ที่มา ไทยรัฐ ดูเหมือนว่าความพยายามของนักไกล่เกลี่ยเพื่อให้รัฐบาลและกลุ่ม นปช.ถอยหลังคนละก้าว และหาข้อยุติที่ไม่เสียหน้าด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย จะล้มเหลวไปเสียแล้ว "ซูม"
นักเจรจา นักประนีประนอมชุดแล้วชุดเล่า ที่เข้าไปเจรจากับแกนนำ ฝ่ายเสื้อแดง ดูเหมือนจะถูกปฏิเสธโดยสิ้นเชิง
รวมทั้งเวลานักข่าวถามผู้รับผิดชอบทางฝ่ายรัฐบาล ก็มักจะได้รับคำตอบ ว่าเกินจุดที่จะเจรจากันแล้ว
ผลก็คือการเผชิญหน้ายังคงอยู่และความเครียดก็ยังไม่หมดไป
เหตุใดผมจึงยังคงเฝ้าวิงวอนให้ทั้ง 2 ฝ่ายถอยคนละก้าวอยู่อีก? ...ทั้งๆที่มันดูเหมือนว่าจะเลยจุดถอยไปแล้ว
คำตอบสั้นๆ ง่ายๆนิดเดียว คือผมยังอยากเห็นความสมานฉันท์ เกิดขึ้นในประเทศไทย...อยากเห็นความอยู่เย็นเป็นสุขและการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขของคนไทยในอนาคต
เหมือนที่เราเคยอยู่กันมา...เท่าที่ผมเห็นและสัมผัสก็กว่า 60 ปี จะ 70 ปีแล้วครับ
สังคมไทยเท่าที่ผมจำได้ก็แบ่งเป็น "2 นครา" หรือ 2 สังคมซ้อนกัน มาโดยตลอด
เรามีการแบ่งแยกกลุ่มคนดูหนังไทยแบบชาวบ้านและหนังไทยแบบท่านมุ้ย หรือกลุ่มดูหนังฝรั่ง มาเป็นเวลายาวนาน
เรามีเพลงลูกกรุง ลูกทุ่งมาหลายทศวรรษและในลูกกรุงยังมีสุนทราภรณ์ กับสุเทพ ชรินทร์ แยกย่อยออกไปอีก
เรามี "ตลาดล่าง" กับ "ตลาดบน" ที่นักธุรกิจหรือนักการค้าเรียนรู้มา นมนานว่า ในการค้าขายกับคนไทยจะต้องแบ่งแยกตลาดให้ชัดเจนจึงจะขายได้
แม้จะมีการแบ่งแยกมานานหนักหนาแต่เราก็อยู่กันได้อย่างมีความสุข และในหลายๆเรื่องก็มีความพยายามที่จะยอมรับซึ่งกันและกันและหันหน้าเข้าหากัน อย่างเช่นเพลงลูกทุ่งเดี๋ยวนี้ก็ฟังได้ทุกกลุ่ม หรือหนังไทยละครไทยก็ดูได้ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย
ในทางการเมืองเราก็มี 2 ตลาดมาโดยตลอดเช่นเดียวกันและก็อยู่กันได้อย่างกลมกลืนมาโดยตลอดเช่นกัน
ตลาดล่างเลือกผู้แทนที่ไม่ถูกใจเข้ามา และโดนคนในตลาดบนปฏิเสธ ทั้งด้วยการปฏิวัติบ้าง ยุบสภาบ้าง ไม่รู้กี่ครั้งกี่หน
ก็ว่ากันไป...ปฏิวัติแล้วก็เลือกตั้งกันใหม่ เป็นเผด็จการได้ไม่นานก็ ต้องกลับมาเป็นประชาธิปไตย
เพิ่งจะมาถึงยุคนี้แหละครับ ที่การแบ่งแยกทางการเมืองกลายเป็นเรื่อง เผชิญหน้า และโอกาสที่จะแตกเป็นเสี่ยงๆเกิดขึ้นทุกวินาทีนับแต่นี้เป็นต้นไป
เพราะเกิดการปลุกปั่นปลุกระดมด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย อย่างไม่ยอมรับ ความเห็นซึ่งกันและกัน
ถ้าไม่มีใครยอมถอย...ก็คงจะมีการปะทะและมีผู้คนบาดเจ็บล้มตายและมีความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง โดยเฉพาะทรัพย์สินของชาติและเศรษฐกิจของชาติพังแน่ๆ
และผมก็เชื่อไม่ว่าใครชนะก็จะปกครองประเทศไม่ได้บริหารประเทศ ไม่ได้ เพราะจะไม่มีใครยอมใคร
ฝ่ายหนึ่งขึ้น อีกฝ่ายหนึ่งก็จะต้องก่อกวนท้ารบต่อ รุนแรงต่อ
เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายล้วนมีคนสนับสนุนหลายๆล้านคน ซึ่งสามารถจะระดมมาทำอะไรก็ได้ในวันข้างหน้า
เราอยากเห็นบ้านเมืองเราสู้รบกันอย่างไม่สิ้นสุดหรือครับ
เราอยากเห็นเมืองไทยเป็นแดนมิคสัญญี เดี๋ยวตูมที่นั่น เดี๋ยวตูมที่นี่ ตลอดไปหรือครับ
การที่พวกท่านไม่เจรจากัน ไม่ลดราวาศอกกัน แสดงว่าท่านอยากจะเห็นบ้านเมืองในอนาคตเป็นเช่นนี้
แต่ถ้าท่านเจรจากันและยอมถอยให้กันก็แสดงว่าท่านยังรักประเทศไทย ยอมผ่อนสั้นผ่อนยาวเพื่อหาทางออกให้แก่ประเทศไทย
แสดงว่าท่านยังมีสติ ยังมีความยั้งคิดและรักบ้านเมืองนี้อย่างจริงจัง
ที่ผมเรียกร้องให้เจรจาและยอมถอยคนละก้าวก็ด้วยเหตุนี้
เพราะการถอยคนละก้าวเป็นการส่งสัญญาณให้คนไทยทั้งประเทศ มีความหวังและมีความสุข ว่าเรายังจะสามารถอยู่ด้วยกันได้ เหมือนที่เคยอยู่กันมาช้านานและจะอยู่ร่วมกันอย่างประนีประนอมต่อไป แม้จะยังมี 2 นคราอยู่ก็ตาม
ผมจึงยังอยากเห็นการเจรจาเกิดขึ้น แม้จะเคยนึกน้อยใจจนไม่ อยากจะขอร้องอีกแล้ว...แต่ก็นั่นแหละ นึกไปนึกมาก็ยังเห็นว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีสุด จึงต้องหันมาขอร้องอีกสักที เผื่อโชคดีจะเป็นของคนไทยและประเทศไทย.