ที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ ทะลุคนทะลวงข่าว
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ลาออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ไม่กี่ชั่วโมงหลัง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เซ็นคำสั่งย้ายไปช่วยราช การสำนักนายกฯ
ภายหลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรงและผิดกฎหมายอาญา
เปิดใจแบบไม่เสียยี่ห้อสุภาพบุรุษ ไม่อยากให้คิดกันไปต่างๆ นานาว่าถูกกลั่นแกล้ง
"ตลอดชีวิตอายุราชการยาวนานจนมานั่งตำแหน่งเป็นผบ.ตร.ปีกว่า ได้ทำงานในหน้าที่อย่างเต็มที่และเต็มความสามารถ รวมถึงผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งระดับรองผบ.ตร. ผู้ช่วยผบ.ตร. และตำรวจทุกนายในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ทำหน้าที่กันมาภายใต้ความยุ่งยากของสังคมที่มีข้อจำกัด
"อยากฝากไว้ว่าการทำงานต่อไปของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยังอยู่ในหน้าที่นั้น ขอให้ทุกคนทำงานด้วยความตั้งใจ องค์กรเราต้องอยู่ เมื่อผมไปแล้วคนใหม่ก็มา
"อยากให้ช่วยกันดูแลสถาบันพระมหากษัตริย์ ประชาชน และบ้านเมือง"
ทำงานมาพอสมควรแก่เวลาแล้ว เหลือ อีกเพียง 21 วันเท่านั้น อยากพักผ่อนบ้าง
คิดว่าการลาออก น่าจะทำให้ท่านนายกฯ ทำงานไปได้ด้วยดี
ถามเหตุใดจึงไม่มีการชี้แจงหรือต่อสู้ทางคดีในข้อกฎหมาย ตอบว่าเป็นข้าราช การประจำ มีหน้าที่รับใช้รัฐบาล ดูแลสถาบันพระมหากษัตริย์ ดูแลประชาชนและประเทศชาติให้มีความสงบเรียบร้อย
ส่วนที่กล่าวหาในหลายกรณี ก็ไม่เป็น ไร สอบสวนกันไปตามขั้นตอนกระบวน การ
เชื่อมั่นว่าการทำงานที่ผ่านมาตรงไปตรงมา โปร่งใส ไม่มีเรื่องทุจริตเข้ามาเกี่ยวข้อง
ขณะนายกรัฐมนตรี ว่าใบลาออกของพล.ต.อ.พัชรวาทจะมีผลต่อเมื่อได้รับการอนุมัติจากตนเท่านั้น
อ้างถึงระเบียบของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) ต้องทำไปตามขั้นตอน จึงถือว่าตอนนี้พล.ต.อ. พัชรวาทยังไม่ออกจากตำแหน่ง
ซึ่งการพิจารณาจะอนุมัติหรือยับยั้ง จะเป็นไปเพื่อประโยชน์ของราชการ
สวนมาทันควันคือถ้อยแถลงของ ชาวสีกากีเกือบทั้งขบวน เริ่มจากพล.ต.อ.วิสุทธิ์ กิตติวัฒน์ นายกสมาคมตำรวจ ลั่นมาว่า การพิจารณาของ ป.ป.ช.ไม่มีความเป็นกลาง เพราะก่อนวินิจฉัยก็ระบุแล้วว่าการสลายการชุมนุมเป็นความผิด
ทำให้เห็นได้ว่าเป็นอคติตั้งแต่แรก
อยากฝากถึงรัฐบาลว่า การปฏิบัติหน้า ที่ที่เป็นธรรมเป็นเสาค้ำอันมั่นคงของรัฐบาลเอง
ทั้งหลังจากนี้สมาคมจะเข้าไปช่วยเหลือด้านกฎหมายกับผู้ที่ถูกกล่าวหา
ส่วนประธานชมรมข้าราชการตำรวจ นอกราชการ ชี้เปรี้ยง นายกฯจงใจกลั่นแกล้งตำรวจ ทำให้การชี้มูลเป็นไปอย่างไม่ยุติธรรม
กรณีพล.ต.อ.พัชรวาท ก็เป็นการสนองผลประโยชน์ทางการเมืองของนายกฯ
ที่จะเลือกตำรวจเข้าไปดูแลเรื่องการเลือกตั้งครั้งหน้า
ขําขันสั่งลาของพล.ต.อ.พัชรวาท คือ "ผมเริ่มประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ถูกไล่ซ้ำถึง 2 ครั้งด้วยกัน"
ที่หน้าเครียดกว่าคือพี่ชาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พูดถึงเรื่องของน้องว่า "ไม่ใช่เรื่องของผม ผมไม่เกี่ยว ผมไม่ตอบ"
และแม้นายกฯจะยืนยัน ได้พูดคุยกับพล.อ.ประวิตรแล้ว ไม่เคยได้ยินเรื่องจะลาออกตามน้อง
แต่พี่ป้อมของน้องป๊อดกลับบอก "นายกรัฐมนตรีไม่ได้มาคุยอะไรกับผม คุยเฉพาะเรื่องงาน ท่านสั่งงานที่ผมรับผิดชอบคือกระทรวงกลาโหม"
และเป็นพี่ป้อมคนนี้ที่เคยถามอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ "น้องผมผิดตรงไหน"
อย่าได้ลืมกระเช้าดอกไม้ที่สุเทพ เทือกสุบรรณประคับประคองไปแทนเทียบเชิญพล.อ.ประวิตร ให้ขึ้นนั่งรมว. กลาโหม
ในรัฐบาลที่ต้องใช้ถึง 5 พรรคประ กอบกันให้เป็นรูปเป็นร่าง และต้องใช้บารมีบางสีรับประกันความมั่นคง
ความแนบแน่นยิ่งของพล.อ.ประ วิตร กับพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ. ทบ. รวมถึงอีก 2 เหล่าทัพ ทำให้กรณีพล.ต.อ.พัชรวาท ส่งให้เกิดคำถามถึง "แรงกระเพื่อม" ของหทาร
ต้องอาศัย พล.อ.นพดล อินทปัญญา เลขานุการ มาออกโรงว่า รมว.กลาโหมไม่ได้โกรธเคืองนายกฯ ทั้งไม่ได้แสดงอาการใดๆ
"ขอยืนยันว่าเรื่องนี้จะไม่เป็นชนวน ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลและกองทัพ จนนำไปสู่การเกิดแรงกระเพื่อมของทหารอย่างแน่นอน"
แม้เรื่องของน้อง พี่ไม่ยอมพูด แต่แน่หรืออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะว่า
พี่และกัลยาณมิตรของพี่จะไม่รู้สึกอะไร!?