WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, April 22, 2010

แค่ลุ้นต่อลมยังเหนื่อย

ที่มา ไทยรัฐ



น้ำตาจระเข้ไม่ได้หลั่งง่ายๆ

โดยการออกตัวว่า "ซีเรียสนิดนึง" นายไพฑูรย์ แก้วทอง รมว.แรงงาน สำทับรายงานข่าวเบื้องหลังที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวันที่ 20 เมษายน ที่ใช้เวลานานกว่า 5 ชั่วโมง บรรยากาศเป็นไปอย่างเคร่งเครียด เมื่อ "เทพเทือก" นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และเลขาธิการพรรค เสนอให้ที่ประชุมพิจารณาข้อเสนอพรรคร่วมรัฐบาลในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

พูดกันตรงๆเลยว่า ถ้ายุบสภาตอนนี้ก็ไม่พร้อม เพราะพรรคเพื่อไทยเหนือกว่า จึงต้องให้พรรคร่วมฯช่วย ซึ่งเขาก็พร้อมช่วย แต่เขาขอช่องหายใจ คือแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ก็เลยโดน "น้าญัติ" นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษา แท็กทีมกับ "น้าชวน" นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ตั้งท่าค้านหัวชนฝา

แตะเบรกหัวทิ่มหัวตำ

อัดกันแรงถึงขนาดที่ "น้าชวน" สอนมวยกันซึ่งๆหน้า "ที่ท่านสุเทพพูดเหมือนเป็นการข่มขู่ลูกพรรค โดยบอกว่าไม่พร้อมที่จะดูแลและสนับสนุนหากมีการเลือกตั้ง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยมีแบบนี้ ไม่เคยทำอะไรเพื่อตัวเอง ดังนั้น ท่านต้องยึดหลักของพรรค และเรื่องใหญ่ตอนนี้คือเรื่องยุบพรรค ความจริงพรรคเองมีความชอบธรรมที่จะอยู่เป็นรัฐบาลได้มากกว่ามาต่อรอง 9
เดือนหรือ 6 เดือนด้วยซ้ำ ดังนั้น เรื่องแก้รัฐธรรมนูญไม่ใช่เรื่องที่จะมาคุยกันวันนี้"

ในอารมณ์อัดอั้นตันใจ นักเลงอย่าง "เทพเทือก" ถึงกับน้ำตาซึม

ลุกขึ้นชี้แจงด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "ขอพูดตอนที่ท่านอยู่ เพราะท่านประธานที่ปรึกษาพูดแบบนี้ไม่ถูก ผมต้องพูดเพื่อให้เข้าใจ ผมก็รักพรรค แต่เราก็ควรเปิดใจกว้าง ถ้าเราไม่มีน้ำใจให้กับคนอื่น คนอื่นจะมีน้ำใจให้เราได้อย่างไร ขอให้นึกถึงอกเขาอกเรา ถ้าเราไม่มีมติวันนี้ เราก็อยู่กับเขาไม่ได้แล้ว เพราะไม่มีอะไรจะไปคุยกับเขา อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

คนอย่างผมไม่เคยข่มขู่ใคร เป็นนักการเมืองอยู่ประชาธิปัตย์มา 30 กว่าปี ก็ไม่เคยหักหลังใคร พวกท่านอยู่สบาย ไม่เคยลำบากเหมือนผมกับท่านนายกฯ ที่ต้องถูกตามล่า ไม่รู้ว่าคนชุดดำจะออกมาเมื่อไหร่ วันนี้หน้าผมไม่เหลือแล้ว ขายไปหมดแล้ว และพรรคร่วมก็รอคำตอบอยู่ และเขาขอแค่ 2 มาตรา เราต้องมีมติอย่างใดอย่างหนึ่งไปให้เขา เพราะวิกฤติบ้านเมืองเราต้องระดมสรรพกำลัง ไม่ใช่ลอยไปลอยมา"

"ฉากที่ไม่ได้จัด" พรรคประชาธิปัตย์ซัดปากกันเอง

กลืนน้ำลายกลับลำแก้รัฐธรรมนูญ แลกกับการต่อลมหายใจเฮือกสุดท้าย

โดยสถานการณ์ที่เดินเข้าทางตัน กับบทโต้แบบ "กำปั้นทุบดิน" ย้อนให้ "บิ๊กจิ๋ว" พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ กับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 2 อดีตนายกรัฐมนตรี นำม็อบเสื้อแดงกลับบ้าน แล้วขอพระราชทานอภัยโทษ ดีกว่าบังอาจดึงเบื้องสูงลงมายุติปัญหาทางการเมือง

เรื่องของเรื่อง ถ้าไม่นับคิว "ย้อนคอหอย" ที่โดนนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ฟื้นความทรงจำสั้นๆเมื่อครั้งเกิดวิกฤติในยุคของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี คนเดียวกันนี้ ก็เคยออกหน้าขอนายกฯพระราชทาน ตามมาตรา 7 มาแล้ว

หรือจะแย้งว่า "มันคนละสถานการณ์"

มันก็ยังมีประโยคเด็ดที่ประชาธิปัตย์เคยดาหน้าถล่มอดีตรัฐบาลพรรคไทยรักไทยที่โดนม็อบเสื้อเหลืองกดดันหนัก

แค่ปัญหาของคนคนเดียว ทำไม พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เสียสละ

จากวันนั้นเทียบสถานการณ์กับวันนี้ มวลชนคนเสื้อแดงไม่ใช่แค่เรือนหมื่นเรือนแสนที่เวทีแยกราชประสงค์ แต่ยังต้องนับรวมไปถึงแนวร่วมคนเสื้อแดงที่กระจายอยู่ทั่วทุกหัวระแหง

อย่างที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง คนยี่ห้อประชาธิปัตย์เอง ยังยอมรับกันซึ่งๆหน้า รัฐบาลบริหารพลาดจนปล่อยให้คนเสื้อแดงผุดขึ้นเต็มบ้านเต็มเมือง

เรื่องมาถึงตรงนี้ ถ้าบอกให้ถอนกองทัพเสื้อแดงกันง่ายๆ

ก็ต้องเจอคำถามเดียวกัน นายกฯอภิสิทธิ์ ในฐานะผู้นำประเทศ ที่ต้องรับผิดชอบมากกว่าประชาชนทั่วไป ทำไมไม่คิดเสียสละทางการเมือง

คนเดียวตัดสินใจง่ายกว่าเยอะ

โดยเฉพาะกับสถานการณ์ที่รู้อยู่เต็มอก "มันจะเปรอะกันไปใหญ่" กับมือที่เปื้อนเลือดไปแล้วตั้งแต่ค่ำคืนวันที่ 10 เมษายน โดยการประกาศของคนเสื้อแดงไม่ใช่แค่ยุบสภา ลาออก แต่ต้องออกนอกประเทศไทย

และเมื่อรู้ทั้งรู้อยู่แก่ใจ ถ้าลุย "แลกเลือด" กันอีกรอบ "ต้องเพิ่มตัวเลขคนตาย"

หรือว่าไหนๆก็ไหนๆแล้ว "ทิ้งทวน" ก่อนจากไปเลย.


ทีมข่าวการเมือง