัพอย่างใกล้ชิด เพื่อให้นโยบายการแก้ปัญหาของรัฐบาลมีเอกภาพ ไม่มีหน่วยย่อยในการปฏิบัติการตามภารกิจที่สร้างความสับสนและเข้าใจผิด ไม่ให้เกิดข้อครหาว่าบางเหตุการณ์มีเจ้าหน้าที่และกลุ่มผลประโยชน์เกี่ยวข้อง เพราะเหตุการณ์ในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำของผู้ก่อการร้ายกลุ่มใดก็ตาม แต่ข้ออ้างของกองทัพก็ยังไม่สามารถสร้างความน่าเชื่อและความไว้วางในในพื้นที่ได้

ทั้งนี้ การที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือได้ในพื้นที่ ถือเป็นความบกพร่องอย่างร้ายแรงที่สุด และไม่มีทางที่จะสร้างความน่าเชื่อถือได้เลย หากยังทำงานแบบลูบหน้าปะจมูกในปัจจุบันนี้ หรือปล่อยให้เจ้าหน้าที่ที่กระทำผิดลอยนวลในอดีตที่ผ่านมา

“คณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.) เห็นว่า รัฐบาลจะต้องปฏิรูปกองทัพและการทำงานในพื้นที่อย่างเร่งด่วน ภายใต้หลักนิติรัฐ กระบวนการยุติธรรมและหลักการสิทธิมนุษยชน ให้รัฐบาลพลเรือนมีอำนาจเต็มในการกำกับดูแลกองทัพ และเสริมสร้างความเข้มแข็งของการปกครองโดยพลเรือน โดยใช้ยุทธศาสตร์การเมืองนำการทหาร และให้มีการทบทวนและประเมิน พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ดังกล่าวอย่างจริงจัง” แถลงการณ์ระบุ