ที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ รายงานพิเศษ
กรุงเทพฯ เมืองติดอันดับน่าเที่ยว
แต่นับจากการขอคืนพื้นที่ผ่านฟ้าฯ จนถึงเหตุยิงเอ็ม 79 คืนวันที่ 22 เม.ย. นอกจากทหาร-พลเรือนที่บาดเจ็บและเสียชีวิต ยังมีชาวต่างชาติตกเป็นเหยื่อความรุนแรงด้วย
1 รายเสียชีวิต เป็นนักข่าวรอยเตอร์ ชาวญี่ปุ่น
ส่วนผู้บาดเจ็บ เป็นชาวออสเตรเลีย ถูกยิงด้วยลูกแก้วจากเหตุปะทะกันของเสื้อแดงกับกลุ่มคนรักสีลม
และล่าสุด บาดเจ็บจากเหตุยิงเอ็ม 79 ที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ศาลาแดง เป็นช่างภาพชาวอินโดฯ กับอาสาสมัครสอนภาษาชาวออสเตรเลีย
ในสายตาของชาวต่างชาติ กรุงเทพฯ ในวันนี้ยังน่าเที่ยวอยู่หรือไม่
นายลีออน จอร์จ อาจารย์สอนภาษาเยอรมัน ที่ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทย ย่านสุขุมวิท มากว่า 5 ปี ยืนเก็บภาพบนสะพานลอยใกล้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เพื่อนชาวต่างชาติและภรรยาคนไทยเตือนไม่ให้มาที่ราชประสงค์ แต่ตนเองต้องการพิสูจน์ว่าทุกอย่างปกติดีจึงมาที่นี่เพื่อถ่ายรูปกลับไปให้ดู
เมื่อได้มาพบเห็นคนเสื้อแดงกับตา รู้สึกว่าเป็นกลุ่มผู้ชุมนุมที่สันติที่สุดเท่าที่เคยพบ ในประเทศแถบยุโรปหากพูดถึงการปฏิวัติ รัฐประหาร หรือการประท้วงแล้วนั้นหมายถึงฝูงชนที่โกรธแค้น และพร้อมจะตีรันฟันแทงกันจนตายไปข้างหนึ่ง แต่ที่นี่ทุกคนหัวเราะ ยิ้มแย้ม และเต้นรำไปกับบทเพลงที่ผู้นำบนเวทีนำมาคลายเครียด จึงคิดว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
นายลีออน กล่าวว่า ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนหรือได้รับผลกระทบใดๆ จากผู้ชุมนุมที่ยืดเยื้อ เพราะไม่ได้ทำงานอยู่พื้นที่บริเวณนี้ และเมื่อพูดคุยกับกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง ทำให้ทราบว่าทุกคนที่ชุมนุมกันมาเพื่อเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศ แต่ไม่ขอวิจารณ์หรือให้ความเห็นอะไรเพราะการเมืองในประเทศไทยเป็นเรื่องซับซ้อน และไม่มีความรู้ดีพอ
"ผมจะพูดหากนี่เป็นการเมืองในเยอรมนี เพราะชาวเยอรมันทุกคนได้รับการศึกษาพื้นฐานเกี่ยวกับประชาธิปไตย และระบบการเมืองมาเป็นอย่างดี ดังนั้น เราจึงมีความรู้ที่ชัดเจนจนวิจารณ์ได้ว่าสิ่งที่รัฐบาลทำ ผู้ชุมนุมทำ หรือผู้อยู่เบื้องหลังทำ มีผลดีผลเสียอย่างไร
ผมหวังว่าคนไทยซึ่งกำลังดำเนินบทบาททางการเมืองขณะนี้ จะมีความรู้ที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับประชาธิปไตยแบบไทยๆ และเข้าใจว่าตนกำลังทำอะไรอยู่" นายลีออน กล่าว
ส่วนหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ที่คลาคล่ำไปด้วยคนเสื้อแดงตั้งแต่เด็กเล็กที่สนุกกับการวิ่งเล่น สาวใหญ่ที่เปิดร้านทาเล็บ ผู้สูงวัยที่นั่งพักรวมถึงกลุ่มพระสงฆ์นั่งฟังคำปราศัย อย่างตั้งใจ แถมบางรูปยืนโบกธงไหวๆ
นายเยนิส คูทิลส์ วัย 21 ปี นักศึกษาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในรัสเซีย ที่ร่วมสังเกตการณ์กลุ่มผู้ชุมนุม กล่าวว่า เพิ่งเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ หลังจากไปพักผ่อนสูดบรรยากาศริมชายหาดที่เกาะสมุย นานกว่า 3 สัปดาห์ และวางแผนจะจับรถไปเที่ยวเชียงใหม่ต่อ
นายเยนิส ได้รับคำเตือนอย่างเป็นห่วงและเสียงทัดทานจากเพื่อนนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่บังเอิญพบกันที่เกาะสมุย ว่าไม่ควรมากรุงเทพฯ เพราะเกิดเหตุประท้วงใหญ่โตย่านราชประสงค์จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก แต่เขายืนยัน อยากลองมาสังเกต การณ์ด้วยตัวเอง
และเมื่อนั่งแท็กซี่ผ่านมาแถวนี้ ได้เห็นผู้ชุมนุมรวมตัวกันอย่างสงบและได้เห็นด้วยตาตัวเอง ก็คิดว่า กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้มีทีท่าโกรธแค้น หรือเดือดดาลจนสามารถทำร้ายนักท่องเที่ยวที่ไม่เกี่ยวข้องได้
"ผมคิดว่าสื่อสำหรับชาวต่างชาติในประเทศไทยยังมีน้อยและไม่หลากหลาย ทำให้ชาวต่างชาติที่ติดค้างอยู่ในไทยไม่รู้ข่าวสารและไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ทัน" นายเยนิสกล่าวหลังจากถูกยิงคำถามว่า ทราบเหตุการณ์ที่ผู้ชุมนุมจะเคลื่อนขบวนและชุมนุมใหญ่หรือไม่
นายเยนิส กล่าวว่า รัฐบาลรัสเซียยังประเมินสถานการณ์ในประเทศไทยว่าอยู่ในขั้น "ไม่รุนแรง" แต่ถึงอย่างนั้นตนก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อแม่ที่รัสเซียทุกวัน เพื่อขอร้องให้กลับบ้านให้เร็วที่สุด แต่ตนยังอยากเที่ยวเมืองไทยต่อเพราะคนไทยใจดี ยิ้มง่าย และเป็นคนสบายๆ ไม่คิดมาก นอกจากนี้ ยังประทับใจที่มีหญิงไทยคนหนึ่งพยายามช่วยเหลือที่เกาะสมุยทั้งๆ ที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้
ด้าน นายจอร์จ วัย 50 ปี กราฟิกดีไซเนอร์จากฝรั่งเศส ซึ่งบินลัดฟ้าไปมาระหว่างประเทศไทยและฝรั่งเศสมากว่า 5 ปีแล้ว ทั้งยังสนใจการเมืองไทยมากเป็นพิเศษถึงขั้นรวบรวมข่าวสารเก็บเป็นแฟ้มข้อมูลไว้ที่บ้าน
ผู้ชุมนุมที่อยู่ที่นี่มีจุดประสงค์ในการเรียกร้องต่างกัน บางคนต้องการประชาธิปไตย บางคนต้องการอดีตนายกฯ บางคนต้องการกำจัดระบบชนชั้น และบางคนต้องการให้มีการเลือกตั้งใหม่
"นี่เป็นบันไดอีกขั้นที่สังคมไทยต้องก้าวผ่านไปให้ได้ ในประเทศฝรั่งเศสผู้คนต้องเสียเลือดเนื้อมากมายเพื่อแลกกับประชาธิปไตย แต่สำหรับประเทศไทยผมคิดว่าอาจไม่ร้ายแรงขนาดนั้น" นายจอร์จให้ความเห็น พร้อมกล่าวว่า รู้สึกไม่สบายใจเมื่อเห็นว่าทหารออกมาแสดงบทบาทกับผู้ชุมนุมแทนที่จะเป็นตำรวจซึ่งมีหน้าที่โดยตรง
"ผมเห็นว่ามีคนบางกลุ่มพยายามใช้กฎหมาย หรืออิทธิพลบางอย่างโดยอ้างชื่อของพระองค์ในการจัดการกับฝ่ายตรงข้าม ซึ่งไม่ยุติธรรม ความยุติธรรม คือการใช้อำนาจของกฎหมายจัดการกับกลุ่มคนทุกๆ กลุ่มที่ทำผิดกฎหมายและก่อให้เกิดความเสียหายทั้งอดีตและปัจจุบัน
ผมรักคนไทยเพราะเป็นคนมีจินตนาการ รักอิสระ ไม่เคร่งเครียด และทำอาหารเก่งที่สุดในโลก โดยเฉพาะผัดไทย จึงไม่อยากให้ประเทศไทยที่น่ารักเช่นนี้ต้องนองเลือดอย่างน่าสลด" นายจอร์จ กล่าว
"การชุมนุมไม่ค่อยมีผลกระทบกับผมเท่าไหร่ เพราะเมื่อบินมาประเทศไทยจะไปอาศัยอยู่กับภรรยาที่สมุทรปราการทันที บางครั้งอาจไม่สะดวกบ้าง เมื่อต้องการเข้ามาซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ห้างสรรพสินค้าพันธุ์ทิพย์ในกรุงเทพฯ อย่างวันนี้" นายจอร์จ เล่าด้วยท่าทีสบายๆ
ด้าน นางอูลลา สาวร่างท้วมขี้เล่นวัย 52 ปี อาชีพทำธุรกิจขายส่ง กล่าวว่า ตนและครอบครัวเดินทางมาจากสมุย เข้าพักโรงแรมย่านราชประสงค์ รอเวลาขึ้นเครื่องบินกลับประเทศเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ซึ่งเป็นวันที่เกิดเหตุปะทะกันพอดี วันนั้นครอบครัวของเธอกำลังจะออกมาเดินเล่นรอบๆ แต่พนักงานโรงแรมห้ามไว้และบอกว่าเกิดเหตุปะทะจนมีผู้เสียชีวิตข้างนอก ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและได้พยายามติดตามอ่านข่าวสาร แต่กลับพบว่าไม่ค่อยมีหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ ก็ยิ่งไม่สบายใจ และเมื่อพยายามเดินทางกลับบ้านเกิดที่รัสเซีย ก็พบว่าเที่ยวบินไปยุโรปทั้งหมดถูกยกเลิกอีก
"ตอนแรกฉันอยู่ที่สมุย ทุกคนบอกฉันว่ามีการประท้วงที่กรุงเทพฯ แต่ฉันไม่กลัวเพราะคิดว่าไม่มีอะไร แต่เมื่อมาเห็นความโกลาหลด้วยตาตัวเอง โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่ามีผู้เสียชีวิตอยู่ใกล้ๆ ฉันกลัวมากและอยากกลับประเทศ" นางอูลลา กล่าว
ถามต่อว่าแล้วเหตุใดจึงออกมาบริเวณราชประสงค์อีก ทั้งๆ ที่จะมีการชุมนุมใหญ่บริเวณพื้นที่นี้ นางอูลล่า หัวเราะและให้ความเห็นติดตลกว่า
"ทุกคนที่โรงแรมบอกว่าตอนนี้ปลอดภัย และอันที่จริงแม้ฉันจะยังเป็นห่วงอยู่ แต่ถ้าให้ฉันนอนกลิ้งอยู่ในโรงแรมโดยไม่ทำอะไรเลย ฉันขอยอมตายดีกว่า ให้ตาย! นี่เป็นวันหยุดของฉันนะ" อูลล่า กล่าวทิ้งท้าย ก่อนขอตัวเพื่อไปดินเนอร์กับครอบครัวที่ตึกใบหยก ย่านประตูน้ำ
คู่รักชาวฝรั่งเศส นางมาเอโร อัลดา และ นายมาวิลลา แพทริก วัย 36 และ 35 ปี ที่เคยมาประเทศไทยเมื่อ 5 ปีก่อน และติดใจเชียงใหม่จนต้องกลับมาเที่ยวอีกครั้ง หนนี้อยู่เชียงใหม่นานถึง 4 เดือน เพื่อร่วมเทศกาลสงกรานต์ ก่อนลงมาเที่ยวกรุงเทพฯ
"คนไทยใจดี ใจเย็น และน่ารักมาก ทุกคนต้อนรับฉันอย่างอบอุ่นแม้ฉันจะเป็นนักท่องเที่ยว แต่ฉันก็ไม่รู้สึกเป็นคนแปลกหน้าของที่นี่เลย" นางมาเอโร เผยความรู้สึกพร้อมเล่าว่า ขณะที่พักอยู่ในเชียงใหม่ ได้รับข่าวสารมากมายจากชาวบ้าน และรู้ว่าการเมืองของประเทศไทยมีความซับซ้อนมากยากที่คนต่างชาติจะทำความเข้าใจ
"ฉันก็รู้ว่าข่าวสารที่ฉันได้รับจากคนท้องถิ่น ไม่มีความเป็นกลาง ทุกคนต่างพูดไปตามความคิดเห็นของตัวเอง จึงอยากเรียกร้องให้คนไทยระวังการให้ข้อมูลข่าวสารแก่ชาวต่างชาติ เพราะพวกเราไม่มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการเมืองไทยเลย เราอยากได้ข้อเท็จจริงและมีพื้นที่ ที่ให้เราได้คิดด้วยตัวเอง" นางมาเอโร กล่าว
ด้านนายมาวิลลา สามีกล่าวเสริมว่า พวกเราอยากมาเห็นการชุมนุมที่คนเชียงใหม่กล่าวถึงด้วยตา จึงเดินทางและพบว่ากลุ่มคนเสื้อแดงไม่ได้มีท่าทีอันตรายอย่างที่บางฝ่ายบอก
"ผมเห็นว่าทุกคนยิ้มแย้มจนไม่น่าเชื่อว่านี่เป็นการประท้วง บางคนลุกขึ้นเต้นรำ บางคนก็ใช้บริการนวดคลายเครียด ผมคิดว่าผมคงไม่รีบเผ่นกลับประเทศเพียงเพราะเหตุการณ์ประท้วงเท่านี้หรอก" นายมาวิลลา กล่าวหนักแน่น
ครั้นถามว่าอยากฝากอะไรถึงผู้ชุมนุม รัฐบาล และการเคลื่อนขบวนที่จะเกิดขึ้น นางมาเอโร ส่ายหน้า พร้อมกล่าวว่า "ไม่มีอะไรจะพูด เพราะฉันเป็นคนฝรั่งเศส แต่ฉันมั่นใจว่าคนไทยจะสามารถผ่านวิกฤตนี้ไปได้อย่างแน่นอน ฉันไม่แนะนำให้ใครทำอะไรเพราะฉันเคารพในการตัดสินใจของทุกฝ่าย
และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ฉันเชื่อว่านั่นเป็นสิ่งที่ดีสำหรับประเทศไทยแล้ว"
นายเบนจามิน โรวส์ อายุ 26 ปี ชาวออสเตรเลีย อาสาสมัครสอนภาษาโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในประเทศพม่า ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ยิงเอ็ม 79 ที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ศาลาแดง เมื่อคืนวันที่ 22 เม.ย. สดๆ ร้อน
นายเบนจามิน กล่าวว่า ที่มาเมืองไทยเพราะต้องมาติดต่อเรื่องหนังสือเดินทาง ที่สถานทูตพม่าประจำประเทศไทย เพิ่งมาถึงที่สนามบินสุวรรณภูมิ วันที่ 22 เม.ย. และถึงสถานทูตพม่าตอนบ่ายโมง
หลังทำธุรเสร็จก็เดินเล่นมาตามถนนสีลมและมาถึงบริเวณสถานีรถไฟฟ้าศาลาแดง กำลังเดินซื้ออาหาร แต่ก็ได้ยินเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้นก่อน 2 ครั้ง แต่ไม่ได้คิดอะไร เพราะไม่รู้ว่าเมืองไทยมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น เอะใจอยู่บ้างเพราะเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ทหารเดินถืออาวุธปืนเพ่นพ่าน คิดว่าน่าจะมีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นแล้ว
กระทั่งมีเสียงระเบิดขึ้นเป็นลูกที่ 3 มีสะเก็ดระเบิดกระเด็นมาถูกที่หน้าอกและด้านหลังมีเลือดไหลอาบ รู้สึกเจ็บบริเวณดังกล่าวและล้มฟุบลงกับพื้นก่อนจะมีรถพยาบาลมารับตัวส่งโรงพยาบาล และให้การช่วยเหลือรักษาพยาบาลเป็นอย่างดี
กระนั้น นายเบนจามิน ยืนยันว่าเขาจะกลับมาเมืองไทยอีกแน่นอน
"ครั้งนี้ไม่ใช่เป็นครั้งสุดท้ายอย่างแน่นอน เพราะส่วนที่เกิดเหตุเป็นแค่ส่วนเดียวของประเทศ ถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็จะไม่เกิดปัญหา ผมยืนผิดที่ ผิดเวลา จึงได้เกิดเหตุขึ้น"
นายเบนจามิน กล่าวว่า เมืองไทยก็ยังเป็นประเทศที่น่าท่องเที่ยวอยู่ จุดที่มีการชุมนุมกันก็เป็นเพียงบางจุดของกรุงเทพฯ เท่านั้น นอกจากพื้นที่กรุงเทพฯ แล้ว ไม่มีปัญหาอะไร ถ้าเราระวังก็ไม่เกิดปัญหา
ถึงอย่างไรเมืองไทยก็ยังเป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวอยู่
เพื่อไทย
Saturday, April 24, 2010
กรุงเทพฯวันนี้-มุมมองนักท่องเที่ยว
กรุงเทพฯวันนี้-มุมมองนักท่องเที่ยว