เมื่อเสรีภาพประชาธิปไตยถูกปิดกั้น... เมื่อความไม่เป็นธรรมครอบงำไปทั่ว...ไม่เว้นแม้แต่จอทีวี แล้วคนในชาติจะอยู่กันอย่างสันติได้อย่างไร???
ในสถานการณ์ที่รัฐบาลใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินขณะนี้ ไม่ต้องไปเรียกร้องหาประชาธิปไตยที่ไหน เพราะจอทีวีก็ขาดเสรีภาพแห่งความคิดไปด้วย
เสรีภาพที่สร้างสรรค์ชาติและความบันเทิงถูกทำลายไปหมดเกลี้ยง!!
กระทบหนักสุดก็คือคนกลุ่มใหญ่ของประเทศที่ไม่ได้เป็นปรปักษ์กับฝ่ายใด กลับต้องได้รับความเดือดร้อนกันทั่วหน้า ไม่เว้นแม้แต่เด็กเล็กที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่
ภาพข่าววันนองเลือด 10 เมษายน 2553 ยังปรากฏย้ำรอยบาดแผลอยู่ตลอดเวลา ไม่ช่อง 11 ก็หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนไปหลายช่อง
เป็นการตอกย้ำโดยข้อมูลฝ่ายเดียว เหมือนเลือดไทยที่ไหลหลั่งอีกฝากฝั่งไม่มีค่า ไร้ราคาแก่การกล่าวถึง!!
ตอกย้ำความไม่เป็นธรรมที่ขยายวงกว้างของความขัดแย้งออกไปเรื่อยๆ
ผมเข้าใจดีว่า...ในยามคับขัน การรักษาบ้านเมืองให้เป็นไปตามกฎหมายนั้น หนีไม่พ้นที่รัฐบาลจะต้องเข้ามาควบคุมสื่อโทรทัศน์ในมืออย่างเบ็ดเสร็จ
แต่รัฐบาลหารู้ไม่ว่า การกระทำเพื่อพยุง ความได้เปรียบในเรื่องของการโฆษณาชวน เชื่อนั้น ไม่ได้บรรลุมรรคผลตามต้องการ กลับก่อเกิดความชิงชังไม่มีที่สิ้นสุด!!
หรือบางสถานีใช้ตัววิ่งสอดแทรกระหว่างรายการ ทำนองข่มขู่ฝ่ายตรงข้าม ทั้งจะใช้ความรุนแรง และประโคมเรื่องก่อการร้ายนับรายชั่ว–โมงนั้น
อันตรายต่อผู้รับสื่อทีวีอย่างมาก เพราะ เกิดการตระหนก ทุกข์ใจ เครียด กลัวบ้านเมืองวุ่นวายกลียุค จะเกิดการรบราฆ่าฟันเลือดนองแผ่นดิน!!
ในฐานะต้องทำหน้าที่เฝ้าจออยู่ทุกวัน... อยากจะขอคืนจอทีวีของประชาชนกลับคืนมา อันเป็นความสุขเดียวที่พอจะหลงเหลืออยู่ในเวลานี้
อย่าได้นำเหตุการณ์ความขัดแย้งแย่งชิงอำนาจ มายึดเอาสาระบันเทิงของชาวบ้านไปมากกว่านี้
พวกเรา "ขอคืนพื้นที่จอทีวี" กลับมาเป็นปกติสุขจะได้ไหม??!!
"แจ๋วริมจอ"