WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, September 13, 2009

การต่อสู้ต้องไม่ "เสียของ" อีกแล้ว

ที่มา Thai E-News


โดย อริน
13 กันยายน 2552

ยิ่งนานผมยิ่งรู้สึกถึง "สะสมความพ่ายแพ้น้อยใหญ่ ไปสู่ ความพ่ายแพ้ในที่สุด"..คุณคือผู้นำตามธรรมชาติไปแล้ว คุณต้องแบกรับภารกิจนี้ให้ตลอดรอดฝั่ง นำพาประชาชนไปสู่ชัยชนะ หลีกเลี่ยงการเสียสละที่ไม่จำเป็น หลีกเลี่ยงผลสรุปในภายหลังที่ว่า "เสียของ"


เพิ่งไปเสวนากลุ่มชานเมืองกลุ่มเล็กๆเมื่อคืนวันที่ 11 โดยมี "ตัวแทนแกนนำ" มาร่วมรายการ ก่อนอื่นแกพูดว่าช่วงหลังพบแต่คำถามว่า "ชนะเมื่อไหร่" ซึ่งแกตอบว่า "ตอบไม่ได้"

ซึ่งผมเห็นด้วยอย่างยิ่งมาตั้งแต่หลัง 19 กันยายน 2549 แต่แล้วกับคำถามที่ผมตั้งใจถามว่า "ยกนี้สู้เพื่ออะไร" หลังจากแกเลี้ยวไปเลี้ยวมากว่าครึ่งชั่วโมง ครั้งแรกแกว่า "ก็รู้ๆกันอยู่" แต่ "พูดไม่ได้" ผมจึงว่า "มันอะไรนักหนาพูดไม่ได้" วนเวียนอยู่อย่างนั้น

ผมชี้แจงแก่ผู้ร่วมประชุมกลุ่มเสวนานั้น ว่า ผมเคยเสนอ

1.เลือก "ประมุขฝ่ายบริหาร" หรือ "นายกรัฐมนตรี" โดยตรง
2.ยกเลิกระบบกล่าวหามาใช้ระบบรวบรวมหลักฐานและระบบลูกขุน
3.สร้าง "ระบบตรวจสอบอำนาจอธิปไตยแบบคานอำนาจ" หรือ "ระบบงูกินหาง" คือ "กูตรวจสอบเมิง เมิงตรวจสอบมัน มันตรวจสอบกู" และอื่นๆ
4."ระบบสวัสดิการ" เช่น คนถูกรถชน สถานพยาบาลต้องไม่ถามสิทธิ ว่ามีบัตรอะไรสักบัตรไหม
5."ระบบการศึกษาตลอดชีวิต" โดยจัดการศึกษาแบบให้เปล่าตามความสามารถของผู้เรียน ไม่ใช่ตามฐานะ


และเดี๋ยวนี้เอง แกนนำที่ผมดูอยู่ถ่ายทอดสดทาง TV : Station 01 ของ http://newskythailand.us/ เวลาประมาณ 20.45 น. "ปลุกระดมให้วันที่ 19 กันยายน 2549 นำไปสู่การไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์" ในขณะที่มีการประเมินเรื่องการปราบปรามก็ดี การก่อกวนก็ดี อยู่ตลอดในหมู่แกนนำ (อย่างน้อยตามที่ผมรับรู้ด้วยวาจา)

แทนที่จะเคลื่อนไหว "ระลึกและต่อต้า้นการรัฐประหาร 19 กันยา 49" กลับมีเป้าหมายเคลื่อนขบวนไป "บ้านสี่เสา" และมีข้อเรียกร้อง "ไล่รัฐบาล"

ยิ่งนานผมยิ่งรู้สึกถึง "สะสมความพ่ายแพ้น้อยใหญ่ ไปสู่ ความพ่ายแพ้ในที่สุด"

แกนนำไม่เคยมี "เป้าหมายในที่สุดของการเคลื่อนไหวต่อสู้" ไม่เคยมี "แผนยุทธศาสตร์รูปธรรมในแต่ละการชุมนุมใหญ่" ฝ่ายการศึกษาที่ภูมิใจนักหนาว่ากำลังดำเนินงาน "โรงเรียนผู้ปฏิบัิติงาน 1000 คน" กลับปรากฏว่าใช้แนวทางการวิเคราะห์ การวางระบบงาน หรือแม้แต่การใช้ภาษา "ซ้าย" ไม่ต่างไปจากคุณสุรชัย ด่านฯ ที่ "แกนนำ" บางคนตั้งหน้าตั้งตา "สวมหมวก" ให้

น่า ขัน ที่ทุกคนดูลนลานกับการลุกขึ้น (อีกครั้ง) ของมวลชนจำนวนมหาศาล เสียจนกระทั่งกำลังลืมไปว่า แทนที่การปฏิวัติประชาธิปไตยจะมีต้นทุนอยู่ที่มวลชนและการนำที่ถูกต้อง กลับยืดอกรับเอาต้นทุนอยู่ที่คนๆเดียวกับกลุ่มคนที่เรียกว่า "แกนนำ" กลุ่มหนึ่ง ที่นำพาประชามหาชนเดินไปบนหนทางที่การนำเองยังไม่รู้จุดหมายที่ชัดเจน

แตุ่ ถึงอย่างไร ผมก็จะต้องเข้าร่วมการเคลื่อนไหวครั้งนี้เหมือนในคืนวันที่ 12 เมษายน 2552 ก่อนจะกลับจากทำเนียบในเวลา 02.00 นาฬิกาด้วยปัญหาสังขาร เหมือนการไปรับรู้ "แนวทางฎีกาอย่างไม่คาดฝันเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2552" และเหมือนหลายๆครั้งกลางพายุฝนเช่นที่วัดไผ่เขียว และกลางสนามหลวง

คำ ถามคือ.... คุณปฏิเสธไม่ได้แล้วไม่ว่าจะโดยการเล่นสำบัดสำนวน หรือประดิษฐ์วาทกรรมหลากหลายนัยเข้าใส่มิตรสหายร่วมขบวนต่อสู้ ว่าคุณกุมการนำ ว่าแต่คุณต้องชัดเจนเสียตั้งแต่เวลานี้ ก่อนที่ขบวนใหญ่จะก่อตัวด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่พวกคุณปลุกเร้าขึ้นมาเอง เช่นเดียวกับเมื่อช่วงก่อนวันที่ 26 มีนาคม 2552 และระหว่างวันที่ 8 - 12 เมษายน 2552

คุณคือผู้นำตามธรรมชาติไปแล้ว คุณต้องแบกรับภารกิจนี้ให้ตลอดรอดฝั่ง นำพาประชาชนไปสู่ชัยชนะ หลีกเลี่ยงการเสียสละที่ไม่จำเป็น หลีกเลี่ยงผลสรุปในภายหลังที่ว่า "เสียของ"

นั่นแหละครับ เป้าหมาย "โค่นระบอบอำมาตย์ สร้างประชาธิปไตยสมบูรณ์ สร้างรัฐธรรมนูญประชาชน" จึงจะบรรลุผลขึ้นมาในชั่วคนของเราทั้งหลายนี้

ประชาธิปไตยจงเจริญ ประชาชนจงเจริญ
ด้วยภราดรภาพ